การอยู่รอดของตัวแทนประกันภัย 2020 [3]
การตลาดออนไลน์
การตลาดออนไลน์ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ และมันจะเปลี่ยนโฉมของ การตลาดออฟไลน์ รวมถึงลบล้างทฤษฎี ระบบวิธีเก่าๆ บางอย่างที่มีอยู่ไปตลอดกาล
ความรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้ไม่ยาก เป็นการเติบโตแบบก้างกระโดดเลยก็สามารถทำได้ เพราะมันใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ทรงอานุภาพ เช่น Facebook มีฟีเจอร์ของการโฆษณา แต่นั่นคุณจำเป็นจะต้องจ่ายเงิน ลงไปเพื่อ ให้คนมองเห็น ก่อนหน้านี้ ค่าโฆษณาอาจจะถูก ซึ่งเป็นช่วงเริ่มแรกของ Model โฆษณา ของ Facebook แต่มาในวันนี้ค่าโฆษณา ที่จ่ายไปอาจจะพอๆกับกำไรที่คุณได้รับก็เป็นได้ นอกจากนี้แล้ว ยังขึ้นอยู่กับสินค้า ตัวอย่างสินค้าทั่วไป ที่จับต้องได้ ของกิน ของใช้ ฯลฯ ย่อมต้องแตกต่างจากสินค้าที่จับต้องไม่ได้อย่าง ประกันภัย และยิ่งเป็นประกันภัย ประเภท ประกันชีวิตด้วยแล้วนั่น ยังยากกว่า ประกันวินาศภัยบางประเภทเช่น ประกันรถยนต์ ซะอีก
การโฆษณา บน Facebook กับ Google
การโฆษณาอีกชองทาง ก่อนหน้านี้ ใช้ของ search engine อย่าง Google ซึ่งมีความจำเพาะเจาะจงมากกว่า เพราะ หากใครคนหนึ่ง ต้องการจะซื้อประกัน เขาจะไปค้นหาใน Google ใช่ไหม? (อาจจะมีบางส่วนที่ไปค้นหาใน Facebook )
สิ่งที่แตกต่างกันของโฆษณาบน Facebook กับ Google คือ โฆษณาบน Facebook จะแสดงผลไปยังกลุ่มเป้าหมาย ที่เราได้กำหนดลงไป ด้วย อายุ พื้นที่ เพศ ฯลฯ แล้ว โฆษณาจะแสดงผลไปยังเป้าหมาย แต่ เป้าหมายนั้น ไม่ได้ต้องการซื้อประกันขณะนั้น ใช่หรือไม่?
แต่การโฆษณาบน google นั้น มีความจำเพาะที่ว่า ผู้ที่ไปค้นหาข้อมูลการซื้อประกัน คือ คนที่ต้องการซื้อ (มีความต้องการ) แล้ว หน้าเว็บไซต์ของผลการค้นหาจาก google ก็จะแสดงรายการเว็บไซต์ต่างๆ หากคุณจ่ายเงินค่าโฆษณามากพอก็จะอยู่อันดับแรกๆ ซึ่งมีโอกาสที่คนที่ค้นหาโฆณาจะกดเข้าไป เพื่อไปที่เว็บไซต์ของคุณ แล้วจากนั้นเว็บไซต์ของคุณ ก็จะทำหน้าที่ของมัน ตามที่คุณได้ออกแบบ ได้ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นลำดับการเสนอ ขั้นตอน รายละเอียด และสุดท้ายอาจจะจบด้วยการ ติดต่อไปหาคุณ ในช่องทางต่างๆที่คุณได้แจ้งไว้ (เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ไลน์ เฟส ฯลฯ) แล้วถ้าคุณไม่มีเว็บไซต์ล่ะ? อาจจะส่งลิ้งนั้นเข้าไปที่ facebook ของคุณ แล้ว เขาจะเห็นอะไรต่อจากนั้น คุณจะเห็นว่ามันเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว เพราะ Facebook Profile หรือ Facebook page นั้น มีข้อจำกัดในการนำเสนอ และ ยังมีความน่าเชื่อถือ ที่ต่ำกว่าเว็บไซต์ (ไม่นับรวมเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ)
การค้นใน Google นั้น เพื่อให้เจอเว็บไซต์ของคุณ จะต้องจ่ายค่าโฆษณา เพื่อให้ผลการค้นหาของคำๆนั้น ได้เว็บไซต์ของคุณในอันดับแรกๆ อีกวิธีที่ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา คือ การทำอันดับใน search engine ด้วยการทำ SEO (Search Engine Optimize) การทำดังกล่าว คุณต้องมีความรู้และใช้เวลาในการทำ(อาจจะจ้างก็ได้ ได้ผลหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง) นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำมันทุกวัน ใช่แล้ว .. คุณต้องทำการตลาดต่อเนื่องตลอดเวลา ถ้าการตลาดคุณมากพอ สกิลการขายคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องมีมากก็ได้เพราะมันสามารถชชดเชยกันได้ แต่สกิลการขายที่สูงนั้นจะเหมาะและคุ้มค่ากับงานขายที่มีมูลค่าสูง ถ้าเป็นงานประกันก็อาจจะเป็นงานประกันที่มี เบี้ยประกันสูงหลักแสน หลักล้าน อย่างนั้นคุ้มค่า เหมาะกับสกิลการขายระดับสูง แต่ถ้าคุณยังคงขายเคสเดือนละ 500 หรือ 1,000 บาท หรือประกันปีละ ไม่กี่พันบาท หรือไม่ถึงแสน ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่คุณจะต้องมีสกิลการขายสูงมากมาย อะไรเลย บริษัทประกันเองอาจจะจ้าง พนักงานจ่ายเงินเดือนแล้ว ให้มาขายประกันก็ได้ ด้วยสคริปการพูดคุยแบบง่ายๆ ซึ่งก็ได้เห็นกันแล้ว จากการขายผ่านโทรศัพท์เทเลเซลล์ด้วยพนักงานบริษัทประกันเอง ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า ตัวแทนและนายหน้าที่เป็นเพียงแค่คอนแทค (Contractor)
ซื้อประกันกับตัวแทน หรือ ซื้อตรงกับริษัทประกัน
ประเด็นเรื่องการด้านประกันชีวิต หลังจากซื้อประกันแล้ว จะมีความแตกต่างกันหรือไม่? มากหรือน้อย?
ถ้าคุณซื้อผ่าน ตัวแทน/นายหน้า คุณจะมี เจ้าภาพ คอยดูแลคุณเป็นหลัก คนที่ซื้อประกันโดยที่ไม่มีตัวแทนนายหน้าดูแลโดยเฉพาะ เมื่อมีปัญหากับบริษัทประกัน ใครจะช่วยคุณ? เพราะตัวแทนในหน้านี้คือตัวกลางไม่ใช่พนักงานบริษัท แต่พนักงานบริษัทประกัน (ที่ไม่ไช่ตัวแทน/นายหน้า) นั้น เป็น พนักงานรับเงินเดือน (employee) คุณคิดว่า เขาจะเห็นคุณสำคัญกว่าบริษัทที่จ่ายเงินเดือนให้เขาหรือไม่? เขายอมที่จะต่อสู้เพื่อคุณหรือไม่? เพื่ออะไร? ดังนั้นคุณต้องฉลาดที่จะ เลือกคนที่คุณ จะซื้อประกันด้วย
การบริการของตัวแทนนั้น เริ่มตั้งแต่ การใช้ความรู้ประสบการณ์ ในการเลือกสินค้าประกันภัยใหเกับลุกค้าของเขา ประกันชีวิตในหนึ่งบริษัทมีหลายประเภท แบบสะมสมทรัพย์ แบบตลอดชีพ แบบบำนาญ แบบจำกัดเวลา ในแต่ละแบบประกันยังมีแยกย่อยลงไปในด้านของระยะเวลาความคุ้มและระยะเวลาการชำระเบี้ย 10ปี 15 ปี 20 ปี 21 ปี 30 ปี 90 ปี ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ เช่น ประกันอุบัติเหตุ แบบ 1 แบบ2 แบบ3 ประกันชดเชยรายได้ ประกันโรคร้ายแรง ประกันสุขภาพ บางบริษัทประกันชีวิตก็มีประกันสุขภาพหลายแบบ และแต่ละแบบมีหลายแผน คุณคิดว่าคุณรู้มากเท่าตัวแทนประกันชีวิตหรือไม่?
หลังจากที่เป็นลูกค้าของตัวแทนประกันชีวิตแล้ว คุณจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ในด้านต่างๆ ช่วยเหลือ แล้วแต่นโยบายการทำงานของตัวแทนแต่ละคน เช่น เรื่องของการประสานงาน ช่วยเหลือให้คำแนะนำ ตรวจสอบปัญหา แจ้งบอก ฯลฯ อย่างใกล้ชิด ช่องทางติดต่อที่สะดวกกว่าโทรศัพท์ หากคุณเป็นลูกค้าบริษัทโดยตรง เขามีบริการช่องทางไลน์ส่วนตัวให้ไหมล่ะ? 24hr. หรือไม่?