ประกันรถยนต์ชั้น1 (ประกันรถประเภท1) คุ้มครองอะไรบ้าง?
ประกันรถยนต์ชั้น1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด
รับผิดชอบ คุ้มครองค่าเสียหายโดยจ่ายสินไหมแก่บุคคลภายนอก กรณีที่เกิดความเสียหาย ต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยที่ผู้เอาประกันเป็นผู้รับผิดชอบที่ถูกต้องตามกฎหมาย (ผู้ละเมิด) ประกันชั้น1 แบ่งความคุ้มครองหลายด้าน ดังนี้
1. คุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกาย อนามัย และ ชีวิต
คุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกาย อนามัย และชีวิต โดยจะมีการคุ้มครองความบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น และ/หรือ ในกรณีเสียชีวิต บุคคลที่จะได้รับการคุ้มครองในส่วนนี้ รวมถึงบุคคลภายนอกรถยนต์คันเอาประกันภัย และผู้โดยสารทั้งใน และ นอกรถคันเอาประกันภัย หรือผู้โดยสารที่กำลังขึ้น หรือ ลงจากรถคันเอาประกันภัย ซึ่งในกรณีนี้ ความคุ้มครองจะรวมเงินค่าเสียหายส่วนที่เกินจากความคุ้มครองในพรบ. แต่ความคุ้มครองนี้จะไม่ครอบคลุมไปถึงผู้ขับขี่ของรถยนต์ คันเอาประกันภัย และครอบครัว หรือ ลูกจ้างของผู้ขับขี่ในขณะทำงาน
2. คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน
ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านค่าสินไหมทดแทน รับผิดชอบต่อความเสียหายทีเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยจะคิดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และ ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันในกรมธรรม์ประกันภัย แต่ไม่คุ้มครองทรัพย์สินของผู้ขับรถยนต์คันเอาประกันภัยในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งครอบครัวของผู้ขับขี่รถยนต์คันเอาประกัน
3. คุ้มครองที่แตกต่างกัน
ในกรณีรถยนต์คันเอา ประกันรถยนต์ชั้น 1 เกิดความเสียหาย สูญหาย หรือ ไฟไหม้ ในกรณีนี้จะมีความคุ้มครองรับผิดชอบแตกต่างกัน โดยบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านค่าสินไหมสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยคิดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย แต่ความคุ้มครองนี้จะไม่คุ้มครองทรัพย์สินของผู้ขับขี่ของรถคันเอาประกันภัยในขณะเกิดอุบัติเหตุ และไม่คุ้มครองครอบครัว หรือผู้โดยสารของรถคันเอาประกันภัย
ความเสียหายส่วนแรก คือ ส่วนที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดชอบ ตามจำนวนเงินที่ได้ระบุไว้ ตอนทำกรมธรรม์ประกันภัย
(ซึ่งปกติจะระบุได้ ที่ 1,000 บาท , 2,000 บาท , 3,000 บาท , 4,000 บาท และสูงสุดที่ 5,000 บาท) สำหรับกรณีเป็นฝ่ายผิด หรือ ก็คือ เป็นฝ่ายละเมิด หรือ ทำให้เกิดความเสียหาย
กรณีรถยนต์สูญหาย บริษัทประกันรับผิดชอบ ทั้งการสูญหายทั้งคัน หรือ บางส่วน (อะไหล่ , ชิ้นส่วนรถยนต์ ฯลฯ) หรือ เกิดจากการลักทรัพย์ บริษัทประกันภัยจะคุ้มครองตามข้อตกลงในกรมธรรม์
กรณีไฟไหม้ บริษัทประกันจะรับผิดชอบคุ้มครองความเสียหายของรถยนต์คันเอาประกันกณีไฟไหม้ ไม่ว่าไฟไหม้นั้นจะเกิดจากตัวรถคันเอาประกันเอง หรือ เกิดจากสาเหตุอื่น โดยเป็นไปตามข้อตกลงในกรมธรรม์
4. ความรับผิดชอบตามเอกสารอนุสัญญา
ความคุ้มครองที่รับผิดชอบตามเอกสารอนุสัญญา (เอกสารแนบท้าย) คุ้มครองความบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ขับรถ หรือ ผู้โดยสายของรถคันเอาประกันภัย โดยถ้าการบาดเจ็บนั้นสร้างความสูญเสียต่อชีวิต อวัยวะ หรือ ทำให้เกิดความทุพพลภาพถาวร / ชั่วคราว บริษัทประกันภัย จะรับผิดชอบโดยจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ตามกรมธรรม์
ด้านค่ารักษาพยาบาล บริษัทประกันจะคุ้มครองค่าใช้จ่ายสำหรับความบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุของผู้ที่อยู่ในรถยนต์คันเอาประกันภัย และ หากความบาดเจ็บนั้นเกิดจากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาพยาบาล บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆเกียวกับการรักษา เช่น ค่าบริการด้านการแพทย์ ค่ารักษา ค่าโรงพยาบาล ค่าผ่าตัด โดยจ่ายตามจริง (ตามที่จ่ายรักษาไปจริง) ซึ่งต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
การประกันตัวผู้ขับขี่รถยนต์ ผู้เอาประกันภัย หรือ ผู้ขับขี่รถของผู้เอาประกันภัยต้องได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย ให้นำรถยนต์ที่เอาประกันไปใช้ แล้วเกิดอุบัติเหตุ โดยทำให้ถูกควบคุมตัวเนื่องด้วยคดีอาญาในทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน จนถึง ชั้นศาลฎีกา ทางบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านการประกันตัวผู้เอาประกันภัย หรือ ผู้ขับขี่ออกมาในทันที โดยค่าประกันจะอยู่ในวงเงินที่ระบุไว้
ส่วนลดต่างๆ
ส่วนลดจากการระบุอายุผู้ขับขี่
ประกันชั้น1 นั้นมีส่วนลดจากการระบุผู้ขับขี่ แต่ชั้นอื่นๆไม่มีส่วนนี้ ส่วนลดจากการระบุอายุผู้ขับขี่ จะคุ้มครองรถยนต์คันเอาประกัน ในกรณีที่มีการระบุชื่อผู้ขับ แต่จะให้ความคุ้มครองรับผิดชอบเฉพาะกรณีที่เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้น โดยจัดระดับตามช่วงอายุ โดยส่วนลดสูงสุดคือ 20% ให้แก่ผู้ขับขี่ที่มีช่วงอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป
ช่วงอายุ 18 – 24 ปี ส่วนลดเบี้ย 5%
ช่วงอายุ 25 – 35 ปี ส่วนลดเบี้ย 10%
ช่วงอายุ 36 – 50 ปี ส่วนลดเบี้ย 15%
มากกว่า 50 ปีขึ้นไป ส่วนลดเบี้ย 20%
การระบุชื่อผู้ขับขี่นั้นมีสิ่งที่ต้องระวัง คือ …
ประกันภัยชั้น 1 แบบระบุชื่อ กรณีเกิดเหตุผู้ขับไม่ใช่คนที่ระบุไว้
ถ้าทำประกันภัยแบบระบุชื่อ และให้คนอื่นที่ไม่ได้ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ใช้รถ และเกิดอุบัติเหตุแบบนี้สามารถเคลมได้หรือไม่?
สามารถเคลมได้ แต่หาก
กรณีรถคันเอาประกันเป็นฝ่ายผิด และผู้ขับขี่ไม่ได้เป็นคนที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ ประกันภัยชั้น 1 ต้องเสียค่ารับผิดส่วนแรก ดังนั้น
– จ่าย 2,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก เช่น ค่าซ่อมรถ ค่าเสาไฟฟ้า เป็นต้น
– จ่าย 6,000 บาทแรก สำหรับรถของผู้เอาประกันภัยเอง กรณีเสียหายแล้วต้องการซ่อมดังนั้น กรณีทำประกันภัยรถยนต์เป็น แบบระบุชื่อ ต้องมั่นใจว่าผู้ขับขี่ต้องเป็นคนที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ เพราะหากไม่ใช่แล้วเกิดเหตุจะต้องเสียค่ารับผิดส่วนแรกถึง 8,000 บาท แต่หากไม่มั่นใจก็ควรทำเป็นแบบไม่ระบุชื่อจะดีกว่า
ส่วนลดค่าความเสียหายส่วนแรก
ส่วนลดค่าความเสียหายส่วนแรก เป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทประกันภัย กับ ผู้เอาประกัน ในด้านค่าเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินบุคคลภายนอก และค่าความเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์ ซึ่งปกติโดยทั่วไป กำนหดได้ตั้งแต่ 1,000 บาท – 5,000 บาท เรียกว่า ค่า Deductible
การรับความเสี่ยงไว้เองบางส่วน ด้วยการกำหนดค่าความเสียหายส่วนแรก (Deductible) หรือค่าความเสียหายส่วนที่ผู้ขับขี่จะรับผิดชอบเองเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในแต่ละครั้ง โดยทั่วไป บริษัทประกันจะให้เลือกค่าความเสียหายส่วนแรกได้ตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท ต่อการเคลมแต่ละครั้ง ทำให้สามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ส่วนหนึ่ง เช่น เลือกค่าความเสียหายส่วนแรก 5,000 บาท อาจทำให้ได้ส่วนลดค่าเบี้ยประกันจากยอดปกติที่ต้องจ่าย 5,000 บาท (ส่วนลดเบี้ยประกันอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท) ทั้งนี้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยเราเป็นฝ่ายผิด เราจะต้องจ่ายเงินรับผิดชอบความเสียหายเท่ากับค่าความเสียหายส่วนแรก 5,000 บาท ตามที่ระบุในกรมธรรม์ แต่หากเราเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก
มีข้อสังเกตุสำหรับ กรณีที่ค่าซ่อมรถนั้นต่ำกว่า ค่าเสียหายส่วนแรก เช่น ไฟเลี้ยวเสียหายต้องซ่อม 1,000 บาท แต่ได้ทำ deductible ไว้ 5,000 อย่างนี้ก็ไปซ่อมเองดีกว่า
วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ขับขี่รถที่มีความมั่นใจ มีประสบการณ์ในการขับรถสูง รวมถึงยอมรับความเสี่ยงจากการขับขี่รถยนต์ของตัวเองได้บางส่วน
ส่วนลดกลุ่ม
ส่วนลดกลุ่ม คือกรณีที่ผู้เอาประกันรถยนต์ชั้น 1 มีรถยนต์ที่ทำกรมธรรม์ไว้กับบริษัทมากกว่า 3 คันขึ้นไป จะสามารถได้สิทธิรับส่วนลดเบี้ยประกันภัยกลุ่มได้ 10% แต่โดยทั่วไป หากเรามีรถทำประกันภัยอยู่แล้ว ซึ่งมีประวัติดี จะได้รับส่วนลดทุกปี เช่นกัน ซึ่งกรณีส่วนลดกลุ่มอาจจะเหมาะกับรถยนต์ที่ทำประกันพร้อมกันทีเดียวหลายคัน
ส่วนลดประวัติดี
ส่วนลดประวัติดี คือ ส่วนลดที่ได้รับตามเกณฑ์ส่วนลดของเบี้ยประกันภัยเมื่อประวัติไม่เสียหรือ คือไม่ได้เป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุในปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทประกันจะนำข้อมูลนี้มาใช้ในการคำนวนเบี้ยประกันในปีถัดไป
ลดทุนประกัน หากมองว่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายแต่ละปีสูงเกินไป ก็สามารถปรับลดทุนประกัน เพื่อจ่ายเบี้ยประกันลดลง บริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามสัดส่วนของทุนประกันที่ทำไว้ ซึ่งอาจไม่เพียงพอกับความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ได้ กรณีเสียหายหนัก เช่น รถชน ไฟไหม้ สูญหาย
การเคลมประกันภัยรถยนต์
สิ่งแรกที่คุณต้องทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุ คือ จดทะเบียนรถที่เป็นคู่กรณีไว้ เพราะว่าตามเงื่อนไขกรมธรรม์ หากคุณไม่มีคู่กรณี หรือ กรณีคู่กรณีหนีไปได้ คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายบางอย่าง หรือ ค่าเอคเซส (Excess) เป็นจำนวน 1,000 บาท
แต่ถ้ามีคู่กรณีที่สามารถแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นได้ว่าเราเป็นฝ่ายถูก ก็จะไม่มีประวัติเสีย ไม่มีการขึ้นเบี้ยประกันในปีต่อไป