การเรียก ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ จากประกันของคู่กรณีเมื่อรถเราต้องเข้าอู่

หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนต้องเอารถเข้าอู่ ถ้าเราไม่ใช่ฝ่ายผิด แล้วช่วงที่เราต้องเอารถเข้าอู่แล้วไม่มีรถใช้ เหตุใดเราต้องเดือดร้อนออกค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทางเอง หรือ มันต้องมีคนรับผิดชอบใช่หรือไม่

เรื่องนี้ มีที่มาจาก กฏหมายเรื่องการละเมิดนั่นเอง
กรณีรถประสบอุบัติเหตุจากเหตุละเมิด เราฟ้องเรียกค่าเสียหายคู่กรณีได้ ทั้งค่าซ่อม และ ค่าเสียเวลา ค่าสูญเสียโอกาส ค่าตกใจ ก็ว่ากันไป แต่ด้วยปัจจุบันเรามีบริษัทประกัน กรณีนี้เป็นประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจะมาจ่ายค่าเสียหายทั้งต่อตัวรถและความเสียหายต่อร่างกาย ทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงยังมีค่าประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ให้อีกต่างหาก ในวงเงินที่กำหนดไว้ ที่ได้ทำประกันรถยนต์ไว้นั่นเอง

นอกจากนี้ ยังสามารถเรียกค่าขาดประโยชน์จากการไม่ได้ใช้งานระหว่างซ่อมอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ผู้เอาประกันน้อยคนจะรู้ จึงไม่ได้แจ้งเรียกร้องกัน วิธีการก็ไม่ยากอะไร ให้ติดต่อไปยังบริษัทประกันภัยของคู่กรณี และแจ้งความประสงค์ไป โดยแนบหลักฐานค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้ไม่ได้ใช้รถยนต์ ที่กำลังซ่อมอยู่ โดยทั่วไป มาตรฐานก็จ่ายกัน 500 บาทขึ้นไปต่อวัน หากได้น้อยก็เรียกร้องไป หรือ ฟ้องกันไปยังได้ ขึ้นกับความเหมาะสมและเจรจาตกลงกัน

เหตุการณ์ ต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้ต้องเขาอู่เพื่อทำการซ่อม เช่น
– รถเลี้ยวออกมาสอยเข้าด้านข้างคนขับ
– รอถูกชนท้าย อันอาจเกิดจากคันที่ชน ประมาท หรือ เล่นโทรศัพท์ไม่มองถนน
– โดนรถอยู่เลนกลางเลี้ยวซ้ายจะเข้าซอยมาเบียด
– เหยียบวัตถุ ที่รถคันอื่นวางขวางทางไว้ เช่น อุปกรณ์รถยนต์บางอย่างที่รถบางคันกำลังจอดและซ่อมอยู่วางไว้ไม่ให้สัญญาณไฟ บางครั้งอาจทำให้ช่วงล่างพังก็ได้

อย่างนี้แล้วค่าเดินทางช่วงไม่มีรถใครจะรับผิดชอบ ใช้บบริการ รถ Taxi วันละหลายร้อยจะทำอย่างไร ได้บ้าง
“เราสามารถเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจากประกันของคู่กรณีได้ แต่ได้เฉพาะเคสที่เราเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นนะ”

วิธีเรียกค่าใช้จ่ายตรง (ค้นหาในเว็บไซต์) พอรถซ่อมเสร็จ ก็ทำการไปติดต่อประกันของคู่กรณี ซึ่งบางครั้งบริษัทประกันจะไม่ยอมจ่ายตามที่เราเรียกร้อง จึงอาจเรียกเงินเผื่อต่อไป ซึ่งบริษัทประกันอาจกดราคาลง อยู่ที่ราคาที่เราเผื่อไว้เล้ว ก็จบได้

กรณีที่บริษัทประกันไม่ยอมให้ตามที่เราร้องขอ เช่น เราเรียกไปวันละ 500 บริษัทประกันอาจจะให้วันละ 300

บริษัทประกันอาจจะมีข้ออ้างต่างๆ เช่น
– รถคุณโดนชน ดูจากรูปไม่น่าจะซ่อมนาน
แน่นอนว่าหากไม่เป็นจริง คุณต้องโวยไป โดย อาจจะตอบว่า คุณดูแต่รูปได้อย่างไร? ในรูปกันชนมันเด้งออกมาแล้ว แต่ข้างในมันบุบ ต้องเปลี่ยนโครงตัวถังชิ้นหลัง ใช้เวลานาน

– บริษัทประกันอาจจะบอกว่าไม่เชื่อ โดยอ้างว่าอู่บอกมาว่า ซ่อม3วันก็เสร็จ (กรณีนี้สมมติเราเรียกไป 10 วัน)
เราต้องไปเลยว่า เราไม่ได้ซ่อมกับอู่ของคุณ คุณจะมาอ้างอู่คุณได้อย่างไร ลองโทรไปถามอู่ที่เราซ่อมสิ

–  บริษัทประกันอาจจะวางหูโทรศัพท์ แล้วโทรกลับมาอำคุณ เช่น บอกว่า ถามอู่ที่คุณไปซ่อมแล้ว เขาบอกว่า 3 วันก็เสร็จ
ตอนนี้คุณจึงต้องโทรไปหาอู่ แต่อาจพบว่า พนักงานบริษัทประกันคนนี้ ไม่ได้มีการโทรไปที่อู่แต่อย่างใด
คุณควรบอกอู่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อู่อาจจะโทรไปต่อว่าบริษัทประกัน เรื่องการแอบอ้างชื่อ ทำให้เสื่อมเสีย

–  บริษัทประกันอาจจะมี ระดับหัวหน้า หรือ ผู้จัดการสาขา  โทรมาหาคุณ และ อาจบอกว่าคุณไปใส่ร้ายเขา เพราะไม่ได้บอกว่าโทรไปคุยกับอู่คุณ

ตอนนี้คุณอาจจะบอกไปว่า คุณอัดเสียงไว้ตลอดที่คุยกัน แน่ใจนะว่าไม่ได้พูด
ถึงตอนนี้บริษัทประกัน อาจจะรู้ตัวเองแล้ว อาจจะเปลี่ยนทีและน้ำเสียง แล้วก็ยอมให้คุณตามที่เรียกร้องอย่างง่ายดาย

หลักการง่ายๆที่บริษัทประกันมักจะใช้กัน คือ จะต่อรองราคาก่อนเพื่อให้จ่ายน้อยที่สุด แล้วพอคุณยอม เขาจะหักคอคุณอีกทีด้วยการหักวัน เช่น วันหยุดไม่คิดให้เป็นต้น

ตัวอย่างหนึ่ง
คุณอาจจะเรียกไปวันละ 500 บาท บริษัทประกันอาจบอกว่าให้ได้แค่ 300
คุณอาจจะไม่ยอม และบริษัทประกันก็ไม่ยอมโดยให้คุณไปฟ้องเอาเอง
คุณอาจจะฟ้อง คปภ. โดย ครึ่งเดือน คปภ. อาจจะโทรมาเรียกไปรับเงินเต็มจำนวนเลย พร้อมทั้งอาจจะบอกคุณว่า อย่าไปยอมบริษัทประกัน โดยเรทพื้นฐานแล้วต้องชดเชยให้วันละ 500 อยู่แล้ว ถ้าคุณมีหลักฐานที่อยู่ที่ทำงาน ระยะทางในการเดินทางชัดเจนขนาดนี้ ยังไงบริษัทประกันก็ต้องจ่าย ในบางครั้งบริษัทประกันก็อาจจะลักไก่ คนที่ไม่รู้ หรือ ขี้เกียจ ก็จะยอม

ครั้งหน้า ถ้าคุณเจอเหตุการณ์อย่างนี้
– อัดเสียงไว้ด้วย ขณะที่คุย เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐาน
– ถ้าเป็นไปได้ เรียกเผื่อการต่อรองหรือกดราคาไว้สัก 50%
– วิธีการกดราคาของบริษัทประกันบางแห่ง คือ จะต่อราคาคุณก่อน เช่น ถ้าคุณเรียกไป วันละ 500 บาท ซ่อมทั้งหมด 14 วัน เป็นเงิน 7000 บาท บริษัทประกันอาจจะต่อเหลือวันละ 300 ถ้าคุณยอม ซึ่งคุณจะนึกว่าคุณได้ 4200 บาท แต่ไม่จบเท่านั้น
บริษัทประกัน อาจจะหักวันเสาร์ วันอาทิตย์อีก เท่ากับว่า คุณจะได้แค่ 10 วัน 3000 บาทเท่านั้น
– อย่าไปกลัวบริษัทประกัน ถ้าเอาเปรียบคุณก็สามารถฟ้อง คปภ. ได้ โดยอาจจะ ยื่นทางเว็บไซต์ ซึ่งง่ายและสะดวกมาก

เรียบเรียงใหม่
ที่มา https://pantip.com/topic/32449759