น้ำมัน 91 vs น้ำมัน 95
ค่าออกเทน
ค่าออกเทนคือคุณสมบัติของน้ำมันที่แสดงความสามารถในการต้านทานการจุดระเบิดก่อนเวลาที่กำหนดในเครื่องยนต์เบนซิน หรือเป็นตัวเลขแสดงความต้านทานการน็อคของเชื้อเพลิงเครื่องยนต์เบนซินอย่างไรก็ตามเครื่องยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบ จะมีความต้องการออกเทนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการออกแบบของบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ถ้าใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตรงตามที่ผู้ผลิตเครื่องยนต์กำหนดจะไม่มีผลเสียใดๆ ต่อเครื่องยนต์ทั้งสิ้น
ออกเทน 91 และ 95 ต่างกันอย่างไร
สิ่งที่ทำให้น้ำมันเบนซินมีค่าออกเทนต่างกัน นอกเหนือจากปริมาณองค์ประกอบของน้ำมันเบนซินแล้ว ก็คือสารเติมแต่งที่เติมเข้าไปในน้ำมันเบนซินเพื่อเพิ่มค่าออกเทนให้ได้ค่าตามต้องการ ปัจจุบันมักจะใช้สารออกซิเจนเนต จำพวก MTBE เติมในน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ในปริมาณไม่เกิน 11 % เพื่อให้ได้ค่าออกเทนไม่ต่ำกว่า 95
ทำไมเครื่องยนต์ที่ต้องการน้ำมันเบนซินออกเทน 91 ถึงใช้น้ำมัน 91 ก็พอ
เนื่องจากผู้ผลิตเครื่องยนต์ได้ออกแบบเครื่องยนต์มาให้สามารถใช้ได้กับน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 ได้ ซึ่งเครื่องยนต์ที่ต้องการน้ำมันออกเทน 91 หมายถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม เต็มสมรรถนะก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับน้ำมันที่มีความสอดคล้องกับความต้องการของเครื่องยนต์ อย่างไรก็ตามการบอกความต้องการค่าออกเทนของเครื่องยนต์มักระบุว่า เครื่องยนต์ต้องการน้ำมันที่มีค่าออกเทน 91 หรือสูงกว่าก็คือสามารถใช้ได้กับน้ำมันที่มีค่าออกเทนตั้งแต่ 91 เป็นต้นไป
การใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการจะมีผลอย่างไร
การใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ ไม่ก่อความเสียหายใดกับเครื่องยนต์ (ราคาสูงกว่า)
การใช้น้ำมันออกเทน 91 จะทำให้เครื่องยนต์สกปรกจริงหรือ
การใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 91 หรือ 95 ไม่ควรก่อให้เกิดความสกปรกที่แตกต่างกัน ยกเว้นแต่สีของน้ำมันทั้งสองชนิดที่แตกต่างกัน (ออกเทน 91 มีสีแแดง ส่วนออกเทน 95 มีสีเหลือง)
สีแดงของออกเทน 91 เกิดจากอะไร
สีแดงของน้ำมันเบนซินออกเทน 91 เกิดจากการเติมสี เพื่อแยกความแตกต่างของน้ำมันเบนซินออกเทนต่างชนิดกัน ตามข้อกำหนดที่ใช้ในประเทศไทย โดยกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อป้องกันการปลอมปน ไม่มีผลเสียต่อเครื่องยนต์
ถาม การใช้น้ำมัน 91 กับรถที่ต้องการน้ำมัน 91 ช่วยชาติประหยัดได้อย่างไร
สารออกซิเจนเนต (ส่วนใหญ่ใช้สาร MTBE) เป็นสารเติมแต่งที่ช่วยเพิ่มค่าออกเทนให้กับน้ำมันออกเทน 95 จะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากยังมีไม่การผลิตในประเทศ ทำให้ประเทศไทยต้องนำเข้าสารออกซิเจนเนต (MTBE) และยังมีต้นทุนการผลิตน้ำมันที่สูงขึ้นปีละหลายพันล้านบาท
รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 แต่เติมน้ำมันเบนซินออกเทน 95 แทน แต่เมื่อกลับมาเติมน้ำมันออกเทน 91 แล้ว ทำไมเครื่องยนต์กระตุก สะอึก
เครื่องยนต์ที่ต้องการน้ำมันเบนซินออกเทน 91 สามารถเติมน้ำมันออกเทน 95 ได้เลยโดยไม่มีปัญหาอะไร และสามารถกลับมาเติมน้ำมันออกเทน 91 ใหม่ได้อีกโดยที่ไม่ควรจะมีปัญหาใด
ทำไมใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 แล้ว เกิดอาการเครื่องยนต์น็อค
ในกรณีที่ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 91 กับเครื่องยนต์ที่ต้องการน้ำมันออกเทน 91 จะไม่เกิด การน็อค เว้นแต่ว่า ไม่ใช่เครื่องยนต์ที่ต้องการน้ำมันเบนซินออกเทน 91 หรือน้ำมันเบนซินที่เติมอาจมีการปลอมปน หรือได้มีการปรับแต่งระบบจุดระเบิดของเครื่องยนต์ไปจากเดิม
ทำไมใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 แล้ว เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก
ไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ได้ เว้นแต่ว่าน้ำมันเบนซินที่เติมอาจมีการปลอมปน หรือได้มีการปรับแต่งระบบจุดระเบิดของเครื่องยนต์ไปจากเดิม
ทำไมใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91แล้วเกิดปัญหาสายส่งน้ำมันอุดตัน ช่างจึงแนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 แทนจะหาย ถ้าเปลี่ยนจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ และสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากอะไร
ตอบ ปัญหาท่อส่งน้ำมัน ไม่น่าจะมีสาเหตุมาจากการใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 91 หรือ 95 เนื่องจากน้ำมันทั้งสองชนิดมีความสะอาดมาก อย่างไรก็ตามปัญหาท่ออุดตันอาจหมายถึง การเกิดไอน้ำมันในท่อส่งน้ำมัน แล้วทำให้น้ำมันที่เป็นของเหลวไหลได้ยาก หรือเรียกว่า ไออุด (VAPOR LOCK) ซึ่งปัญหาดังกล่าวก็ไม่น่าเกิดจากการใช้น้ำมันออกเทน 91
ใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทน 91 แล้วเครื่องวิ่งไม่แรง อืด ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 พบว่ารถยนต์เร่งได้เร็วขึ้น
การใช้น้ำมันออกเทน 91 กับรถยนต์ที่ต้องการออกเทน 91 ตรงกัน ไม่น่าจะทำให้สมรรถนะการวิ่งที่อืด หรือเร่งไม่ออก เว้นแต่ว่ารถยนต์คันนั้น ต้องการน้ำมันเบนซินมีค่าออกเทนสูงกว่า 91 หรือมีการปรับแต่งระบบจุดระเบิด หรือเป็นรถยนต์ที่มีอุปกรณ์ knock sensor ที่สามารถปรับจังหวะการจุดระเบิดได้โดยอัตโนมัติ ตามน้ำมันเบนซินที่ใช
การใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 91 ทำให้ระบบการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เครื่องยนต์อืด เร่งไม่ขึ้น ไม่แรง จริงหรือไม่
องค์ประกอบที่น้ำมันเบนซินออกเทน 91 มีน้อยกว่าน้ำมันออกเทน 95 ที่ชัดเจนมากๆ ก็คือปริมาณสารออกซิเจนเนต ปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้ MTBE สารนี้นอกจากทำให้น้ำมันออกเทน 95 มีค่าออกเทนสูงกว่าน้ำมันออกเทน 91 แล้ว ยังช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์มากขึ้นได้ เนื่องจากสาร MTBE มีออกซิเจน เป็นองค์ประกอบ อย่างไรก็ตามน้ำมันเบนซินออกเทน 91 ถึงแม้จะไม่ได้เติมสารออกซิเจนเนตแต่ก็ให้ประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่สูงมากอยู่แล้ว
คุณภาพและความบริสุทธิ์ของน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 ต่ำกว่าของน้ำมันออกเทน 95 จริงหรือไม่
น้ำมันเบนซินออกเทน 91 และ 95 มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือสีที่ใช้เติมต่างกัน ส่วนองค์ประกอบที่ต่างกันอย่างชัดเจนก็คือ ปริมาณสารออกซิเจนเนต (MTBE) ที่ใช้เพิ่มค่าออกเทน นอกจากนั้นเกือบไม่มีอะไรแตกต่างกันอย่างชัดเจน
การทิ้งคราบเขม่า ของ น้ำมันเบนซินออกเทน 91 และ 95 เมื่อใช้ไปแล้วในระยะยาว
การเกิดคราบเขม่าจะแบ่งเป็นจุดสำคัญๆ 3 จุด คือ คราบเขม่าหรือสิ่งสกปรกที่หัวฉีด จุดที่ 2 คือที่ลิ้นไอดี จุดที่ 3 คือภายในห้องเผาไหม้ โดยปกติแล้วรถยนต์ใหม่ ๆ เมื่อเริ่มใช้ไปคราบเขม่าก็จะเริ่มสะสม และจะสะสมจนอยู่ตัวหรือคงที่ เมื่อมีการใช้งานประมาณ 10,000 – 20,000 กม. ก็จะไม่เพิ่มขึ้นอีก คราบเขม่าที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อยไม่ได้ขึ้นกับค่าออกเทนโดยตรง แต่ขึ้นอยู่กับส่วนผสม หรือส่วนประกอบของเนื้อน้ำมัน อย่างเช่นที่ลิ้นไอดี ถ้าเป็นน้ำมันพวกออริฟิน ซึ่งเป็นไฮโดรคาร์บอนชนิดหนึ่ง ถ้าออริฟินมากสิ่งสกปรกที่ลิ้นไอดีจะมาก แต่ถ้าภายในห้องเผาไหม้คราบเขม่าจะเกิดจากสารคนละตัว
1. น้ำมัน เบนซิน 91 = น้ำมันที่เกิดจากบวนการกลั่นน้ำมัน นำมาผสมสารเพิ่มคุณภาพ และสารเติมแต่ง ให้ได้ค่าออกเทนตามที่ต้องการ
2. แก๊สโซฮอล์ 95 (E10) = น้ำมันเบนซิน 91 (ข้อ 1) 90% นำมาผสมกับ เอทานอล 10%
3. แก๊สโซฮอล์ 91 (E10) = น้ำมันเบนซินออกมาจากโรงกลั่นมีค่า ออกเทน อยู่ที่ 87 90% มาผสมกับ เอทานอล 10%
4. E20 (ตัวนี้จริงๆแล้ว มีค่าออกเทน สูงถึง 98 ) = น้ำมันเบนซิน 91 (ข้อ 1) 80% นำมาผสมกับ เอทานอล 20%
*** เอทานอล มีคุณสมบัติที่ควรรู้คือ มันเพิ่มค่าอ็อคเทนให้สูงขึ้นได้ และ มัน ระเหยได้ ****
เติมอันไหนดี โดยมีเงื่อนไขดังนี้
– เครื่องยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบ จะมีความต้องการออกเทนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตเครื่องยนต์ ถ้าใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตรงตามที่กำหนดจะไม่มีผลเสีย
– การใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ จะไม่ก่อความเสียหายใดๆ กับเครื่องยนต์
– ค่าออกเทนยิ่งมาก ยิ่งช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์มากขึ้น
– สามารถผสมน้ำมันออกเทน 91 และสามารถเติมน้ำมันออกเทน 95 ได้เลยโดยไม่มีปัญหาอะไร
– รถที่สามารถเติม แก๊สโซฮอล์ ได้คือรถที่ได้รับการออกแบบให้รองรับ เอทานอล มาแล้ว ซึ่ง เอทานอล จะไม่มีผลในการทำลายท่อต่างๆ
แก็สโซฮอล 91 อืด !?
1. การใช้น้ำมันออกเทน 91 กับเครื่องยนต์ที่ต้องการน้ำมันออกเทน 91 จะไม่เกิด การน็อค หรืออืด อย่างแน่นอน
ยกเว้นแต่ว่า เครื่องยนต์ที่ใช้ต้องการน้ำมันออกเทน 95 ในการจุดระเบิด แต่ เติมน้ำมันออกเทน 91 เข้าไป จะเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นทันที
ซึ่งเกิดขึ้นได้ กับ รถยนตร์เก่าทั่วไป และรถยุโรป เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากรถยุโรปต่องการ ออกเทนในการจุดระเบิดที่ 95
2. แก๊สโซฮอล์ 91 (E10) = น้ำมันเบนซินออกมาจากโรงกลั่นมีค่า ออกเทน อยู่ที่ 87 90% มาผสมกับ เอทานอล 10%
เอทานอล มีคุณสมบัติคือ ระเหยได้ หลังจากที่ เอทานอล ระเหยออกไป น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 91 จะมีค่าออกเทนลดลงไปตามระยะเวลา
ซึ่งเกิดขึ้นได้กับ ปั้มหลอดที่มีการเก็บน้ำมันไว้ ไม่ดี และปั้มเก่าๆ ที่เก็บน้ำมันไว้เป็นระยะเวลานาน จะเห็นได้ว่าเติมแล้ว เครื่องมีอาการทันที
รถถ้าใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนเหมาะสมกับความต้องการของเครื่องยนตร์ จะทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน และยังช่วยให้ประหยัดน้ำมัน
แต่ถ้าใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนต่ำกว่าความต้องการอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดการน็อค และทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง วิ่งอืดขึ้น
แต่ถ้าใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ ทำได้โดยจะไม่ก่อความเสียหายใดๆกับเครื่องยนต์
MSX ออกแบบมาให้สามารถ ใช้น้ำมันเบนซิน 91 แปลว่า ต้องการค่าออกเทนในการจุดระเบิดที่ 91 เพราะฉนั้น น้ำมันที่เติมได้
เบนซิน 91 / แก๊สโซฮอล์ 95 / แก๊สโซฮอล์ 91 / E20
หรือดูได้จากหน้าคู่มือจะมีสัญลักณ์ติดคือ แก๊สโซฮอล์ 95 E10 / E20 , แก๊สโซฮอล์ 91 E10
จะเลือกเติมอะไรอยู่ที่ตัวท่านเลย จะผสม ยังไงก็เติมได้หมด ถ้าเติมจากปั้มที่ได้มาตรฐาน