คปภ. ไกล่เกลี่ย รถบรรทุกพ่วง18 ล้อทับ รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
คปภ. ไกล่เกลี่ยยุติข้อพิพาทด้านการประกันภัยสำเร็จ รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อทับ รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
รถบรรทุก 18 ล้อลากจูง และส่วนพ่วงตะแคงทับรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ 27 พฤษภาคม 2561
เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ต่อมาผู้เสียหายได้มีการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายของรถยนต์ต่อบริษัทประกันภัย โดยได้มีการเจรจาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เป็นที่ยุติ
จึงกลายเป็นข้อพิพาทด้านการประกันภัย
ตนได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ.ติดตามและให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยกับผู้เสียหาย โดย 17 กรกฎาคม 2561 ผู้เสียหายได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัยของสำนักงาน คปภ. และสำนักงาน คปภ. ได้เชิญคู่กรณีทุกฝ่าย มาชี้แจงข้อเท็จจริงและเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเพื่อหาข้อยุติ
1.รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
ได้ทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1)
ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถคันเอาประกันภัยวงเงิน 730,000 บาท
ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้ายอุบัติเหตุส่วนบุคคลคุ้มครอง ค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่วงเงิน 100,000 บาท
2.รถบรรทุก 18 ล้อลากจูง
ได้ทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1)
ภาคสมัครใจให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายและอนามัยบุคคลภายนอก
ส่วนเกินความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ จำนวน 300,000 บาท
ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกวงเงิน 600,000 บาท
3.ส่วนพ่วงได้มีทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ
1 สิงหาคม 2561 สำนักงาน คปภ. ได้เชิญคู่กรณีมาเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ปรากฏทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาและตกลงกันได้ โดยฝ่ายบริษัทได้ยินยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนที่ผู้เอาประกันภัยพึงพอใจและได้ทำบันทึกยุติข้อพิพาท โดยมีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายดังนี้
1. บริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
ได้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ จำนวน 30,000 บาท
ความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ โดยจ่ายเงินเต็มทุนประกันภัยจำนวน 730,000 บาท
ค่าขนย้ายรถยนต์จำนวน 10,000 บาท
ค่ารักษาพยาบาลตามความคุ้มครองเอกสารแนบท้าย จำนวน 61,728 บาท
หากผู้เอาประกันภัยเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง สามารถแจ้งให้โรงพยาบาลตั้งเบิกค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทได้จนครบวงเงินความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย
2. บริษัทผู้รับประกันภัยรถบรรทุก 18 ล้อลากจูง
ตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับเต็มความคุ้มครองกรมธรรม์
ค่าชดเชยรายวันกรณีพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 9 วันๆละ 200 บาท เป็นเงิน 1,800 บาท
ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายต่อทรัพย์สิน (รถยนต์) ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ 200,000 บาท
ค่าสินไหมทดแทนกรณีบาดเจ็บสาหัสและค่ารักษาพยาบาลจำนวน 300,000 บาท
3. บริษัทผู้รับประกันภัยส่วนพ่วง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับเต็มความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัย และค่าชดเชยรายวันการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 9 วันๆละ 200 บาท เป็นเงิน 1,800 บาท
“หากมีกรณีที่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์หรือผู้มีสิทธิเรียกร้องจากการประกันภัยไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่สามารถได้ข้อยุติในเรื่องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัย ก็สามารถใช้บริการจากสำนักงาน คปภ. โดย สำนักงาน คปภ. มีศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยอย่างครบวงจร และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ซึ่งประกอบด้วย ..
การไกล่เกลี่ยเบื้องต้นในชั้นพนักงานเจ้าหน้าที่
หากข้อพิพาทไม่สามารถยุติลงได้ ก็จะมีกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์และเป็นกลางมาดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยที่มีมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับ
หากคู่กรณีไม่สามารถระงับข้อพิพาทได้ด้วยกระบวนการไกล่เกลี่ยฯ สำนักงาน คปภ. ยังมีกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคู่กรณี เพื่อให้การระงับข้อพิพาทเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยไม่ต้องไปฟ้องคดีต่อศาลซึ่งจะต้องใช้เวลานานกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือเข้ามาขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัย สำนักงาน คปภ.” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ลำดับ …
ผู้เอาประกันไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทประกันภัย
ผู้เอาประกันร้องคปภ.
คปภ. นัดคุ่กรณีมาไกล่เกลี่ย
ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ใช้ วิธีอนุญาโตตุลาการ หรือ จะฟ้องร้องเป็นคดีก็ได้