เมื่อเปิดเสรีเบี้ยประกันภัยรถยนต์ จะไม่มีพิกัดอัตราเบี้ยอีกต่อไป

การรื้อพิกัดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ เป็นการเปิดช่องดัมพ์ราคา แต่ในสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ส่งสัญญาณมาระยะหนึ่ง เรื่องการเปิดเสรีอัตราเบี้ย ประกันภัย ที่จะผ่อนคลายให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดเสรีธุรกิจประกันภัย ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

คปภ.เปิดเสรีเบี้ยประกันภัยรถยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย ชง เปลี่ยนอัตราเบี้ยทั้งระบบ ปรับลด-เพิ่ม 20% รับตลาดเสรี

เพื่อรองรับการเปิดเสรีอัตราเบี้ยประกันภัย ทางสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้มีการทบทวนพิกัดอัตราเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ (Tariff) ใหม่ และเตรียมจะนำเสนอสำนักงาน คปภ. เร็วๆ นี้ โดย สมาคมฯ ได้มีการทบทวนพิกัดอัตราเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ทั้งระบบใหม่อีกครั้ง ได้ข้อสรุปจะปรับอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ (Minimum) ลงอีกไม่เกิน 20% สำหรับ รถยนต์ ทุกรหัส และ ปรับอัตราเบี้ย ประกันภัย ชั้นสูง (Maximum) เพิ่มขึ้นอีก ไม่เกิน 20% ด้วย สำหรับ รถที่มีอัตราสินไหมทดแทน (Loss Ratio) สูง หรือมีเบี้ย ประกันภัย ไม่เพียงพอกับความเสี่ยง ได้แก่ กลุ่ม รถบรรทุก ประเภท รถพ่วง รถขนส่งวัตถุอันตราย ฯลฯ

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวถึงทิศทางและนโยบายในการพัฒนาธุรกิจ ประกันภัยว่า …
เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจ ประกันภัย มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น  คปภ.จะผ่อนคลายการกำกับอัตราเบี้ยประกันภัย โดยจะเริ่มต้นจากกรมธรรม์แบบอัตโนมัติ (File & Use) ต่างๆ เช่น …
ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือ พีเอ (Personal Accident Insurance)
ประกันภัยอุบัติเหตุการเดินทาง หรือ ทีเอ (Travel Accident Insurance)
จากนั้นจะไปยัง ประกันภัยประเภทอื่น เช่น ประกันภัยรถยนต์

ไม่ได้บังคับขายเรตใหม่ราคาต่ำ ทุกบริษัทต้องดูแลตัวเอง แข่งตามต้นทุนจริง
ไม่ได้บังคับให้ต้องขายอัตราใหม่ เพราะเมื่อมีการเปิดเสรี ก็ไม่มีพิกัดอัตราเบี้ยแล้ว

ถาม :
การปรับลดพิกัดอัตราเบี้ย ประกันภัยขั้นต่ำลง ยิ่งจะทำให้ บริษัทประกันภัย แข่งขันด้านราคามากขึ้นหรือไม่?

ตอบ :
ก็แข่งด้านราคากันมาตลอดอยู่แล้ว

บริษัทประกันภัย ที่จะแข่งขันต้องดูศักยภาพ ต้นทุนของตัวเอง (ดูสารรูปของตัวเอง)
การปรับอัตราเบี้ย ประกันภัย ขั้นต่ำลดลงอีกไม่ได้บังคับให้ต้องขายอัตราใหม่นี้ ใครมีต้นทุนสูงไม่สามารถขายในราคานี้ได้ ก็ไม่ต้องลดเบี้ยประกันภัยลงมาแข่งขัน ทั้งนี้เพื่อให้ บริษัทประกันภัย ดูแลตัวเองมากขึ้น เพราะอีกหน่อยเมื่อมีการเปิดเสรี ก็ไม่มีพิกัดอัตราเบี้ย ประกันภัยแล้ว

ปัจจุบันแม้ ประกันภัยรถยนต์จะมีพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยคุมอยู่ แต่ในทางปฏิบัติจริงไม่มีอยู่ เพราะตลาดเข้าสู่ สงครามราคา (Price war) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  นั่นหมายถึง Segment ประกันภัยรถยนต์ เป็น ทะเลแดง (Red ocean)ไปเเล้วนั้นเอง  เพราะได้ขายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ต่ำกว่าพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำที่ คปภ.กำหนดไว้

ดังนั้นการปรับอัตราขั้นต่ำลงอีก เพื่อให้ทุกบริษัทที่ขายต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำได้ ก็เป็นแค่การทำให้ถูกต้องตามพิกัดที่ควรจะเป็นเท่านั้น สรุปแล้วมันก็ไม่มีผลกระทบเท่าไร สำหรับการพยายามจะทำเรื่องนี้

ทุกวันนี้ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากการแข่งขันแบบกึ่งเสรีอยู่แล้ว จากการขายต่ำกว่าพิกัดขั้นต่ำสุด

อัตราเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ชั้น1 ในสมัยก่อนอยู่ระหว่าง 3-4% ของทุนประกันภัย
ปัจจุบันลดลงมาเหลือ 1.5-2.5% ของทุน ประกันภัย

ซึ่งสวนทางกับค่าแรง ค่าอะไหล่ ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-20% ทุกปี
ตัวเลข Loss Ratio ประกันรถยนต์ เพิ่มขึ้น จาก 55-60% เป็น 60-65%
เบี้ย 100 บาท จ่ายค่าสินไหม 65 บาท ค่าคอมมิสชัน 20 บาท ค่าบริหาร 20 บาท ก็เกินเบี้ยแล้ว

สำหรับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งการแข่งขันอย่างรุนแรงนี้ จะเกิดหายนะแก่บริษัทที่รับประกันภัยรถยนต์ สำหรับผู้บริโภคเอง ก่อนจะซื้อประกันรถยนต์ ต้องดูเรื่องของคามมั่นคงของบริษัทประกันภัย ฐานะการเงิน ข่าวอัพเดทต่างๆ แต่หากคุณมีตัวแทน/นายหน้า มืออาชีพ และมีความจริงใจต่อคุณ คอยดู ก็หมดกังวลไปได้ในระดับหนึ่ง เขาเหล่านั้นจะคอยคัดกรอง ตรวจสอบดูแล ก่อนนำเสนอแผนประกันให้คุณอยู่แล้ว