ว่าด้วย...ความรัก...วางหลักโดยศาลฎีกา
1001
ว่าด้วย...ความรัก...วางหลักโดยศาลฎีกา
ศาลฎีกาได้ให้เหตุผลไว้อย่างงดงาม ถึงความรักที่นายเสริมอ้างว่ามีต่อแฟนของตน
ฎีกา ตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย
คดีแดงที่ 6083/2546
พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์
นางสุดา ปรัชญาภัทร โจทก์ร่วม
นายเสริม สาครราษฎร์จำเลย
ที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า จำเลยควรได้รับโทษประหารชีวิต ศาลล่างทั้งสองไม่ควรลดโทษให้จำเลยเพราะคดีไม่มีเหตุบรรเทาโทษนั้น ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ร่วมฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
ส่วน ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงจิตใจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะจำเลยกับผู้ตายมีความสัมพันธ์ฉันคนรัก แต่ผู้ตายต้องการเลิกความสัมพันธ์กับจำเลยไปมีรักกับผู้ชายคนใหม่ จำเลยจึงบันดาลโทสะฆ่าผู้ตายนั้น
ศาลฏีกาได้ให้เหตุผลไว้อย่างงดงาม ถึงความรักที่นายเสริมอ้างว่ามีต่อแฟนของตน
ศาลเห็นว่า ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปราถนาดีต่อคนที่ตนรัก ความยินดีที่คนรักของตนรักมี ความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตน เพื่อความสุขของคนที่ตนรัก
จำเลยปราถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุข ของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความคิดและการกระทำที่เห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึง จิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความเห็นผิดที่ เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง ดังนี้ แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยฎีกาก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกผู้ตายข่ม เหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม กรณีไม่มีเหตุจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
ด้วยเหตุดัง กล่าวนี้ ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต
เพิ่มเติม
1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546
แจ้งแก้ไขข้อมูล
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดย ไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) วางโทษประหารชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกตลอดชีวิต ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) อีกบทหนึ่งด้วย ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำ ทารุณโหดร้ายอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด วางโทษประหารชีวิตลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิต เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จากความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) มาเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือ โดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) และ 289(5) และยังคงจำคุกตลอดชีวิต เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 218 วรรคสอง และข้อห้ามฎีกาดังกล่าวใช้บังคับโจทก์ร่วมด้วย
จำเลย ใช้อาวุธปืนยิงศีรษะผู้ตาย กระสุนปืนเข้าทางขมับซ้ายทะลุออกขมับขวาแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ ตายให้ตายทันที แม้ผู้ตายไม่ได้ถึงแก่ความตายทันทีและจำเลยใช้มีดตัดศีรษะผู้ตาย ขณะที่ผู้ตายยังไม่ถึงแก่ความตาย แต่จำเลยไม่มีเจตนาทำให้ผู้ตายได้รับความลำบากทรมานสาหัสก่อนตายและไม่ได้ ความแจ้งชัดว่า จำเลยได้กระทำการอย่างไรอันเป็นการทรมานหรือทารุณโหดร้ายผู้ตาย การที่จำเลยใช้มีดตัดคอผู้ตายและใช้มีดชำแหละศพผู้ตายออกเป็นชิ้น ๆ แล้วทิ้งชิ้นส่วนศพบางส่วนลงในส้วมชักโครก กับนำชิ้นส่วนศพบางส่วนไปทิ้งที่แม่น้ำ จำเลยมีเจตนาทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายเท่านั้น มิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย ถือไม่ได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
จำเลยมีอาวุธปืนและมีดไว้ในห้องพักที่เกิด เหตุเพื่อตระเตรียมไว้สำหรับฆ่า ผู้ตายและชำแหละศพผู้ตายส่วนของศพที่ชำแหละแล้วย่อมมีกลิ่นคาวและมีน้ำเลือด น้ำเหลืองไหลซึมออกมา การนำออกจากห้องพักไปทิ้งย่อมต้องใช้วัสดุสิ่งของสำหรับห่อหุ้มและบรรจุ เพื่อดูดซับน้ำเลือดน้ำเหลืองและกลิ่นคาว รวมทั้งปกปิดไม่ให้มีผู้พบเห็น การที่จำเลยสามารถนำชิ้นส่วนศพผู้ตายออกจากห้องพักไปทิ้ง นำอาวุธปืน มีดและทรัพย์ของผู้ตายไปซ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ตลอดจนนำเสื้อผ้าของผู้ตายไปเผาทำลายภายในระยะเวลาอันสั้นโดยไม่มีผู้พบเห็น แสดงว่าจำเลยได้วางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ชื่อคู่ความ
โจทก์ - พนักงาน อัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด
โจทก์ร่วม - นาง สุดา ปรัชญาภัทร
จำเลย - นาย เสริม สาครราษฎร์
ชื่อองค์คณะ
กำธร โพธิ์สุวัฒนากุล
สุรชาติ บุญศิริพันธ์
กิติศักดิ์ กิติคุณไพโรจน์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน
ศาลอาญา - นายกิจชัย จิตธารารักษ์
ศาลอุทธรณ์ - นายชาลี ทัพภวิมล
INSURANCETHAI.NET