เปลี่ยนจากบัตรตัวแทนประกันชีวิตเป็นนายหน้าประกันชีวิต!?
เราอาจเข้าใจว่า หากถือบัตรนายหน้าประกันชีวิต เราสามารถขายบริษัทประกันชีวิตที่ไหนก็ได้และที่สำคัญคือบริษัทประกันชีวิตเหล่านั้นจะไม่ตัดสัญญาของเราเนื่องจากทำยอดไม่ได้เพราะเงื่อนไขจะต่างกับบัตรตัวแทนประกันชีวิตที่สังกัดได้เฉพาะบริษัทประกันแห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดอ่อนของตัวแทนประกันชีวิตที่ถือบัตรตัวแทนประกันชีวิต แทนที่จะถือบัตรนายหน้าประกันชีวิต ทำให้อำนาจอยู่ที่บริษัทประกันชีวิตนั้นๆที่ตัวแทนประกันชีวิตสังกัดอยู่ หากวันใดวันหนึ่งคุณมีปัญหากับบริษัทประกันชีวิตนั้น งานประกันชีวิตของคุณที่ทำมาจะกี่ปีหรือกี่สิบปีมีลูกค้ากี่ร้อยกี่พันคนก็อาจหายไปได้ในพริบตาได้
เนื่องจากสัญญาประกันชีวิตเป็นสัญญาระยะยาวโดยเฉลี่ย 10-20 ปี และโดยมากลูกค้าจะถือกรมธรรม์ 21 ปี ซึ่งนั่นทำให้เมื่อคุณจำเป็นต้องย้ายไปบริษัทประกันชีวิตแห่งใหม่ลูกค้าเดิมน้อยรายที่จะตามคุณไป จากการยกเลิกกรมธรรม์เดิมด้วยการเวนคืนกรมธรรม์และไปซื้อกรมธรรม์ใหม่กับคุณ เต็มที่คุณอาจจะได้ 50%หรือ 30% ที่จะยังคงสนับสนุนคุณหรือช่วยเหลือคุณอย่างถึงที่สุด
หน่วยงานควบคุมอุตสาหกรรมประกันภัยอย่างคปภควรต้องทบทวนปัญหาดังกล่าว อาจจะออกกฎห้ามการตัดสัญญาด้วยเหตุผลการทำยอดไม่ได้ โดยอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติมกรณีการตัดสัญญาณตัวแทนประกันชีวิตอย่างเช่นการไม่บริการดูแลลูกค้าและได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าจำนวนมากมีพยานหลักฐานชัดเจนหรือทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งสิ่งนี้จะคานการใช้อำนาจในทางที่เป็นผลประโยชน์ต่อตัวบริษัทประกันเอง โดยการกดดันตัวแทนเพื่อทำยอดอันส่งผลเสียต่อวงการประกันภัยอย่างประกันชีวิตเนื่องจากส่งผลต่อลูกค้านั่นเอง
ตัวแทนต้องการที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยตัวเองด้วยการเปลี่ยนไปถือบัตรนายหน้าประกันชีวิตแต่ทว่าในความเป็นจริงหลายบริษัทประกันชีวิตไม่รับตัวแทนประกันชีวิตที่ถือบัตรนายหน้าเนื่องจากมองว่าไม่สามารถควบคุมด้วยอำนาจและยากต่อการบริหารจัดการ นั่นจึงทำให้การเปลี่ยนจากบัตรตัวแทนประกันชีวิตเป็นบัตรนายหน้าประกันชีวิตสูญเปล่าได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้จนกว่าจะมีทางออกใหม่ๆ