INSURANCETHAI.NET
Mon 18/11/2024 0:25:23
Home » ความรู้รถยนต์ » 200 เรื่องน่ารู้ สำหรับคนใช้รถ[Chapter2]\"you

200 เรื่องน่ารู้ สำหรับคนใช้รถ[Chapter2]

2013/06/17 1542👁️‍🗨️

car-charpter2

51.เกียร์สูงสุด เป็นเกียร์ที่ใช้กับอัตราเร็วสูงแต่ให้กำลังน้อยที่สุดเราจะใช้เกียร์สูงสุดกับอัตราเร็วของรถยนต์ที่แตกต่างกันได้มา คุณสามารถใช้แล่นด้วยความเร็วคงที่บนถนนทางตรง
52.อย่าให้ไฟดวงหนึ่งดวงใดขาด การใช้สัญญาณไฟจะทำให้รถคันอื่นที่ตามหลัง หรือสวนทางเข้าใจในเจตนาของเรา แต่หากไฟสัญญาณดวงหนึ่งดวงใดขาดไป จะทำให้เป็นอันตรายแก่การใช้รถใช้ถนนควรตรวจสอบและหาฟิวส์ หรือไฟอะไหล่ไว้ในรถบ้าง
53.ไฟเตือนภัยมีความสำคัญอย่าขับรถยนต์ออกไปเด็ดขาดกรณีที่มีการเตือนของไฟบนแผงหน้าปัดขึ้น เช่น ไฟเตือนความดันน้ำมันหล่อลื่นเพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
54. กระพริบไฟหน้าแทนแตร การใช้ไฟสูง-ต่ำของไฟหน้า ทำให้เกิดการกระพริบสามารถเตือนผู้ขับขี่รายอื่นด้วย ที่คาดว่าจะไม่ได้ยินเสียงแตรจากรถของเรา
55.อย่าปล่อยเกียร์ว่างให้รถเคลื่อนลงทางลาดเองไม่ถูกต้องการปล่อยให้รถไหลไปเองโดยไม่ใช้การขับเคลื่อน จะทำให้ควบคุมรถยนต์ยาก โดยเฉพาะพวงมาลัยและเบรกเกียร์จะเข้ายากขึ้นอีกด้วย
56. ลดเกียร์ไม่จำเป็นต้องไล่ตามลำดับการลดลงเกียร์ต่ำไม่จำเป็นต้องไล่ตามลำดับ เช่น จากเกียร์ห้ามาเกียร์สาม จากเกียร์สามมาเกียร์หนึ่ง เช่นนี้ จะทำให้เรามีเวลามองถนน และจับพวงมาลัยได้นานขึ้น
57. ใกล้ทางแยกอย่าเปลี่ยนเลนกะทันหันต้องตัดสินใจให้ดีว่าคุณกำลังจะไปทางไหน+ ซ้าย-ขวาหรือตรง อย่าตัดเลนซ้ายมาขวา หรือขวามาซ้าย บริเวณใกล้ทางแยกจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ถูกตำรวจจับแน่นอน
58.จะไม่มีการชนท้ายรถคนอื่นเด็ดขาดไม่ขับชิดคันหน้าเกินไปหรือกะระยะการทำงานของเบรกได้ถูกต้อ
59.. สิ่งกีดขวางกลางถนน บังเอิญสิ่งกีดขวางอยู่ในช่องจราจรของเรา ตามหลักเราต้องให้รถยนต์วิ่งสวนทางมาผ่านไปก่อน กรณีสิ่งกีดขวางอยู่ฝังตรงข้ามอย่าผลีผลามเหยียบคันเร่งเลยไปเพราะรถคันสวนทางเราอาจไมยอมหยุดรถและหลบสิ่งกีดขวางออกมาในเลนของเราหน้าตาเฉย
60. สิ่งกีดขวางอยู่บนเนินนับว่าเป็นเรื่องท้าทายให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ การใช้เบรคจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาจัดการแก้ปัญหานี้
61.อย่าเพิ่งดับไฟขณะรุ่งสางการรีบดับไฟเมื่อขับรถตอนรุ่งสางไม่เป็นผลดีต้องให้แน่ใจว่าคุณสามารถมองเห็น ถนนและผู้ขับขี่คันอื่นอย่างชัดเจนเสียก่อนจึงค่อยดับไฟ กรณีรถมีสีคล้ำ ดำหรือน้ำเงินซึ่งไม่ค่อยสะท้อนแสงต้องเปิดไฟแต่เนิ่น ๆเมื่อเริ่มจะมือและปิดไฟช้ากว่าคันอื่นเมื่อเวลารุ่งสาง
62.แซงรถที่กำลังวิ่ง ต้องเข้าใจว่ารถคันหน้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็ว หนึ่งหากเราคิดจะแซง แน่นอนว่าความเร็วของรถเรา ต้องมากกว่า เมื่อหักลบกับความเร็วคันหน้าก็จะได้ระยะทางที่ต้องใช้ในการแซงนั่นก็คือ แซงรถกำลังวิ่งครั้งหนึ่งต้องใช้เวลามากกว่าปกติ ทางที่ดีไม่แน่ใจอย่าแซงจะดีกว่า
63. แซงระทางชันหากเป็นรถที่บรรทุกของหนักและวิ่งช้ากว่าเราการแซงจะใช้เวลาสั้นลงอย่างมากแต่พึงระวังรถสวนเลนตรงข้าม ซึ่งจะวิ่งลงทางลาดด้วยความเร็วสูง
64.อย่าเร่งรถหากกำลังถูกแซง จะเป็นการผิดมารยาทอย่างยิ่ง หากรถของคุณที่กำลังถูกแซงเร่งเครื่องหนีด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น เมื่อเห็นว่ารถคันขวาของคุณกำลังจะถูกแซง ต้องชะลอความเร็วรถของคุณเพื่อให้รถของเขาแซงขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว
65.ขับรถขึ้นเขา กรณีขับรถขึ้นเขาหรือเนินแน่นอนว่ารถของคุณต้องใช้กำลังเพิ่มมากขึ้น การขับต้องเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำกว่าเดิมเพื่อรักษาความเร็วของรถ การเปลี่ยนเกียร์ต้องเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเพราะขณะที่เรายกเท้าออกจากคันเร่งแล้วเหยียบคลัตช์เปลี่ยนเกียร์
66. ขับรถลงทางลาดขึ้นเนินใช้เกียร์ต่ำเพื่อรักษาความเร็วของรถ ลงทางลาดต้องใช้เกียร์ต่ำ เพื่อลดอัตราเร็วของรถแทนการใช้เบรค หากใช้เบรคในทางลาดมากไป จะทำให้เบรกลื่นและจับไม่อยู่ เนื่องจากมีความร้อนสูง
67. ออกตัวของรถขึ้นทางชัน ผู้ขับขี่มือใหม่มักมีปัญหาการออกตัวขึ้นเนินแล้วรถเคลื่อนที่ถอยหลัง ต้องฝึกให้มีความสามารถในการใช้คันเร่งคลัตช์และเบรคมือพร้อมกัน โดยใช้เท้าซ้ายกดแป้นคลัตช์ลง โยกคันเกียร์จากเกียร์ว่างไปยังเกียร์หนึ่ง ใช้เท้าขวากดแป้นคันเร่ง โดยกดให้มากกว่าการออกตัวบนพื้นระดับ และต้องกดอย่างสม่ำเสมอตามปริมาณของความชัน
68. จดรถหันหน้าขึ้นเนินหลีกเลี่ยงได้ควรหลีก แต่ถ้าจำเป็นต้องจอดให้ชิดขอบขวาทางด้านซ้ายมากที่สุด หมุนพวงมาลัยให้ล้อหันไปทางขวาป้องกันการเคลื่อนที่ถอยหลังเป็นเกียร์หนึ่งและใช้เบรกมือให้มั่นคง
69.จอดรถหันหน้าลงเนินหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายให้ล้อหันเข้าหาขอบทางเท้า ป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่เดินหน้าใส่เกียร์ถอยหลังและเบรคมือไว้
70. ทางโค้ง ให้สังเกตป้ายจราจรว่า โค้งไปทางขวาหรือทางซ้าย การเข้าโค้งให้ใช้เบรคเท้าควบคุมความเร็วของรถ เลือกเกียร์ให้เหมาะสมใช้คันเร่งอย่างระมัดระวัง และบังคับรถให้ชิดเส้นแบ่งถนนทางซ้ายไว้ตลอดโค้ง
71. ระวังหลุดโค้ง ปรกติทางโค้งจะมีป้ายจราจรเตือนล่วงหน้า และมีเสาหลักปักตามระยะโค้งแต่หากผู้ขับขี่ไม่ควบคุมความเร็วเข้าโค้งด้วยความเร็ว โค้งธรรมดาก็จะกลายเป็นโค้งหักศอกให้ได้รับอันตรายให้เห็นกันอยู่บ่อย
72. ความดันลมของยางสัมพันธ์กับพวงมาลัย ยางรถยนต์จะต้องมีความดันลมในปริมาณพอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไปถ้ามากไปทำให้ยากสึกหรอ ไม่ยึดถนนและลื่นไถลทางโค้งแต่หากความดันลมยางน้อยไปจะทำให้ยางร้อนจัดยางไม่เกาะถนนและสึกหรอง่าย สังเกตว่าความดันลมยางน้อยไปเมื่อพวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
73. เบรคบนทางโค้งอันตราย! ควรหลีกเลี่ยงการใช้เบรคบนถนนทางโค้งเพราะจะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวและมีแนวโน้มลื่นไถลหลุดโค้งออกไป.
74. รถใหญ่บังรถเล็กรถใหญ่ที่วิ่งตามทางแยกอาจบังรถเล็กอีกคันที่กำลังแซงขึ้นมา หากเราตัดสินใจเลี้ยวออกจากทางแยกแบบปัจจุบันทันด่วน โดยไม่ระวังให้ดีอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
75. ถอยหลังทางไหนหมุนพวงมาลัยทางนั้น การถอยหลังรถแรก ๆ อาจจะดูไม่ถนัด ต้องอาศัยประสบการณ์ โดยมีเคล็ดลับอยู่ว่าจะให้ส่วนท้ายของรถหันไปทางไหนก็หมุนพวงมาลัยไปทางนั้นส่วนผู้ขับก็เอี้ยวตัวไปดูข้างหลังโดยมือถือพวงมาลัยมือหนึ่ง อีกมือพาดบนพนักพิงผู้โดยสาร
76. ข้อห้ามของการถอยหลังอย่าใช้วิธีกลับรถโดยการถอยหลังจากถนนซอยสู่ถนนใหญ่ เมื่อไม่แน่ใจว่าปลอดภัย อย่าถอยหลัง และอย่าถอยหลังเป็นระยะทางไกล ๆ โดยไม่จำเป็น
77. ไฟเขียวให้รีบไปแน่หรือ การขับรถบริเวณทางแยกที่มีไฟจราจรกำกับและเป็นไฟเขียวอยู่ ไม่ตะบี้ตะบันเหยียบคันเร่งให้ทันสัญญาณไฟ ควรสังเกตดูว่าไฟเขียวนั้นนานแค่ไหน แล้วสังเกตดูว่ารถจากถนนฝั่งหนึ่งมีแถวยาวเท่าไร และควรขับรถเว้นระยะกับรถคันหลังดูว่าหากเบรคกะทันหัน กรณีไม่ทันไฟเขียว แล้วคุณจะไม่ถูกชนท้าย
78. รีบร้อนไปไหนยังไฟแดงอยู่เลย ผู้ขับขี่หลายรายต้องเสียอกเสียใจทุกวันนี้เพราะประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากชอบออกรถในขณะที่สัญญาณไฟยังเป็นไฟแดงหรือเหลืองอยู่ โดยคาดเดาล่วงหน้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจร ในขณะที่รถอีกฝั่งยังไฟแดงอาศัยลูกติดพันจากไฟเขียว ผลก็คือ ประสานงากันจังเบ้อเริ่ม เดือดร้อนกันทั่วหน้า
79.ถูกจี้ท้ายและเตือนด้วยไฟสูงต่ำหลายคนคงเคยเจอนักเลงกลางถนน โดยขับขี่อยู่ ดี ๆ ก็มีรถคันอื่นมาจี้ท้าย
แถมใช้ไฟสูงต่ำยิงใส่ท้ายรถอย่าตกใจและห้ามตอบโต้เด็ดขาด เพียงแต่ค่อย ๆ เปลี่ยนช่องจราจรไปทางซ้ายเพื่อให้เกิดช่องว่างให้รถคันหลังผ่านไปได้
80.ไม่แตะเบรกขณะรถลื่นไถล กรณีรถขาดการทรงตัว เมื่อเจอสภาพถนนมีน้ำมันเกลื่อนกลาดอย่าตกใจยกเท้าออกจากคันเร่งและหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางเดียวกับทิศทางการลื่นไถลโดยห้าม แตะเบรคโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
81. ปล่อยให้เขาแทรกบ้างเพื่อน้ำใจ การขับรถบนท้องถนน โดยเฉพาะบริเวณที่มีรถติดการขอเข้าแทรกของรถคันอื่นข้างหน้า เราจะเจอบ่อยครั้งหากเราอารมณ์เย็นสักหน่อยพยายามมองโลกในแง่ดีปล่อยให้เขาแทรกเข้าไปบ้าง ก็จะทำให้การใช้ถนนของคุณวันนั้นราบรื่น ไม่ต้องคอยฟังเสียงอาฆาตมาดร้ายจากรถคันอื่นให้เสียอารมณ์เปล่า ๆ
82. มีปัญหากับจราจร การใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงไม่ให้มีปัญหา กับตำรวจจราจรนั้นยากมาก เมื่อถูกเรียกให้รถคุณหยุดข้างทาง และกำลังจะแจ้งข้อกล่าวหา คุณไม่ควรแสดงอาการต่อต้านโต้เถียงรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ควรพูดคำสุภาพควบคุมมารยาทเอาไว้เหตุร้ายอาจกลายเป็นดีได้
83. วิ่งไปอุ่นไป…เงินเหลือเก็บน้ำมันเหลือใช้ หลังจากสตาร์ทรถแล้ว ควรออกรถด้วยการขับความเร็วต่ำไปสักรอบ 1 -2 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นการอุ่นเครื่องไปในตัวไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและยังประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย
84. บรื้น-เอี๊ยด…ทั้งซด ทั้งแพง ใช่ว่าจะเท่ห์เพราะทุกครั้งที่ท่านขับรถแบบกระชาก หรือเบรกแรงนั้นสิ้นเปลืองทันตาเห็น ทั้งเครื่องยนต์จะพังแถมยังอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าเดิมถึง 30%
85.ขับฉลาด…ประหยัดแบบนิ่มๆ ขับโดยรักษาระดับความเร็วให้สม่ำเสมอ หรือขับรถโดยใช้รอบเครื่องยนต์ในระดับที่ให้แรงบิดสูงสุด จะเป็นระดับที่ให้ความประหยัดน้ำมันสูงสุด พร้อมทั้งยังปลอดภัยทั้งคนขับและคนนั่ง
86. รางวัลแด่คนชอบ…เบิ้ล ยิ่งเบิ้ล-ยิ่งซด ท่านควรจะ ลด-ละ-เลิก พฤติกรรมแบบนี้เสียเถอะไม่ว่าจะเบิ้ลทุกครั้งระหว่างเปลี่ยนเกียร์หรือระหว่างเกียร์ว่าง เพราะมันจะซดน้ำมันมหาศาลเชียว แถมเครื่องยนต์ก็จะพังก่อนวัยอันควรอีกด้วย
87. ยิ่งเลี้ยง…ยิ่งซด ทุกครั้งที่เลี้ยงคลัตช์ เครื่องยนต์จะยิ่งซดน้ำมัน แถมสึกหรอเร็วขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่ชะลอรถควรใช้วิธีชะลอความเร็วก่อนจึงค่อยเหยียบคลัตช์เมื่อรถใกล้หยุด จะช่วยยืดอายุคลัตช์ให้ยาวนานขึ้น
88. .เร็วเกียร์สูง…ช้าเกียร์ต่ำ ไม่ควรลากเกียร์ต่ำนานๆ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานหนักกินน้ำมันมาก ควรเข้าเกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็ว คือ เกียร์ 1 และ 2 เหมาะกับความเร็วต่ำ ส่วนเกียร์ 3 , 4 และเกียร์ 5 เหมาะกับความเร็วสูง แล้วอย่าลืมออกรถทุกครั้งควรใช้เกียร์ 1
89. บรรทุกเกินตัว…ทั้งซด ทั้งพัง การจัดวางสัมภาระให้สมดุลลงด้านกึ่งกลางของตัวรถไม่ควรทิ้งน้ำหนักลงด้านหลังมากเกินไปจนหน้าเชิดเพราะจะทำให้การควบคุมรถเป็นไปได้ลำบาก ทางที่ดีไม่ควรทารุณรถโดยการบรรทุกเกินพิกัด เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่าง ต้องรับภาระหนักขึ้นตามน้ำหนักที่บรรทุกเพิ่มขึ้นมา ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันและสึกหรอสูงอีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อการควบคุมการขับขี่และเพื่อนร่วมท้องถนน
90. ยิ่งหนาว…ยิ่งแพง หลายท่านเปิดแอร์ซะจนหนาวเหมือนอยู่บนยอดเขา ทางที่ดีควรปรับระดับความเย็นของเครื่องปรับอากาศแต่พอเหมาะสัมพันธ์กับแรงลม จะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแน่นอนและยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศให้รับใช้ท่านไปนานๆ
91. จอดติดเครื่อง…ทำลายสิ่งแวดล้อม ทุกครั้งที่จะจอดรถลงไปทำธุระหรือซื้อของนานๆ ไม่ควรติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ เพราะนอกจากจะเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันและปล่อยอากาศเป็นพิษทำลายสภาพแวดล้อมแล้วยังผิดกฎหมายอาจโดนจับปรับอีกด้วย ยิ่งเป็นในย่านชุมชนท่านอาจจะถูกผู้อื่นรังเกียจกับพฤติกรรมแบบนี้
92. แต่งรถสวย…แต่ไปช้า หลายท่านอาจจะพิสมัยกับการตกแต่งรถของท่านด้วยสารพัดอุปกรณ์จนบางครั้งก็เกินความจำเป็น เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ต้องรับภาระที่เพิ่มขึ้นตามน้ำหนักของอุปกรณ์ อีกทั้งอุปกรณ์บางประเภทยังทำให้เกิดการต้านลมขณะวิ่งกินน้ำมันเพิ่มอีกเท่าตัว
93.จอดรถตากน้ำค้าง… อันตราย.. ระวังสีด้าน ให้หาที่กำบังให้กับรถสักหน่อย อย่าจอดใต้ต้นไม้ เพราะว่าน้ำที่ค้างบนใบไม้ จะตกมาเยอะ และเคลือบสีเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นทำลายแผ่นแลคเกอร์ของรถ อย่าให้มีคราบน้ำค้าง ซึ่งมีมลภาวะปลอมปนอยู่ แล้วพอมันแห้ง มันก็หมักหมมอยู่บนรถ.. แล้วมันจะกัดกินสีรถได้เร็วขึ้น
94 .ยางมะม่วง กับ สีรถ… สำหรับยางมะม่วงนั้น … คนที่รักความเงางามของรถ. จะถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจเลยละครับ .. เนื่องจากว่ายางมะม่วงนั้น เมื่ออยู่บนผิวสีรถแล้ว จะเป็นตัวที่ทำลายสีรถได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ถูกขจัดออกไปอย่าง
95. วิธีสังเกตว่าโดนยางมะม่วงหรือไม่ ก็คือ ยางมะม่วงจะเป็นน้ำใส ๆ เหนียว ถ้าสังเกตเห็นบนสีรถหรือกระจกละก็ .. อย่ารอช้า.. เข้าศูนย์บริการล้างรถ หรือล้างเองโดยด่วนเลยครับ อย่าคิดว่าไม่เป็นไร .. อีก 2 วันค่อยล้างก็ได้ .. อันนี้ จะทำให้สีรถคุณได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
96. แมลงที่ติดหน้ารถ.. ล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่าโดยเร็วเมื่อถึงที่หมาย จะเข้าล้างรถที่คาร์แคร์ หรือล้างเองที่จุดหมายก็ได้ ถ้าล้างเองก็หาสายยางฉีดน้ำไล่ฝุ่นหรือกรวดก่อน แล้วใช้น้ำยาล้างรถ(หรือน้ำยาล้างจาน)ผสมน้ำแล้วลูบเบาๆทิ้งไว้ 2-3นาที แล้วล้างรถตามปรกติก็ออกครับ
97. อย่าปล่อยให้ซากแมลงติดอยู่บนสีรถนานเกินไป เพราะถ้านานเกินไป เคมีในตัวแมลงอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสีรถบริเวณนั้น
98..ท่านสามารถปกป้องรถจากการเกาะแน่นของแมลงมาให้ลองทำดูทำได้ด้วยตนเองง่าย ๆก่อนออกต่างจังหวัดยาว ๆ ให้เอาน้ำยาเคลือบสีที่มีอยู่ เคลือบเฉพาะบางส่วน ได้แก่ หน้าปะทะแมลงทั้งหลายคือ กันชนหน้า ฝากระโปรงหน้า ไฟหน้า กระจกมองข้าง กระจกหน้ารถ เพื่อให้ผิวสีได้รับการปกป้องจากการกัดของซากแมลง
96. การเคลือบสีเพื่อให้ ผิวสีมีความลื่น เมื่อแมลงเกาะจะได้ไม่ติดแน่นมากเกินไป และทำให้ล้างเอาซากแมลงออกไม่ยาก รวมทั้งพวกยางมะตอยด้วย
97..ฉีดน้ำให้แรงที่สุด เพื่อให้คราบฝุ่น ขี้ดิน หลุดออกจากตัวรถให้มากที่สุด ควรล้างด้วยน้ำสะอาดหรือล้างด้วยแชมพู ควรล้างรถจากส่วนบน ลงล่าง โดยการใช้ผ้านุ่ม เช่นผ้าสำลี
98.อย่าใช้ฟองน้ำล้างรถ เพราะอาจจะมีเม็ดกรวดทรายฝังตัวอยู่ในรูฟองน้ำ มันจะทำให้คุณเสียเงินโดยไม่รู้ตัว
99. อย่าล้างรถกลางแดด เพราะแดด จะทำให้น้ำบนรถแห้งเร็ว และเกิดคราบน้ำขึ้นควรหาบริเวณที่มีร่มจะดีกว่า
100. .การล้างรถโดยใช้ถังใส่น้ำล้าง การล้างรถแบบนี้ ควรจะเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ มิฉะนั้นสิ่งสกปรกที่ผสมอยู่ในน้ำ อาจทำให้เกิดริ้วรอยขีดข่วนบนรถได้ (วิธีการนี้ ไม่แนะนำให้ทำ …. แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องหมั่นซักผ้าและเปลี่ยนน้ำ)





สอบถาม บริษัทประกันภัย เจ้าของผลิตภัณฑ์ หรือ ตัวแทน/นายหน้า ทั่วประเทศ



คอมเม้นท์ที่เพจ 💸 สินเชื่อ




up arrow