ลดหย่อนภาษี ประกันชีวิต+ประกันสุขภาพ+กองทุน
ธุรกิจประกันชีวิตมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการผู้เอาประกันภัย
ประกันชีวิตแบบระยะสั้น ระยะยาว เช่น การประกันชีวิตแบบตลอดชีพ และประกันชีวิตแบบบำนาญ
สามารถนำหลักฐานการชำระเบี้ยประกันชีวิตไปหักลดหย่อนภาษีได้
เบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร
1. เบี้ยประกันชีวิต
เบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาคุ้มครอง ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปีภาษี 2552 สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดถึง 100,000 บาท
2.เบี้ยประกันสุขภาพ
เบี้ยประกันสุขภาพ กฎกระทรวง 1 ธันวาคม 2560 และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา7 ธันวาคม 2560
นำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ไม่เกิน 15,000 บาท
แต่เมื่อรวมกับการหักลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั้งหมดแล้วต้อง ไม่เกิน 100,000 บาท
ต้องเป็นเบี้ยประกันสุขภาพที่ได้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป
เท่ากับว่า เดิมที่ลดหย่อนภาษีประกันชีวิต 100,000 แรก หากซื้อประกันสุขภาพเพิ่ม ก็ไม่มีผลกับการลดหย่อนภาษี
ยังมีเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์แบบบำนาญ นำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ เพิ่มจากเบี้ยประกันชีวิตตามจำนวนที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทซึ่งเป็นเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญตั้งแต่ปีภาษี 2553 โดยเมื่อรวมกับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
การทำประกันชีวิต ผู้ขอทำประกันชีวิตจะต้องกรอกใบคำขอเอาประกันชีวิต ต้องกรอกใบคำขอตามความเป็นจริงทุกประการ ซึ่งบริษัทจะรับประกันชีวิตจากข้อมูลในใบคำขอ
หากผู้ขอทำประกันชีวิตไม่กรอกข้อมูลตามความเป็นจริง และข้อมูลนั้น เป็นสาระสำคัญที่บริษัทต้องเพิ่มเบี้ยประกันภัย หรือปฏิเสธการทำประกันภัย เมื่อบริษัทสืบทราบภายหลัง บริษัทมีสิทธิบอกยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต
แต่อย่างไรก็ตามในกรมธรรม์ประกันภัยกำหนดให้บริษัทประกันภัยสามารถใช้สิทธิในการบอกยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต ในกรณีนี้ได้ภายใน 2 ปี
เมื่อครบ 2 ปี บริษัทจะปฏิเสธการจ่ายสินไหมไม่ได้
นับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญา โดยในวันที่ผู้ขอเอาประกันชีวิตกรอกใบคำขอ จะต้องชำระเบี้ยประกันภัยงวดแรก และต้องได้รับใบเสร็จรับเงินชั่วคราวของบริษัทประกันชีวิตที่ระบุจำนวนเงินเบี้ยประกันภัยตรงกับจำนนวนเงินที่จ่ายไปจริงเก็บไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นบริษัทพิจารณารับหรือไม่รับประกันชีวิต จะติดต่อกลับภายใน 30 วัน ดังนั้น หากประชาชนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตและกรมธรรม์ประกันสุขภาพขอให้ศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครอง ความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัย และรายละเอียดข้อยกเว้นให้เข้าใจก่อนตัดสินใจทำประกันภัย เพื่อให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของตนเองได้มากที่สุด