เม็ดเงินโฆษณาประกันภัย เงินสะพัดท่วมจอทีวีพันล้าน

อุตสาหกรรมประกันภัย สำหรับตัวเลขผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ค่ายเล็กค่ายใหญ่ฟันเบี้ยกันอย่างอิ่มหน่ำสำราญกันทั่วหน้า

ครึ่งปีแรกนี้จะเห็นได้ว่าหลายค่ายอัดฉีดยาแรงลงทุนกับสื่อโฆษณามากมาย เป็นเม็ดเงินถึง 1,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 999 ล้านบาท

อันดับ 1 ที่ใช้เงินลงทุนไปเยอะที่สุดย่อมหนีไม่พ้น เบอร์ 1 ในวงการธุรกิจประกันชีวิตอย่าง บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย จำกัด ใช้ไปทั้งสิ้น 418 ล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 3 ของงบโฆษณาในธุรกิจประกันภัยทั้งหมด เพิ่มขึ้น 14% โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาใช้ไป 366 ล้านบาท ในส่วนนี้น่าจะเป็นการทุ่มโฆษณาแบบประกัน ยูนิต ลิงค์ “เอไอเอ ไลฟ์ อิสระ” ที่ได้พรีเซนเตอร์ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าได้ทุกกลุ่ม อย่าง “ณเดช คุกิมิยะ” เข้ามาช่วยเติมสีสันให้กับ “เอไอเอ” ได้อย่างมาก

อันดับ 2 คือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด มหาชน ใช้ไป 211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ใช้ไป 175 ล้านบาท ซึ่งในตัวโฆษณาจะเน้นไปที่แผนประกัน “ไม่เคลมมีคืน” และตัวใหม่ล่าสุดคือ “50 แซ่บเวอร์” โดยโฆษณาทั้ง 2 ตัวนี้ สามารถเข้าถึงประชาชนได้ง่าย

นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าทาง “ไทยประกันชีวิต” เข้าไปมีส่วนร่วมโฆษณาในโรงภาพยนตร์มากกว่าบริษัทประกันค่ายอื่น ๆ และยังเป็นผู้สนับสนุนหนังไทยอยู่หลายเรื่องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องที่ดังเป็นพลุแตก คือ “พี่มากพระโขนง” กวาดรายได้ทั่วประเทศไปถึง 1,000 ล้านบาท หากใครเข้าไปดูในโรงด้วยแล้ว จะได้รับชมโฆษณาก่อนหนังจะเริ่มฉาย สามารถสร้างความจดจำและตอกย้ำแบรนด์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อีกไม่นานคงจะได้เห็นโฆษณาของ “ไทยประกันชีวิต” ออกมาสู่สายตาผู้ชมอย่างแน่นอน ในโฆษณาที่ซึ้งกินใจ ดราม่าเคล้าน้ำตาผู้ชมอย่างที่เคยทำมาในทุก ๆ ปี ต้องจับตาดูว่าจะกระชากอารมณ์ให้กับคนดูมากน้อยได้แค่ไหน แต่ที่รู้ ๆ ไม่เสียยี่ห้ออย่างแน่นอน

ส่วนอันดับ 3 เป็นของ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด มหาชน ใช้ไป 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันที่ใช้ไป 150 ล้านบาท โดยตัวโฆษณาเป็นแบบประกันภัย “เมืองไทย วัยเก๋า ทั่วไทย” ซึ่งยังคงใช้พรีเซนเตอร์คนเดิมคือ “วิทวัส สุนทรวิเนตร” เจาะตลาดกลุ่มผู้สูงวัย

ยิ่งล่าสุดฉลองประสบความสำเร็จในการตอกย้ำแบรนด์ และให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอล ผ่านสังคมออนไลน์กับแอพพลิเคชั่นสุดฮิต “LINE” โดยในช่วงเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มียอดสมาชิก Muang Thai Life Official Account ทะลุถึง 7.3 ล้านคน ซึ่งถือว่ามีจำนวนยอดแฟนสูงเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และยัง 1 ใน 5 ของโลก ที่มีผู้ติดตามมากที่สุด

อันดับ 4 เป็นของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ใช้ไป 54 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้นถึง 440% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ใช้ไปแค่ 10 ล้านบาท เป็นโฆษณาตอกย้ำสินค้า “สูงวัยใช่เลย” โดยใช้ “นพพล โกมารชุน” เป็นผู้ขายสินค้า เจาะกลุ่มช่องทางการตลาดขายตรงผ่านโทรทัศน์ (DRTV) ในส่วนนี้ย่อมทุ่มงบโฆษณากว่าเดิมเป็นอย่างมาก หวังเพื่อต้องการรักษาบัลลังก์แชมป์อันดับ 1 ในช่องทางนี้ต่อไป

และอันดับ 5 เป็น บริษัท กรุงเทพ ประกันชีวิต จำกัด มหาชน ใช้ไป 43 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันที่ใช้ไปแค่ 450,000 บาท ถือว่าปีนี้เข้ามารุกธุรกิจประกันชีวิตอย่างจริงจัง โดยมีการออกโฆษณามาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วในนิยาม “พร้อม” ซึ่งจะบุกในตลาดทำประกันเพื่อการศึกษาให้กับลูก และล่าสุดปล่อยโฆษณาชุด “เพื่อลูก” เป็นแผนประกัน “BLA พร้อมชัวร์เพื่อการศึกษา”

ขณะที่อันดับ 6 เป็นบริษัทประกันวินาศภัย คือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด มหาชน ใช้ไป 38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันที่ใช้ไป 32 ล้านบาท โดยเป็นโฆษณาชุด “ใจเขาใจเรา” สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ในกรณีรถเกิดประสบปัญหาบนท้องถนน

อันดับ 7 เมืองไทยประกันภัย ใช้ไป 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 227% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันที่ใช้ไป 11 ล้านบาท ล่าสุดกับโฆษณาชุด “Thailand Only” เป็นการสื่อสารกับผู้ชมให้ตระหนักถึงภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้ตามทั่วไปแบบง่าย ๆ และเข้าใจแบบไม่ยาก

จากโดยรวมทั้งหมดแล้ว ธุรกิจประกันภัยส่วนใหญ่นั้นแห่เข้าไปทุ่มกับโฆษณาตามสื่อโทรทัศน์เป็นส่วนใหญ่ เพราะใช้ไปถึง 884 ล้านบาท เพื่อขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันที่ใช้ไป 717 ล้านบาท

ส่วนยอดโฆษณาสื่อหนังสือพิมพ์อยู่ที่ 100 ล้านบาท กลับมีอัตราลดลงถึง 8% จากเดิม 109 ล้านบาท!

สะท้อนกลับมาให้เห็นว่าแม้มีการทุ่มงบโฆษณาอย่างล้นหลาม แต่ส่วนใหญ่สื่อหลักของการทำข่าวในวงการประกันภัยอย่างหนังสือพิมพ์ยอดลงโฆษณากลับลดลงชนิดน่าใจหาย

เพราะทุกวันนี้ “โต๊ะมาเลย์” วิ่งป่วนอยู่ในวงการพบปะเจอะเจอพี่น้อง เพื่อนฝูง หันไปทางไหนมีแต่สื่อหนังสือพิมพ์กันเกือบทั้งนั้น พอจะนับได้ประมาณ 30 ฉบับ

มันช่างสวนทางกับเบี้ยประกันเหลือเกิน แต่ละค่ายโกยกันเป็นว่าเล่น แตะระดับ “หมื่นหมื่นล้าน” กันทั้งนั้น

สงสัยต่อไปในอนาคตจะไม่เหลือนักข่าวช่วยเป็นสื่อกลางประชาสัมพันธ์ให้คุณอีกต่อไปแล้ว เผลอ ๆ อาจมีล้มหายตายจากไปอย่างช้า ๆ

ผลตอบแทน ของคำว่า…”น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า” คำนี้ต่อไปสงสัยคงจะใช้ไม่ได้อีกแล้ว!!!