มีประกันชั้น1 แต่ไม่มี พรบ

รถฝ่ายประมาท มีประกันรถยนต์ชั้น1 ไม่มี พ.ร.บ.
รถคู่กรณี ไม่มีทั้ง พ.ร.บ. และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ

คู่กรณีได้รับบาดเจ็บ 2 คน และได้เรียกร้องค่าเสียหาย ดังนี้

– คนที่ 1 ค่ารักษาพยาบาลตามจริง 3,000 บาท, ค่าชดเชยรายได้ 5 วัน วันละ 1,000 บาท และค่าทำขวัญ 10,000 บาท
– คนที่ 2 ค่ารักษาพยาบาลตามจริง 40,000 บาท, ค่าชดเชยรายได้และค่าทำขวัญรวม 300,000 บาท

ฝ่ายประมาท ได้รับบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาท

ประกันรถยนต์ชั้น1 ของฝ่ายประมาท แจ้งว่า…
คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน คนขับของฝ่ายประมาท ต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของทั้ง 2 คน
คนละไม่เกิน 50,000 บาท ตามที่ พ.ร.บ. รับผิดชอบก่อน

ค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะรับผิดชอบ ในตารางกรมธรรม์ระบุชัดเจนว่าค่าเสียหายของบุคคลภายนอก จะรับผิดชอบเฉพาะส่วนที่เกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ.

ค่ารักษาพยาบาลของฝ่ายผิด ประกันรถยนต์ชั้น1 แจ้งว่า…
ฝ่ายผิดต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท ตามที่ พ.ร.บ. รับผิดชอบก่อน
ค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ประกันรถยนต์ชั้น1 จะรับผิดชอบ ตามความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย (ร.ย.02)

พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 (ปรับปรุง)
มาตรา 7 – รถทุกคัน (ที่ไม่ใช่รถตามมาตรา 8) ต้องทำ พรบ.ทุกคัน บทลงโทษ ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ตามมาตรา 37
มาตรา 23 – กรณีที่รถไม่มี พรบ. ผู้ประสบภัยจากรถสามารถไปเบิกจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้
มาตรา 26 – กองทุนทดแทนฯ สามารถเรียกเงินที่จ่ายไป คืนจากเจ้าของรถ ที่ไม่ได้ทำ พรบ.ได้
มาตรา 28 – อนุญาตให้กองทุนทดแทนฯ ดำเนินการยึดรถเจ้าของรถ กรณีที่เจ้าของรถไม่จ่ายคืนกองทุนทดแทนฯ
มาตรา 29 – อนุญาตให้กองทุนทดแทนฯ ดำเนินการนำรถที่ยึดมาขายทอดตลาดได้

ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ว่าด้วยกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่า รถคันดังกล่าวจะมีประกันภัยภาคสมัครใจหรือไม่ ดังนั้น สำคัญมาก พรบ.ติดหน้ารถ ปีหนึ่งไม่กี่บาท อย่าปล่อยให้ขาดต่อกัน

บ้างก็ว่า..
ปกติ ประกันจะแจ้ง ว่าจะจ่ายเฉพาะส่วนเกินจาก พรบ. ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น (ไม่อย่างนั้นจะทำประกันไปทำไม) หากในกรมธรรม์ไม่ได้เขียนไว้แบบนั้น ประกันภาคสมัครใจก็ต้องจ่ายทั้งหมด

ค่ารักษาทั้งหมด ทั้งฝ่ายถูกและผิดชำระเองก่อน แล้วทำเรื่องเบิกประกัน