แจ๊ค หม่า 2016 Transform ของ Data
1093
แจ๊ค หม่า 2016 Transform ของ Data
แจ๊ค หม่า เริ่มต้นด้วยประโยคกระชากใจคนฟังด้วยการบอกทุกคนว่า “อย่าเชื่อหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเค้า” เพราะหลายเล่มเขียนออกมาได้ไม่ถูกต้อง เค้าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีล้ม มีพลาด เหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป อย่างไรก็ตาม พยายามใช้สมองของเราในการ “คิด” ให้มาก, ต้องเป็นคน Optimistic, และ never give up!! เพราะสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดในโลกคือการ “ยอมแพ้” ส่วนสิ่งที่ยากที่สุดคือการกลับมาจากการยอมแพ้นั่นล่ะ! แจ๊ค หม่า บอกว่า เค้าชอบคุยกับคนที่มี Passion มีแรงบันดาลใจ เพราะคนเหล่านี้เมื่อคุณมองตาเค้า คุณจะเห็นพลัง เห็นแรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเค้าอยากทำงาน ซึ่งแววตาแบบนี้จะมีกับคนในบริษัทเล็ก ๆ พวก small business แต่เวลาคุยกับกลุ่มบริษัทใหญ่ ๆ แววตาพวกเค้าจะมีแต่ตัวเลข มีแต่เงิน เงิน เงิน!! ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับคนที่คิดถึงแต่เรื่องเงินหรอก มีแต่คนอยากเป็นเพื่อนกับคนที่มีพลัง มี passion!! ชีวิตของเรา เราเป็นคนกำหนด! บริษัทไม่มีทางมากำหนดเส้นทางการทำงาน Career development ให้เราได้ เราต้องเป็นคนกำหนดเอง!! “Nobody can develop your career development, you develop it yourself!!” “ถ้าคุณโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่คุณทำแล้ว คุณก็ต้องรับผิดชอบในความเชื่อที่คนเหล่านั้นให้คุณมา” Convince people who trust you, and responsible for their trust! ถาม : แล้วเราจะโน้มน้าวคนอื่นได้อย่างไรถ้าเราเป็นบริษัทเล็ก ๆ? “อย่าไปโน้มน้าวบริษัทใหญ่ที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ให้ไปคุยกับคนที่ ต้องการจะประสบความสำเร็จ จะดีกว่า” Convince people by heart, convice people who want to be success, not the one already success.. ในอนาคตว่า อีกไม่นานจะมีหลายอาชีพหายไป และมีอีกหลายอาชีพเกิดขึ้นใหม่ หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่เรา หุ่นยนต์สามารถคิดได้เร็วกว่า ฉลาดกว่า ไม่ขี้ลืม ไม่โกรธง่าย แต่สิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้มากกว่าหุ่นยนต์คือการมีความคิดสร้างสรรค์ และวัฒนธรรม ในอนาคตทุกคนจะมีมือถือ ทุกคนจะสามารถขายของ และ ซื้อของผ่านมือถือได้ ตั้งแต่พ่อค้า ยันเกษตรกร ต่อไปการค้าจะเป็นแบบ C2B คือ Customer to Business นั่นคือ ลูกค้าจะเป็นคนสั่งบริษัทว่าเค้าอยากได้อะไร! ถาม : แล้วเงินจะหายไปมั้ยเพื่อ epayment เข้ามา ?. Money จะยังอยู่ แต่ cash จะหายไป.. การจ่ายเงินแบบ epayment จะเข้ามาแทน เมื่อทุกคนจ่ายแบบ epayment เราจะมี data เราจะรู้ว่าแต่ละคนใช้เงินทำอะไร ใช้เงินกับอะไร จ่ายค่า tax เมื่อไหร่ เวลาอะไร และ data นี้เป็นสิ่งที่ธนาคารยุคเก่าไม่มี (เหมือนในหนังไซไฟ ข้อมูลทุกอย่างจะอยู๋ในรุปแบบ Digital ลักษณะเงินจะเป็น Cr ตัวเลข สำหรับคนๆนั้น เป็นตัวกลางในการเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ต้องการ อาหาร ของใช้ บริการ ฯลฯ) “แน่นอนว่าพอพูดถึงเรื่องข้อมูล พวกคุณก็ต้องคิดถึงเรื่องความเป็นส่วนตัว..” แจ๊ค หม่า พูดต่อโดยไม่ต้องมีใครถาม “ถ้าเช่นนั้นผมถามว่า ตอนนี้พวกคุณมีความเป็นส่วนตัวอยู่บ้างไหม?” “น่าจะไม่..” “ผมคิดว่าการที่ข้อมูลเราเก็บไว้กับหุ่นยนต์น่าจะมีความปลอดภัยสูงกว่าการเก็บไว้กับคนอีก” การเงินสมัยใหม่ อาจจะเป็นเรื่องใหม่ ก็เหมือนกับที่สมัยก่อนเราเก็บเงินไว้ใต้หมอน ไม่กล้าไปฝากธนาคารนั่นล่ะ วันนี้การเงินยุคใหม่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนอีกเช่นกัน แจ๊ค หม่า พูดถึงการทำงานว่า .. การทำงาน.. ต้องไม่บ่น การบ่นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ยิ่งบ่น เราก็จะยิ่งไม่มีความสุข .. อย่างไรก็ตามพยายามหาทาง “แก้ไข” มันดีกว่า.. ยิ่งแก้ไขเรื่องที่คนบ่นมากเท่าไหร่ โอกาสก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น การจะเป็นผู้ประกอบการหรือ Entrepreneur ได้นั้น คุณไม่สามารถเป็นได้จากการเรียนในมหาวิทยาลัย .. ในมหาวิทยาลัยสอน skill ให้คุณ แต่สอนความเป็น Entrepreneurship ให้คุณไม่ได้!! Entrepreneurship คือการเป็นผู้นำ การอยู่รอด ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้เอง “Entrepreneurship can be discover” !! Keep Changing!! ไม่ต้องวางแผนมาก แต่ต้องเปลี่ยนให้ไว!! และทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้า happy เมื่อลูกค้า happy ทีมงานก็จะ happy เมื่อทีมงาน happy ผู้ถือหุ้นก็ happy! มีคนถามเรื่องนโยบายภาครัฐ เรื่องการปรับเปลี่ยนให้ทันเทคโนโลยี แจ๊ค หม่า ตอบว่า ยังไงแล้วนโยบายก็ต้องตามหลังนวัตกรรมอยู่ดี เพราะโลกเราที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ดังนั้นสิ่งที่ควรเริ่มทำเมื่อนวัตกรรมมาก็คือ เริ่มที่จะรู้จัก respect ในความคิดเหล่านั้น แจ๊ค หม่า ชอบพูดถึงคำว่า “Young Generation” บ่อยมาก และเชื่อเรื่องการศึกษา จนเค้าเองก็พูดออกมาว่า “เห็นผมพูดถึงแต่ Young people รักแต่คนรุ่นใหม่ ไม่สนใจคนรุ่นเก่า จนมีหลายคนไม่ชอบฟัง…” “คุณไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบในสิ่งที่คุณพูดได้หรอก คุณไม่สามารถทำให้ทุกคน Happy ได้หรอก.. แล้วทำไมคุณต้องทำล่ะ? สำหรับผม ผมพูดในสิ่งที่ผมเชื่อ!!” You never make everybody happy, why should you? I talk what I believe! ผมเชื่อว่า ถ้าเราเริ่มที่จะแคร์เด็กรุ่นใหม่เหล่านี้ เข้าใจในสิ่งที่เค้าทำ สนับสนุนและเปิดรับ แล้วพวกเค้าก็จะรักผู้ใหญ่เอง แจ๊ค หม่า บอกว่าเค้าไม่ต้องการสร้างความยิ่งใหญ่ ไม่ต้องการ Build an empire เพราะไม่มีมหาอำนาจที่ไหนจบดีเลย แต่เค้าต้องการสร้างระบบ สร้าง ecosystem ที่ยั่งยืน เพื่อเพิ่มพลังให้กับบริษัทเล็ก ๆ หรือ คนตัวเล็ก ๆ มากกว่า ความสำเร็จของ Alibaba ไม่ได้ตั้งอยู่ที่ “จำนวนเงิน” แต่ความสำเร็จของ Alibaba คือการที่คนสามารถใช้ระบบของเรา แล้วขายของได้ มีเงินใช้ได้ เติบโตได้ เพราะเขาต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม ในปัจจุบันนี้เราต้องการ Entrepreneur เป็นอย่างมาก โดยเราต้องเริ่มต้นที่การเชื่อในการเป็น Entrepreneur ของพวกเขา สนับสนุนเขา สร้างสิ่งที่ท้าทาย ส่วน Entrepreneur เองก็ต้องมีวิสัยทัศน์ และมีจินตนาการที่กว้างไกล ช่วงหนึ่งที่ทำให้ผมเองรู้สึกสะอึกคือ เมื่อมีคนเริ่มเป็นห่วงว่าการเข้ามาของ แจ๊ค หม่า คือการจะมาควบประเทศไทยไปหรือไม่? จะทำให้เด็กรุ่นใหม่ ๆ หรือ ธุรกิจ Startup ใหม่ ๆ ของไทยมีปัญหาเพราะการเข้ามาของ Alibaba หรือไม่? แจ๊ค หม่า ตอบว่า ประเทศไทยมีคนเท่าไหร่? 70 ล้านคน? ยังไม่ใหญ่เท่ากับบางจังหวัดของจีนเลย.. อย่างที่ได้พูดไปแล้ว ว่าหน้าที่ของเราคือการสร้างโครงสร้าง สร้าง ecosystem สร้าง infrastructure เพื่อให้ทุกคนได้มาใช้ร่วมกัน ความสำเร็จของ SMEs และ Small Business ที่ใช้ระบบของเรา ก็คือความสำเร็จของเรา ผมเชื่อว่าเราจะเติบโตไปได้ด้วยกัน มา “Join the force together” … แจ๊ค หม่า ชอบประเทศไทยมาก เค้าบอกว่าประเทศไทยเป็น Magical Land เค้าชอบและมาที่นี่บ่อยครั้ง ถาม “ในเมื่อคุณประสบความสำเร็จแล้ว เป็นฮีโร่ของหลายคนแล้ว อะไรคือสิ่งที่คุณอยากได้ในอนาคต?” แจ๊คตอบว่า โอวว ไม่! เค้าไม่อยากเป็นฮีโร่.. ฮีโร่ในหนังจีนตายหมดเลย มีแต่ฮีโร่หนังอเมริกาที่ยังอยู่!! ความจริงแล้วเค้าอยากกลับไปเป็นคุณครู.. คุณรู้มั้ยว่าตำแหน่งของเค้าคืออะไร? CEO ที่ย่อมาจาก “Chief Education Officer” และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเค้าจึงสร้างมหาวิทยาลัยและโรงเรียน … เค้าเชื่อว่า.. เราอยู่บนโลกนี้ไม่ใช่เพื่อทำงาน แต่เพื่อมีความสุขกับชีวิต เค้าอยากจะตายอย่างมีความสุข ไม่ใช่ในออฟฟิสทำงาน “We come to this world, not to do things, but to enjoy life, I want to die peaceful one day, not in my office”
INSURANCETHAI.NET