ภัยพิบัติธรรมชาติ ทั่วโลก ปี 2560 เสียหาย 330,000 ล้าน US$
ภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้น ในปี 2560 ส่งผลกระทบต่อ บริษัทประกันภัยทั่วโลก มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 330,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกือบ 2 เท่าของความเสียหายที่เกิดขึ้นในรอบ 10 ปี
19 ม.ค.
หิมะถล่มใส่ โรงแรมริโกเบอาร์โน ในอิตาลี หลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงกว่า 5 แมกนิจูด ถึง 4 ครั้ง ภายใน 4 ชั่วโมง ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 30 ราย
10 ก.พ.
แผ่นดินไหวขนาด 6.5 แมกนิจูด ทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ มีจุดศูนย์กลางใต้มหาสมุทรนอกชายฝั่ง มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บกว่า 120 ราย รวมทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
2 เม.ย.
โคลอมเบีย เกิดเหตุดินถล่มครั้งรุนแรง ในเมืองโมโกอา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 207 ราย ผู้สูญหายอย่างน้อย 220 ราย และบาดเจ็บอีก 202 ราย จากเหตุฝนที่ตกมาอย่างหนัก ทำให้เกิดระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายเพิ่มอย่างรวดเร็ว และไหลทะลักพร้อมพัดพาดินโคลนเข้ามาซัดบ้านเรือน และสะพานพังเสียหายจำนวนมาก
29 พ.ค.
เกิดน้ำท่วมไหลหลากและดินถล่ม ในศรีลังกา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 164 ราย สูญหาย 104 ราย หลังจากเกิดฝนตกหนักเป็นเวลา 2 วัน ความเสียหายจากเหตุอุทกภัย มูลค่าสูงมูลนับตั้งแต่ปี 2546
เดือน มิ.ย.
เครื่องบินของกองทัพอากาศเมียนมาตก เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เลวร้าย รวมทั้งการเกิดลมกระโชกแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน
9 ก.ค.
เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันบนเกาะคิวชูของญี่ปุ่น เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม พบผู้เสียชีวิต 18 ราย และมีผู้สูญหายประมาณ 30 ราย ประชาชนราว 250 คน ยังคงติดอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะและโออิตะ บนเกาะคิวชู
21 ก.ค.
ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวของตุรกี รายงานการเกิดคลื่นสึนามิความสูง 40 เซนติเมตร หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 แมกนิจูด ในทะเลอีเจียน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 100 คน
8 ส.ค.
เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.0 แมกนิจูด ในมณฑลเสฉวนของจีน มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บ 175 ราย รวมถึงผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวน 21 ราย
13 ส.ค.
เกิดเหตุน้ำท่วมและดินถล่ม อันเนื่องมาจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในเนปาล มีผู้เสียชีวิต 40 คน และสูญหายอย่างน้อย 36 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 20 คน หลายพันครอบครัวต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย
16 ส.ค.
ฝนที่ตกอย่างหนักตลอด 3 วัน ก่อให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลันในรัฐพิหาร ทางตะวันออกของอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยก็ 11 ราย และส่งผลกระทบต่อประชาชนประมาณ 9.6 ล้านคน
เดือน ส.ค.-ก.ย.
สหรัฐ เกิดพายุเฮอร์ริเคน ความรุนแรงระดับสูง พัดถล่มถึง 2 ลูก ลูกแรก คือ พายุเฮอริเคน ฮาร์วีย์ พัดถล่มรัฐเท็กซัส มีความรุนแรงอยู่ในระดับ 4 ถือเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุด ที่พัดถล่มรัฐเท็กซัสในรอบมากกว่า 50 ปี สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัส อีกทั้งยังทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
เดือน ก.ย. พายุเฮอร์ริเคน เออร์มา พัดถล่มสหรัฐฯ และคร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 80 ราย
20 ก.ย.
เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 7.1 แมกนิจูด ในเมืองเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแตะ 143 คน แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวยังส่งผลให้อาคารหลายแห่งพังถล่มลงมา
15 ต.ค.
น้ำท่วมและแผ่นดินถล่ม ในภาคเหนือ และภาคกลางของเวียดนาม มีผู้เสียชีวิต 60 ราย สูญหาย 37 ราย และบาดเจ็บ 31 ราย
13 พ.ย.
เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.3 แมกนิจูด บริเวณชายแดนระหว่างอิหร่านและอิรัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 500 ราย และบาดเจ็บเกือบ 8,000 ราย
24 ธ.ค.
พายุโซนร้อน เทมบิน พัดถล่มเกาะมินดาเนา ในฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักและดินถล่ม และมีผู้เสียชีวิตราว 230 คน และสูญหายอีกหลายสิบคน
ปี 2560 เคลมทุบสถิติ 1.4 แสนล้านเหรียญ ภัยพิบัติถล่ม แต่ ‘ประกันภัยต่อ’ ขึ้นเบี้ยแค่หลักเดียว เหตุแข่งขันสูง
ภัยพิบัติกระหน่ำทั่วโลก “มิวนิค รี” คาดปี 2560 บริษัทประกันภัย ทั่วโลกจ่ายเคลม 135,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.45 ล้านล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกปี เหตุภัยพิบัติถล่มอ่วม ทั้งเฮอริเคน แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง และไฟป่าในทวีปอเมริกาเหนือ ยอเมริกาเสียหายหนักสุด ตลาดโลกแหยงโขกเบี้ยแพง ชี้ต่อสัญญาณ 1 ม.ค. 61 คืนเบี้ย ประกันภัย ต่อเป็นเลขหลักเดียว ไม่ใช่ 2 หลักอย่างที่คิด ผลพวงแข่งดุ
บริษัท มิวนิค รี ผู้รับ ประกันภัยต่อ รายใหญ่จากเยอรมนี
ระบุในรายงานประจำปีเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่มีการทบทวนข้อมูลใหม่ว่า ความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก จากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา (รวมความเสียหายที่ไม่ได้ทำ ประกันภัย ไว้) น่าจะมีมูลค่าถึง 330,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10.89 ล้านล้านบาท สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากปี 2554 ที่มีความเสียหายถึง 354,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 11.68 ล้านล้านบาท โดยเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในปีนั้นคือ แผ่นดินไหว และสึนามิที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยErnst Rauch หัวหน้าศูนย์ภูมิอากาศ มิวนิค รี
ซึ่งเป็นส่วนงานที่คอยติดตาม ตรวจสอบความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า ขณะนี้มีเหตุการณ์ที่กลายเป็นเรื่องปกติใหม่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นในปี 2560 ไม่ใช่ข้อผิดพลาด เพราะนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ พุ่งสูงเกิน 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท หลายครั้งมิวนิค รี ย้ำว่า
ความเสียหายทางเศรษฐกิจ มูลค่า 330,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น คิดเป็นเกือบ 2 เท่าของความเสียหายที่เกิดขึ้นในรอบ 10 ปี
ซึ่งมีค่าเฉลี่ยหลังจากปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว อยู่ที่ 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.61 ล้านล้านบาท ขณะที่ความเสียหายของอุตสาหกรรม ประกันภัย คิดเป็นเกือบ 3 เท่าของค่าเฉลี่ยสินไหมทดแทนในรอบ 10 ปี ที่ 49,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.62 ล้านล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา ทั่วโลกมีภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นถึง 710 ครั้ง สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 605 ครั้งซึ่งนอกเหนือจากผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจแล้ว ภัยพิบัติดังกล่าวยังเป็น หายนะ ฉุดผลกำไร บริษัทประกันภัย ลดลงด้วย ซึ่งทั้ง มิวนิค รี และบริษัท แฮนโนเวอร์ รี ผู้รับ ประกันภัย ต่อรายใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ได้ออกคำเตือนถึงกำไรของผู้รับ ประกันภัย ต่อในปีที่ผ่านมา จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
อ้างอิง https://www.todayinsure.com/index.php?ui=news&tag=other&interface=detail&id=10542