การอยู่รอดของตัวแทนประกันภัย 2020 [4]
ธุรกิจนั้นย่อมมีเส้นทางของมัน ที่จะมุ่งไปสู่ จุดประสงค์หลักของธุรกิจประกันก็เช่นกัน ตั้งมาเพื่อ เป็นธุรกิจที่หวังกำไร เขาจะต้องเพิ่มกำไรและลดต้นทุน คำถามคือ ในยุคปัจจุบันที่การตลาดทำได้ง่ายมาก (เพียงแค่ จ่ายเงินค่าโฆษณา ให้กับ Plateform ต่างๆ อย่าง google facebook ) บริษัทประกันมีทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ (หรือสามารถจ้างเพิ่มได้ตามคุณสมบัติที่ต้องการ ) และ มีเงินทุนมหาศาล ทำไมเขาจะไม่ไปทำซะเอง ต้องแบ่งคอมมิชชั่นให้คุณ?
หากคุณสังเกตุ 10 ที่ผ่านมา อัตราคอมมิชชั่นของแบบประกันลดลง
แบบประกันเก่าถูกยกเลิกไปเรื่อยๆ แบบประกันใหม่ มีอัตตราคอมมิชชั่นที่ลดลง เช่น เมื่อก่อนประกันสุขภาพ คุณอาจจะได้คอมมิชชั่น ปีแรก เท่ากับ ประกันชีวิต ปีต่อไปจะได้ 10% ไปจนครบสัญญา แต่ปัจจุบันปีแรก คุณจะได้คอมมิชชั่นจากประกันสุขภาพ 10% และ ปีต่อไป ปีละ 5% นี่มันเท่ากับรายได่คุณลดลง 50% เลยนะ น้อยหรือมาก ?
จากการคาดการแผนการของบริษัทประกันภัยเหล่านี้ คือ จะลดการจ่ายให้กับ Third party อย่าง Agent insurance ยกเลิกแบบ แบบใหม่ๆที่ออกมาจะน้อย ผลตอบแทนสำหรับคนขาย จะน้อยลง เอาเวลาและทรัพยากรไปพัฒนา ระบบ ฝึกคน ออกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทประกันจะขายเองโดยผ่าน พนักงานของเขา (employee) ความหมายกลายๆ คือ สนับสนุน ช่องทางตัวแทน ลดลง และเป้าหมายสุดท้าย อาจจะเอามาขายเองทั้งหมด รอแค่เวลา และมีบางบริษัทประกันชีวิตได้ทำสิ่งนั้นแล้ว นั่นคือ ยกเลิกช่องทางการขาย https://www.insurancethai.net/manulife-life-insurance-abandon-agents-channels/
ถ้าเราสังเกตุ นโยบายบริษัท และ โครงสร้างการทำงาน สินค้า คอมมิชชั่น สิ่งที่บริษัทประกันทำ เช่น การโฆษณาขายประกันออนไลน์ การพิมพ์หน้าหน้าซองจดหมาย โฆษณาขายประกันไปยังลูกค้าของตัวแทน! ฯลฯ เราจะเห็นความหมายอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่
บริษัทประกันเขาทุ่มทรัพยากรไปที่ความคุ้มค่าขององค์กรเป็นหลัก เขาไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนก็ได้ ครั้งสุดท้ายคุณทราบหรือไม่ว่า รายได้การขายจากช่องทางตัวแทน คิดเป็นสัดส่วนเท่าไร ของรายได้ทั้งหมด และ นโยบายปีต่อไป รายได้จากช่องทางของตัวแทน บริษัทตั้งไว้ที่เท่าไร? นั่นจะบ่งบอกอนาคตของคุณในงานนี้กับบริษัทนั้น
ตัวอย่าง เรื่องของเพจ Facebook มีคนตามหลายหมื่นเป็นแสนหลายแสนหรือเป็นล้าน คำถามคือ คุณมีคนติดตามเยอะขนาดนั้นหรือเปล่า ความน่าเชื่อถือของคุณมากกว่าบริษัทประกันเองที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือไม่ แล้วคุณมีอะไรดี? ใช่แล้ว .. คุณมีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างและดีมากนั่นคือ สถานะของคุณ เพราะ คุณเป็นตัวกลาง ที่จะคอย Balance Power คอยอยู่เคียงข้างลูกค้าไม่ให้บริษัทเจ้าของสินค้า เอาเปรียบลูกค้า เพราะบริษัทประกันป็นผู้ออกสินค้ากำหนดเงื่อนไขและในขณะเดียวกันก็เป็นผู้จ่ายเคลมเอง
คุณคิดว่าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เขาจะตีความเข้าข้างตัวเองหรือตัวคุณ? และถ้าไม่มีคนคอย ให้ความช่วยเหลือคุณ คนที่มีความรู้ ให้คำปรึกษาคุณ หรือคอยระแวดระวังให้คุณ ระวังหลังให้ คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
คำถามที่ซีเรียสมากๆตอนนี้คือ ในเมื่อบริษัทมีเหนือกว่าคุณทุกอย่าง แล้วทำไมคุณ ถึงยังคง ได้ทำงานอยู่ที่บริษัทนี้? อนาคตคุณจะเป็นยังไง?
คำตอบอาจจะเป็นว่า เพราะบริษัทประกันอาจจะไม่อยากไล่คุณออก ปล่อยให้ล้มหายตายจากไปในขณะที่ตัวเองกำลังพัฒนาโครงการของตัวเอง ก็ได้ นั่นแสดงให้เห็นว่า งานนี้ไร้อนาคตแล้วก็เป็นได้ คงไม่ต้องตอบเรื่องอนาคตแล้ว
ในขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทิศทางไหน อย่างไร ข้อมูลเหล่านี้คุณอาจจะไม่ทราบเลยหากคุณไม่ได้เก็บรวบรวม สังเกตุ อย่างต่อเนื่อง และมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกค้าของคุณเท่านั้นที่เปลี่ยน แต่เป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งหมดในระบบ เด็กรุ่นใหม่ๆที่จบมา ซื้อประกันเขามีความคิดยังไง คุณได้ทำการบ้านหรือไม่ อะไรคือสิ่งที่จะการันตีความมั่นคงในอาชีพของคุณเอง?