ผู้เอาประกัน และ ผู้รับผลประโยชน์เสียชีวิต เงินเอาประกันจะเป็นของ ทายาท หรือ ผู้จัดการมรดกของผู้รับประโยชน์?
ทั้ง ผู้เอาประกัน และ ผู้รับประโยชน์ เสียชีวิต ในเวลาที่ใกล้กัน จากการถูกยิง
ผู้จัดการมรดกของผู้รับประโยชน์ ขอให้บริษัทประกันชีวิตจ่ายให้ตน ในฐานะผู้จัดการมรดก จึงฟ้องบริษัทประกันชีวิต
โจทย์ใช้ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญจากการตรวจ พบว่าเลือดของผู้เอาประกัน มีเชื้อโรคทำให้เกิดการเน่าก่อนผู้รับผลประโยชน์ จึงแปลความได้ว่าผู้เอาประกันตายก่อน ดังนั้นผู้รับผลประโยชน์จึงมีสิทธิได้รับเงินค่าประกันชีวิตตามสัญญาประกันชีวิตของผู้เอาประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6893/2559
ศาล เห็นว่า การที่ผู้เอาประกันทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทประกันชีวิต โดยระบุให้ยกผลประโยชน์ให้ผู้รับประโยชน์เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ทั้งสองคนต่างถึงแก่ความตาย ไม่ว่าผู้รับผลประโยชน์จะถึงแก่ความตายก่อนหรือหลังผู้เอาประกัน ผู้รับผลประโยชน์ก็ถึงแก่ความตายเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อผู้รับประโยชน์ตายจึงไม่อาจเข้ารับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตของผู้เอาประกันได้ จึงไม่อาจถือว่าผู้รับผลประโยชน์ ได้รับประโยชน์จากการจ่ายเงินตามเงื่อนไขของกรมธรรม์และไม่ถือว่าเงินตามกรมธรรม์ที่จำเลยจะต้องจ่ายให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ นั้นตกเป็นของกองมรดกของผู้รับผลประโยชน์ กรณีต้องถือว่าผู้รับผลประโยชน์ไม่อาจเข้าถือเอาประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตของผู้เอาประกัน
ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากสัญญาประกันชีวิตจึงต้องตกแก่ทายาทโดยธรรมของผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์มรดกซึ่งผู้จัดการมรดกของผู้เอาประกันหรือทายาทโดยธรรมจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตของผู้เอาประกัน เมื่อโจทก์เป็นเพียงผู้จัดการมรดกของผู้รับผลประโยชน์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตของผู้เอาประกันได้
โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ท. การที่ ส. ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยโดยระบุให้ ท. เป็นผู้รับประโยชน์เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ส. และ ท. ต่างถึงแก่ความตายซึ่งไม่ว่า ท. จะถึงแก่ความตายก่อนหรือหลัง ส. ท. ก็ถึงแก่ความตายเช่นเดียวกัน เมื่อ ท. ผู้รับประโยชน์ถึงแก่ความตายจึงไม่อาจเข้ารับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตของ ส. ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจถือว่า ท. จะได้รับประโยชน์จากการจ่ายเงินตามเงื่อนไขของกรมธรรม์และไม่ถือว่าเงินตามกรมธรรม์ที่จำเลยจะต้องจ่ายให้แก่ ท. ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์นั้นตกเป็นของกองมรดก ท. กรณีต้องถือว่า ท. ผู้รับประโยชน์ไม่อาจเข้าถือเอาประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตของ ส. ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากสัญญาประกันชีวิตจึงต้องตกแก่ทายาทโดยธรรมของ ส. ผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์มรดกซึ่งผู้จัดการมรดกของ ส. หรือทายาทโดยธรรมจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตของ ส. เมื่อโจทก์เป็นเพียงผู้จัดการมรดกของ ท. จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตของ ส. ได้