ประกันความรับผิดผลิตภัณฑ์ หรือ ประกันความรับผิดสินค้า ใช้เกณฑ์ใดในการคำนวณเบี้ยประกัน?

โดยทั่วไปประกันภัยแต่ละประเภท จะมีคามเสี่ยงแตกต่างกันไป ในการคำนวณเบี้ยประกันจะมีหลักเกณฑ์ สูตร (Formula) หลักการ (Principle) และ วิธีการ (Method) ปัจจัย (Factor) แตกต่างกันไปด้วย

กรณีของประกันภัยผลิตภัณฑ์ หรือ ประกันภัยความรับผิดสินค้า อาจจะมีสมการในการคำนวณที่ใช้ปัจจัยต่างดังต่อไปนี้

• ประเภทธุรกิจ
• ประเภทสินค้า
• จำนวน หรือ ปริมาณสินค้า
• ทุนประกันที่ต้องการคุ้มครอง
• ความคุ้มครองเพิ่มเติมต่างๆ
• ระยะเวลาความคุ้มครอง
• ประเทศ เขตโซน ที่คุ้มครอง
• ข้อยกเว้น
• ความรับผิดร่วม
• ประวัติการเคลม
• ฯลฯ

ประเด็นที่เป็นปัญหาหลัก ระหว่างลูกค้าผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย คือ เรื่องของวิธีการคิดคำนวณเบี้ยประกัน สำหรับ factor ในส่วนของ ปริมาณสินค้า หรือ จำนวนสินค้า เพราะ มีบางบริษัทประกัน ใช้ รายได้จากยอดขาย แทนตัวเลขดังกล่าว ซึ่งไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม เป็นการเอาเปรียบต่อลูกค้าอย่างร้ายแรง

ลองคิดง่ายๆว่า ..
สินค้าขนมขบเคี้ยว 200,000 ห่อ ขาย 5 บาท/ห่อ มีรายได้ 1 ล้าน
ต่อมาเพิ่มราคาเป็นเท่าตัว มีรายได้เป็น 2 ล้าน
คำถามคือ เมื่อปริมาณสินค้าเท่าเดิม ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร? แล้วะคิดเบี้ยประกันเป็นเท่าตัว โดยเอารายได้มาคำนวณ แทน ปริมาณ โดยอ้างความเสี่ยงภัย เพิ่มขึ้นได้เป็นธรรมต่อลูกค้าหรือไม่? (ผิด 1)

นอกจากนี้ บางสินค้ายังมีต้นทุนของวัตถุดิบสูงเช่น 80บาท ไม่รวมค่าแรง แต่ขาย 100 บาท การคิดเบี้ยประกันโดยใช้ รายได้ ที่ไม่ได้หักค่าใช้จ่ายมรการดำเนินการออกไป ก่อนนำมาคิดเบี้ยประกันเป็นธรรมไหม? (ผิด 2)

ในระบบประกันภัย ยังมีสัญญา กรมธรรม์ หรือ วิธีคิดเบี้ยประกันภัยที่เอาเปรียบ และไม่เป็นธรรมต่อลูกค้าอยู่ไม่น้อย คนที่ไม่มีความรู้ก็ถูกบริษัทประกันภัยที่ไร้คุณภาพ ไร้ธรรมภิบาลเหล่านั้นเอาเปรียบ

คปภ ที่เป็นหน่วยงานควบคุมดูแล อุตสาหกรรมทั้งระบบ ต้องควบคุมกำกับ ให้ความเป็นธรรมกับลูกค้าและผู้เกียวข้องที่ได้รับผลกระทบจากบริษัทประกันที่ด้อยคุณภาพเหล่านี้ให้หมดไป เพื่อให้อุตสาหกรรมประกันภัยไทย เป็นที่น่าเชื่อถือ และ เป็นมาตรฐานสากลต่อไป