เหตุผลที่ startup ไปไม่รอด
1169

เหตุผลที่ startup ไปไม่รอด

เหตุผลใหญ่ ที่ Startup ไปไม่รอด

วันนี้สุดยอดงานปรารถนาของ Gen Y คือ Startup
หนึ่ง : ต้องการเป็นนายตัวเอง
สอง : ต้องการทำงานที่อยากทำ
สาม : ในเวลาทำงานที่กำหนดเอง
สี่ : ในรูปแบบงานที่ออกแบบเอง

ถ้าต้องการครบ สี่ข้อที่กล่าวมา คุณต้องเกิดเป็นลูกประธานบริษัท หรือ ไม่ก็ไปปั้น Startup ขึ้นมาเอง ...โอเค เราเลือกแบบหลัง ยุคนี้ Self-made สร้างตัวจากมือเปล่า มันเท่ห์สุดละ

เรามาดูกันว่า เหตุผลหลักๆ ที่ Startup ไปไม่รอดคืออะไรบ้าง ...ดูกัน

1. 'ทำสินค้าไม่เป็นที่ต้องการของตลาด' ..สิ่งสำคัญที่สุดที่ธุรกิจจะเกิดได้ ก็ต้องสร้างสินค้าที่แก้ปัญหาและตอบโจทย์ลูกค้า ..ถ้าทำไม่ได้ อย่าคิดทำ Startup ..ขั้นแรก ต้องตอบให้ชัดว่าสิ่งที่เราทำ 'แก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้ผู้คน'

2. 'เงินหมด' ..แน่ละ ยุคนี้ Startup แข่งกัน 'แจกฟรี' ต้องระวังให้มาก เดี๋ยวจากทำธุรกิจจะกลายเป็นองค์กรการกุศล ...จะบอกว่า บางครั้งลูกค้ามันคนละกลุ่ม ...คนใช้ฟรี กับ คนจ่ายเงิน บางทีมันคนละกลุ่ม ตีโจทย์นี้ให้แตก ...บางครั้งคุณพลาดไปจับแต่คนที่ไม่ใช่ลูกค้าจริงๆ ...เพราะจำไว้ว่า นักลงทุนที่เขาให้เงินเรา เขาคือนักธุรกิจ เขาหวังกำไร ไม่ใช่มาแจกเงินเฉยๆ

3. 'ทีมงาน' ..ปัญหาของคน Gen Y คือ อยากร่วมงานกับเฉพาะคน Gen Y ด้วยกัน ..มันเท่ห์ดีที่ตะรู้สึกว่า ทีมงานมีแน่คนรุ่นใหม่จับมือกันไปเปลี่ยนโลก ...การคิดบวกมากเกินไป กับ ความใจร้อนต้องการเห็นผลเร็วของ Gen Y เป็นทั้งโอกาส และจุดอ่อน ...ลองเปิดใจ หาทีมงานที่คิดรอบคอบ มีประสบการณ์อย่าง Gen X มาร่วมทีม จะช่วยให้ได้มุมธุรกิจดีๆ มาเสริมทีมอีกเยอะ

4. 'สินค้าขายไม่ได้' ..อันนี้ผลพวงมาจากข้อสอง คือ พออยากขยายเร็ว เราก็แจกฟรี พอแจกฟรีมันไปจับลูกค้าคนละกลุ่ม ..เหมือนจะจับปลา แต่หว่านแหลงไปได้แต่เศษขยะ ...ต้องระวังตรงนี้ให้ดี การ Target Customer เป็นหัวใจของธุรกิจโดยเฉพาะช่วงตั้งไข่ เพราะ เราไม่มีงบพอที่จะเอาใครก็ได้เป็นลูกค้า - 'กระสูนมีจำกัด ถ้าคิดจะยิงมั่ว เก็บไว้ยิงหัวตัวเองจะดีกว่า' (โห!! แรงชิบหาย ..ใช่ กรูเจ็บมาก่อน นี่เขียนแชร์จากเลือด ประสบการณ์ตรง)

5. 'สู้คู่แข่งไม่ได้' อันนี้ปกติ ที่ Startup มักเจอคู่แข่งที่ทำเหมือนกัน จำนวนมาก ...เราต้องสร้างความแตกต่างให้ได้

..ซึ่งธุรกิจมี 3 แบบ คือ หนึ่ง Me too คนทำมากมาย อย่าไปทำเลย

/ สอง Value Added คือ ทำธุรกิจจากปรับปรุงจากสิ่งที่มี ก็แปลว่า มีคู่แข่ง แค่เราคิดว่าเราจะทำได้ดีกว่า แตกต่าง ..ส่วนใหญ่ เรามโนไปเอง เพราะลูกค้าจะไม่เปลี่ยน แค่สินค้าเราดีกว่า

/ สาม Innovation อันนี้จะคุ้มทำ Startup ..ไม่สำคัญหรอกว่า ตลาดเราอาจจะเล็ก ตอนเริ่ม เหมือนวันที่ Mark Zuckerberg ทำ Facebook ก็เริ่มจาก มหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ ซึ่งเล็กมาก

...แต่ขอให้เป็นเจ้าตลาด ในตลาดเล็กๆ นั่นคือ จุดเริ่มที่ดี

ก็ประมาณนี้เบื้องต้น ลองไปทบทวน สิ่งที่เราทำดู ว่าจะไปต่ออย่างไร ...สู้ไป !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม



INSURANCETHAI.NET
Line+