อลิอันซ์ อยุธยา 2559 เบี้ยประกันรับปีแรก 5,900 ล้าน เบี้ยรับรวมทะลุ 30,000 ล้าน
1112
อลิอันซ์ อยุธยา 2559 เบี้ยประกันรับปีแรก 5,900 ล้าน เบี้ยรับรวมทะลุ 30,000 ล้าน
อลิอันซ์ อยุธยา 2559 เบี้ยประกันรับปีแรก 5,900 ล้าน เบี้ยรับรวมทะลุ 30,000 ล้าน ยกปัจจัยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลประกอบการปี 2559 ดีเยี่ยม เติบโตต่อเนื่อง โกยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจากทุกช่องทาง 5.9 พันล้านบาท (5.8 /2558) เติบโต 2% เบี้ยประกันภัยรับรวมจากทุกช่องทาง 3 หมื่นล้านบาท (2.8 /2558) เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ยกปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จจากกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางที่เข้มข้น ผสานกับการมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ พร้อมแพลทฟอร์มดิจิทัลให้กับลูกค้า ฝ่ายขาย และพันธมิตรทางธุรกิจ
นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า ในปี 2559ที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา สามารถโชว์ผลงานได้อย่างดีเยี่ยมเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจากทุกช่องทางอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท (5.8/ 2558) เติบโต 2% และเบี้ยประกันภัยรับรวมจากทุกช่องทางอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท (2.8 / 2558) เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปี 2558โดยช่องทางตัวแทนยังคงสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงสุดที่ 14.14 พันล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 10.25 พันล้านบาท ขณะที่ช่องทางการตลาดขายตรงยังคงครองแชมป์ยอดเบี้ยสูงสุดในตลาด ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 4.89 พันล้านบาท
“ความสำเร็จในปี 2559 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างต่อเนื่อง และกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางที่เข้มข้น โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพการส่งเสริมการขายผ่านช่องทางตัวแทน และการนำเครื่องมือดิจิทัลมาใช้ในการทำการตลาด
รวมทั้งการสร้างแพลทฟอร์มให้ทั้งลูกค้า พนักงาน และพันธมิตรทางธุรกิจให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญ คือ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้ทุกฝ่ายมีการทำงานที่ประสานสอดรับกันเป็นอย่างดี จึงสามารถสร้างผลงานได้ตามเป้าหมายอย่างน่าพอใจ
ปี 2560 เรายังคงเดินหน้ากลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งเน้นการนำองค์กรเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนตัวแทนใหม่ที่ 6,500 คน และมุ่งเน้นออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ โดยจะผลักดันสัดส่วนผลิตภัณฑ์คุ้มครองให้ถึง 42% พร้อมพิชิตเป้าเบี้ยประภัยรับปีแรก 6,500 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับรวม 32,500 ล้านบาทในปี 2560นี้”
ในระดับภูมิภาคเอเซีย กลุ่มอลิอันซ์ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งและมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาศักยภาพของช่องทางการจัดจำหน่ายและสร้างพันธมิตรและแพลทฟอร์มดิจิทัล เช่น การเปิดตัว Allianz Discover เครื่องมือการขายแบบดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกและพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัลให้ตัวแทนในการนำเสนอโซลูชั่นส์เพื่อการคุ้มครอง
รวมทั้งการสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกับลูกค้า ในช่วงครึ่งปีหลัง อลิอันซ์ เอเชีย ได้ประกาศการเป็นพันธมิตรทางช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกับ Maybank และ E-Sum ในประเทศอินโดนีเซียและไต้หวัน รวมทั้งบรรลุข้อตกลงช่องทางธนาคารร่วมกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ครอบคลุมตลาดในเอเชีย 5 ประเทศด้วยกัน ถือเป็นการสร้างรากฐานธุรกิจในภูมิภาคนี้ได้อย่างมั่นคงนอกจากนั้น ยังได้เปิดตัว Asia Labช่วงกลางปี เพื่อนำเอาศาสตร์ของการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ มาใช้พัฒนาประสบการณ์ลูกค้าตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การพิจารณารับประกัน เรื่อยไปถึงการเรียกร้องสินไหม
ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของอลิอันซ์ อยุธยา รายงานผลประกอบการประจำปี 2559 เช่นกัน โดยมีกำไรจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 10.8 พันล้านยูโร (ประมาณ 411.87 พันล้านบาท) ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับประมาณการณ์ที่คาดไว้ และยังเป็นการเติบโตของผลกำไรจากการดำเนินงานติดต่อกันเป็นปีที่ 5 รายได้สุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 4% จากปี 2558 ส่งผลให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7.60 ยูโร หรือประมาณ 289.84 บาท
นอกจากนี้อลิอันซ์ยังมีแผนที่จะออกหุ้นรับซื้อคืนภายใน 12 เดือนมูลค่า 3 พันล้านยูโร (ประมาณ 114.41 พันล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4.2% ของทุนเรือนหุ้น ทั้งนี้ อลิอันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในแง่ของมูลค่าตลาดยังประสบความก้าวหน้าในการนำกลยุทธ์ Renewal Agenda มาใช้ในปี 2559 ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถที่จะดำเนินงานไปตามแผนงานซึ่งจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้ในปี 2561
ธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ อลิอันซ์ประสบความสำเร็จอย่างดีในด้านผลประกอบการ โดยมีการเติบโตของผลกำไรจากการดำเนินงานในอัตราที่สูงที่สุด คือ ขยายตัว 9.3% มาอยู่ที่ระดับ 4.1 พันล้านยูโร (ประมาณ 156.36 พันล้านบาท) มีผลกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก ขณะที่กำไรจากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 2.7% ในปี 2559 จาก 2.2% ในปี 2558 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของอลิอันซ์ในการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้วยความฉับไวและก่อให้เกิดผลกำไรจากภาวะที่อัตราดอกเบี้ยธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำ
ธุรกิจประกันวินาศภัยมีผลกำไรจากการดำเนินงานลดลง 4.2% ในปี 2559 เนื่องจากเหตุผลหลักคือผลตอบแทนจากการลงทุนที่ปรับลดลง แม้ว่าในส่วนของการดำเนินงานด้านการรับประกันภัยจะดีขึ้นก็ตาม โดยอัตราส่วนรวม (Combined ratio) ซึ่งใช้วัดผลกำไรจากการรับประกันภัย ปรับเพิ่มขึ้น 0.3 จุดมาอยู่ที่ 94.3% ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากมีการจ่ายค่าสินไหมจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ลดลงนั่นเอง
ขณะที่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ถือว่าสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นด้วยก้าวย่างที่สำคัญ โดย PIMCO ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ภายใต้อลิอันซ์สามารถปั้นเงินสุทธิไหลเข้าเพิ่มขึ้นได้ติดต่อกันถึงสองไตรมาสจากการบริหารสินทรัพย์บุคคลที่สาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 มูลค่าสินทรัพย์รวมที่อยู่ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้น 6.1% มาอยู่ที่ 1,871 พันล้านยูโร (ประมาณ 71.35 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นปี ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะตลาดที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน
ค่าธรรมเนียมในการบริหารงานที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ผลกำไรจากการดำเนินงานปรับลดลง 4% ทว่าการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัยก็ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้น ลดลงมาอยู่ที่ 63.4% จาก 64.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่เต็มไปด้วยเรื่องที่น่าประหลาดใจ ซึ่งไม่ใช่ทุกเรื่องที่น่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความวุ่นวายต่างๆ สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงภาวะตลาดที่ผันผวนอย่างหนัก นั่นทำให้เป็นการยากที่จะคาดการณ์อะไรได้สำหรับปี 2560
อย่างไรก็ตามเรายังมีความมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มผลกำไรจากการดำเนินงานได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยกลุ่มอลิอันซ์ตั้งเป้าผลการดำเนินงานไว้ที่ 10.8 พันล้านยูโร (ประมาณ 411.87 พันล้านบาท) บวกลบ 500 ล้านยูโร (ประมาณ 19.068 พันล้านบาท) อันอาจเกิดจากปัจจัยเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ วิกฤติต่างๆ หรือไม่ก็ภัยพิบัติทางธรรมชาติ” นายโอลิเวอร์ เบท (Oliver Bäte) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ กล่าว
INSURANCETHAI.NET