ทำประกันชั้น 1 แล้วจะเคลมสีรอบคัน

ปัจจุบันบางบริษัทประกันภัย มีเงื่อนไขว่า
ถ้าทำประกันปีแรกได้ปีเดียวแล้วมีเคลมทำสี รอบคัน จะต้องจ่ายครึ่งหนึ่งของราคาทำสีใหม่
ถ้าเคลมในปีที่ 2 บางครั้งบริษัทประกัน จะดูเจตนาและรอยที่เคลม ถ้ามีเจตนาแอบแฝง ก็ต้องเก็บค่า excess เพิ่มจากเดิม จุดละ 1,000 บาท ตามเงื่อนไขใหม่

ดังนั้นหากใครมีเจตนาทำประกันรถยนต์แบบไม่บริสุทธิ์ จะไม่สามารถเคลมได้ง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

เหตุผลหนึ่งที่มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขนี้ เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายในการเคลมของบริษัทประกันภัย ส่วนมากของประกันภัยรถยนต์มาจากการเคลมลักษณะดังกล่าว การเคลมจากการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์จริงๆนั้นน้อย

บริษัทประกันจะรู้ได้อย่างไรว่า ลูกค้ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ในการทำประกันรถยนต์

ก่อนทำประกันบริษัทจะมีการตรวจสภาพรถและถ่ายรูปไว้
แล้วต่อมาในปีแรก มีเคลมรอบคันเลย กรณีเคลมไม่มีคู่กรณี บริษัทประกันเขาก็จะเริ่มเช็คประวัติรถของคุณ การเคลมที่ผ่านมาจากบริษัทที่คุณเคยทำประกันมาก่อนอย่างละเอียด ถ้าประวัติเดิมเคยมีเคลมลักษณะนี้จะสันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีเจตนาทำประกันไม่บริสุทธิ์ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่รับเคลม เขาจะสอบถามว่าไปเกิดเหตุอะไรมาแล้วทำการวิเคราะห์อีกครั้งสำหรับความน่าจะเป็น ความสมเหตุสมผลของแผลเคลม ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจริง หรือมีเจตนาแอบแฝง นำทุกอย่างมาประมวลเข้าด้วยกัน ถ้ามีเจตนาแอบแฝงแล้วอยากเคลมรอบคันก็อาจจ่ายคนละครึ่ง หรือ หากนับจุดบาดแผลมีหลายจุด อาจจ่ายเหมาก็ได้แล้วแต่ตกลงกัน

สัมพันธ์ประกันภัย มีปัญหาตั้งแต่ปี 2549 คือไม่ส่งงบการเงินให้กรมการประกันภัยตรวจสอบ เพราะเหตุจากว่ามีหนี้สินเยอะ ในขณะที่เงินกองทุนตำกว่าเกณฑ์ (โดยปกติบริษัทประกันทุกที่จะต้องส่งงบการเงินให้ตราจสอบเป็นประจำทุกปี)

สัมพันธ์ประกันภัยไม่น่าจะมีโอกาสเปิดตัวอีก เพราะผู้บริหารชุดนี้เป็น ทีมเดียวกันกับที่เคยบริหาร บริษัท พิพัทธ์ประกันภัย ที่ปิดตัวไปเมื่อสัก 10 กว่าปีก่อน, เปิดประกันภัยมาเพื่อล้มบนฟูกโดยเฉพาะ ตอนนี้ความเสียหายไปตกอยู่ที่ อู่ในเครือ แต่ละอู่โดนกันอู่ละหลายล้าน, โบร์คเกอร์ตัวแทนก็โดนกันเยอะ, คู่กรณีที่โดนรถสัมพันธ์ชนก็อีกมากมาย ตอนนี้คงได้แต่ทำใจอย่างเดียวสำหรับลูกค้าสัมพันธ์ประกันภัย