Cash before Cover จ่ายก่อนคุ้มครอง

Cash before Cover
เป็นหลักในการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัย โดยกำหนดให้มีผลบังคับทันทีที่รับชำระเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยจึงต้องชำระเบี้ยประกันภัยก่อนการเริ่มต้นคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย การนำหลัก Cash before Cover มาปรับใช้กับการประกันภัยรถยนต์นี้ คำสั่งนายทะเบียนประกันวินาศภัยให้ปรับใช้กับการประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป

เมื่อนำหลัก Cash before Cover มาใช้ระบบการประกันภัยรถยนต์ดีขึ้นอย่างไร?
1.  เพิ่มประสิทธิภาพและลดโอกาสในการเกิดข้อพิพาท
2. เพิ่มสภาพคล่องแก่บริษัทประกันภัย และสนับสนุนให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็ว
3.  เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงของบริษัทที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ได้รับชำระเบี้ยฯ
4.  สนับสนุนให้ธุรกิจประกันภัยมีธรรมาภิบาล ดำเนินธุรกิจแบบตรงไปตรงมา ป้องกันการฉ้อฉลของผู้ขายประกันภัย ป้องกันการรับเงินของลูกค้าแล้วไม่นำเงินส่งบริษัทประกันภัย

ขั้นตอนการซื้อประกันภัยเปลี่ยนไปอย่างไร?
1. ผู้เอาประกันภัยต้องวางแผนในการซื้อประกันภัยล่วงหน้า โดยต้องทำประกันภัย หรือต่ออายุการประกันภัยให้ตรงหรือก่อนวันเริ่มต้นคุ้มครองและชำระเบี้ยประกันภัยทันทีที่ทำสัญญาประกันภัย จึงจะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ตกลงไว้
2. สัญญาประกันภัยจะมีผลทันทีที่ผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยและบริษัทต้องออกหลักฐานการรับชำระเบี้ยประกันภัยทันที
3. ตัวแทนประกันภัย ต้องแสดงใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันภัยทุกครั้งที่มีการชักชวนบุคคลทำสัญญาประกันภัย หรือรับเบี้ยประกันภัยในนามบริษัทประกันภัย
4. นายหน้าประกันภัย หรือ พนักงานของบริษัทต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจจากบริษัททุกครั้ง ที่มีการรับเบี้ยประกันภัยในนามบริษัทประกันภัย และต้องออกเอกสารแสดงการรับเงิน ของบริษัททุกครั้งที่มีการรับชำระเบี้ยประกันภัย
5. กรณีที่บริษัทประกันภัยไม่สามารถออกกรมธรรม์ประกันภัยได้ทันทีบริษัทต้องจัดส่งกรมธรรม์ให้ผู้เอาประกันภัยภายใน 15 วัน