INSURANCETHAI.NET
Mon 18/11/2024 2:34:13
Home » อัพเดทประกันภัย » สินไหมค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ\"you

สินไหมค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ

2018/07/23 1548👁️‍🗨️

นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ให้ข้อมูลว่า..
-ค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถยนต์เฉลี่ยทั้งระบบเพิ่มขึ้นเป็น 65%
-บางบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 70% ซึ่งมาจากต้นทุนในการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า
สินไหมในส่วนของ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถสูงขึ้นมาก เพราะประชาชนรู้ว่าเรียกร้องสิทธินี้ได้
แต่ยังไม่มีการเก็บสถิติว่าเท่าใด

ค่าสินไหมประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจโดยรวม ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2559 อยู่ที่ 33,100 ล้านบาท จากเบี้ยประกันภัยรถโดยตรง 51,900 ล้านบาท

ส่งผลให้บริษัทประกันภัยต้องหาแนวทางในการรับมือกับอนาคต ที่คาดว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น โดยได้หารือกับทาง คปภ. ถึงแนวทางการจ่ายค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

คปภ.ยืนยันว่า
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ จะต้องจ่ายไปตามความเสียหายจริงตามกรมธรรม์ ซึ่งอยู่ในหมวดความคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก บริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบตามกฎหมายและความรับผิดของบริษัทตามจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้

แม้จะไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนว่าเป็น ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ แต่ผู้ที่ถูกละเมิดมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887

ผู้ที่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ มี 3 กรณี

1.ฝ่ายถูก ถูกประวิงการซ่อม

เจ้าของรถยนต์ที่เป็นฝ่ายถูก ถูกรถคันมีประกันภัยภาคสมัครใจชนทำให้เกิดความเสียหาย เมื่อนำรถเข้าซ่อมแล้วถูกบริษัทประกันประวิงการซ่อม หรือมีการซ่อมล่าช้าเกินกว่าที่ควรจะเป็นโดยไม่มีเหตุผลสมควร เช่น ระบุว่าจะซ่อมเสร็จภายในวันที่ 1 ธันวาคม แต่ซ่อมล่าช้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร สามารถเรียกค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์การใช้รถได้ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม เป็นต้นไป จนกว่าจะซ่อมเสร็จ

ถ้าเป็นฝ่ายผิด จะเรียกร้องไม่ได้เนื่องจาก ฝ่ายผิด หรือฝ่ายประมาท เป็นฝ่ายที่ต้องถูกเรียกร้องสิทธิจากการละเมิด นั่นเอง เพียงแต่ หากมีประกันรถยนต์ บริษัทประกันภัย จะจ่ายแทนให้ ซึ่งหากผู้เสียหายที่ถูกละเมิด หรือ คู่กรณีไม่จบ ก็อาจถูกเรียกร้องเพิ่มได้ ตามกฏหมาย

2.ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ

ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ นับตั้งแต่วันที่นำรถเข้าซ่อม ไม่สามารถใช้รถได้ ต้องเช่ารถใช้ หรือ นั่งแท็กซี่ไปทำงาน ซึ่งเป็นส่วนที่มีการเรียกร้องมากที่สุด และบางรายค่าเสียหายส่วนนี้มากกว่าค่าซ่อมอีก

ตัวอย่าง

ผู้เอาประกันภัย ฝ่ายถูก มีค่าใช้จ่ายในการใช้รถเฉลี่ยวันละ 1,000 บาท
รถใช้เวลาซ่อม 50 วัน จะเป็นเงิน 50,000 บาท
ค่าซ่อมจริง 25,000 บาท
รวมแล้วต้องจ่ายชดเชยในกรณีนี้ 75,000 บาท

จะพิจารณาจาก

1.จำนวนวันที่ขาดการใช้รถ
2.อาชีพของผู้เสียหาย
3.ลักษณะการใช้รถ
4.อายุของรถ

อยู่ในกรอบที่ ต้องสมเหตุผล

3.ค่าขาดประโยชน์ในกรณีใช้รถเพื่อการพาณิชย์

ค่าขาดประโยชน์ในกรณีใช้รถเพื่อการพาณิชย์ เช่น รถเช่า หรือรถรับจ้าง จะมีค่าเสียหายที่แตกต่างจากรถยนต์ส่วนบุคคล ในกรณีที่มีหลักฐานการขาดประโยชน์จากการใช้รถชัดเจน อาชีพ รถ อาชีพ ของผู้เรียกร้อง สมเหตุสมผล จะไม่มีปัญหา มักตกลงกันได้

เรื่องที่ร้องเรียนสูงสุด

1.ไม่มีหลักฐานมายืนยัน หรือทำให้เชื่อได้ว่าเกิดความเสียหายจากการใช้รถจริง ทำให้เกิดการโต้แย้ง เพราะไม่สามารถตกลงค่าสินไหมทดแทนกันได้
2.ค่าซ่อมแซมรถยนต์
3.ค่าเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย

ข้ออ้าง ของบริษัทประกันภัย

1.เป็นข้อยกเว้นที่ไม่ให้ความคุ้มครอง
2.ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
3.ไม่เป็นอุบัติเหตุ
4.เกิดเหตุทุจริต
5.ปฏิเสธโดยโต้แย้งผลคดี
6.การโต้แย้งข้อเท็จจริง
7.ปฏิเสธโดยโต้แย้งผลคดีจราจรหรือคำพิพากษา
8.กรณีรถยนต์สูญหาย
9.กรมธรรม์ขาดผลบังคับหรือบริษัทบอกเลิกสัญญา

ทาง คปภ.จัดเก็บเพียงสถิติเรื่องร้องเรียนของประกันภัยรถภาคบังคับไว้เท่านั้น ซึ่งปี 2558 มีจำนวน 569 เรื่อง ซึ่งลดลงจากปี 2557 ที่มีจำนวน 661 เรื่อง และเรื่องร้องเรียนประกันวินาศภัยโดยรวม 8,217 เรื่อง จากปี 2558 มีจำนวน 8,217 เรื่อง

แนวทางในการหาข้อยุติ เพื่อสร้างความพอใจกันทั้งสองฝ่าย ในกรณีที่ลูกค้าไม่มีหลักฐานค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถมายืนยัน หรือทำให้เชื่อถือได้ ทาง คปภ.และภาคเอกชน จึงเห็นว่าควรกำหนดแนวทางการชดใช้ ดังนี้

รถจักรยานยนต์จะชดเชยให้วันละ 200-300 บาท รถที่ใช้ในการเดินทางทั่วไป เช่น พนักงานบริษัท ข้าราชการ จะชดใช้ให้วันละ 300-600 บาท โดยอิงอัตราค่าแรงขั้นต่ำ หรืออัตราเฉลี่ยค่ารถแท็กซี่ หรือค่าเช่ารถต่อวัน รถที่ใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น รถของพนักงานที่ต้องใช้รถเป็นประจำในการประกอบอาชีพ จะชดใช้ให้ 500-1,000 บาท

ขณะที่รถเพื่อการพาณิชย์ รถขนส่งสินค้าขนาดเล็ก ชดใช้ให้วันละ 600-1,200 บาท รถบรรทุกตั้งแต่ 4 ล้อขึ้นไป และมากกว่า 4 ตันขึ้นไป จะชดใช้ให้ 1,000-3,000 บาท ต่อวัน ในกรณีที่เป็นรถรับจ้าง แยกเป็นรถจักรยานยนต์ จะชดใช้ให้ 200-300 บาทต่อวัน รถตู้รับจ้าง รถรับส่งนักเรียน รถโดยสารขนาดเล็ก จะชดใช้ให้ 600-1,000 บาท รถโดยสารขนาดใหญ่ 40 ที่นั่งขึ้นไป จะชดใช้ให้ 5,000-1 หมื่นบาทต่อวัน และรถแท็กซี่ จะชดใช้ให้ 300-600 บาทต่อวัน

คปภ.มีความเห็นว่า
บริษัทประกันวินาศภัยจะต้องชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถตามความเสียหายจริงที่เกิดขึ้น หากลูกค้ามีหลักฐานยืนยันตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่ระบุไว้ เพราะบริษัทประกันภัยขาย การจัดการความเสียหาย

ทางออกในกรณีที่ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มสูงขึ้น
การขึ้นเบี้ยประกันภัยกับลูกค้าที่มีพฤติกรรมละเมิดสิทธิคนอื่นถี่ เกิดอุบัติเหตุถี่ เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของคนคนนั้นอย่างเป็นธรรม แม้ว่าการประกันภัยจะยึดหลักการเฉลี่ยภัย แต่ไม่ควรจะเฉลี่ยภัยของคนที่มีพฤติกรรมไม่ดีไปให้ผู้ขับขี่ดี 100%

บริษัทประกันภัยได้หันมาใช้แนวทางในการพิจารณาความเสี่ยงเป็นรายบุคคลมากขึ้น และมีแผนที่จะจัดทำประวัติอุบัติเหตุของลูกค้าประกันภัยรถยนต์ เพื่อส่งเข้าระบบฐานข้อมูลกลางด้านประกันภัย (IBS) ให้บริษัทประกันภัยสามารถใช้ในการพิจารณาเบี้ยประกันภัยของลูกค้าได้ตามความเสี่ยงของแต่ละคนในปีถัดไป จากปัจจุบันที่ไม่ทราบประวัติลูกค้าที่มาทำประกันภัยรถยนต์ และผู้ที่มีประวัติขับขี่รถดีจะถูกคิดเบี้ยในราคาถูก เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

สิทธิค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถถูกเปิดเผยโดย…
-การให้ความรู้โดยทนายความ
-ผู้ที่มีประสบการณ์ในการเรียกร้องสิทธิ
-การแบ่งปันความรู้ในโลกออนไลน์
-การเผยแพร่ความรู้ในเว็บไซต์

เป็นประโยชน์ต่อ เจ้าของรถที่
-ถูกละเมิดจากคู่กรณี
-บริษัทประกันภัย ประวิงการซ่อม ทำให้ซ่อมแต่ล่าช้ากว่ากำหนด





สอบถาม บริษัทประกันภัย เจ้าของผลิตภัณฑ์ หรือ ตัวแทน/นายหน้า ทั่วประเทศ



คอมเม้นท์ที่เพจ 💸 สินเชื่อ




up arrow