คปภ. ผนึกภาคเอกชน ถกขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทย รองรับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล
1184
คปภ. ผนึกภาคเอกชน ถกขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทย รองรับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล
คปภ. ผนึกภาคเอกชน ถกประเด็นร้อนขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทย รองรับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล
คปภ.ผนึกกำลังภาคธุรกิจประกันภัย จัดประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย ประจำปี 2560 (CEO Insurance Forum 2017) มุ่งขับเคลื่อนนโยบายการประกันภัยในยุคดิจิทัล รักษาสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนด้านการประกันภัย และส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมดิจิทัลในอุตสาหกรรมประกันภัย ผ่านการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมประกันภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน รวมถึงเพิ่มบทบาทของธุรกิจประกันภัยให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกล่าวเปิดการประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย ประจำปี 2560 (CEO Insurance Forum 2017) และได้แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง "บริบทใหม่กับการขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยในเศรษฐกิจยุคดิจิทัล" โดยย้ำว่า บริบทของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยได้เปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของคนในสังคม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดขึ้น ประกอบกับนโยบายของภาครัฐซึ่งช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างโอกาสให้กับธุรกิจประกันภัย อาทิ การสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ประกันภัย โดยมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปฏิวัติรูปแบบการทำธุรกิจหรือที่เรียกกันว่า “InsurTech” ทั้งในด้านของผลิตภัณฑ์ประกันภัย การให้บริการ การบริหารจัดการ รวมไปถึงสร้างช่องทางการเข้าถึงผู้เอาประกันภัยได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายที่จะต้องมีการกำกับดูแลระบบประกันภัยให้เป็นไปอย่างรอบคอบ
โดยสำนักงานคปภ.และภาคธุรกิจประกันภัยควรใช้ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงบริบทของการแข่งขันนี้ผลักดันให้ธุรกิจประกันภัยมีการขับเคลื่อนได้อย่างยั่งยืน และได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากประชาชน ตลอดจนสามารถเพิ่มบทบาทในระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพที่ดีของประชาชนผ่านระบบประกันภัย
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า การประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย ซึ่งมีการจัดประชุมครั้งแรกเมื่อปี 2559 โดยผลจากการประชุมครั้งแรกนั้นได้นำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัย อาทิ การปรับปรุงกฎหมายแม่บทด้านการประกันภัย โดยครอบคลุมถึงการป้องกันการฉ้อฉลในธุรกิจประกันภัย การออกประกาศ คปภ.เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการออกกรมธรรม์ประกันภัย การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย การชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิต โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2560 และประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการออกกรมธรรม์ประกันภัย การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย การชดใช้เงินและค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2560 และเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560
สำหรับการประชุมในวันนี้ เป็นการจัดประชุม CEO Insurance Forum ครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นการต่อยอดจากผลการประชุมครั้งแรก โดยนอกจากการแสดงปาฐกถาพิเศษของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแล้ว ยังมีการบรรยายพิเศษเรื่อง “การกำกับธุรกิจประกันภัยในเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล” โดย ดร.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ซึ่งพูดถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยภายใต้นโยบาย “Thailand 4.0” ความท้าทายของธุรกิจประกันภัย ตลอดจนทิศทางในการส่งเสริมธุรกิจประกันภัยเพื่อจะยกระดับมาตรฐานสู่สากล
นอกจากนี้อีก Highlight ที่สำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายระดมความคิดเห็นมาสู่ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ โดยแบ่งกลุ่มย่อยเป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มย่อยที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “การพัฒนากฎหมาย การควบคุมและการบริหารความเสี่ยงเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยในยุคดิจิทัล” มีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการ ฉ้อฉลประกันภัย ที่เหมาะสมภายใต้บริบทของกฎหมาย ประเด็นหลักในการประชุม ประกอบด้วย ข้อมูลรูปแบบหรือปัญหาเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เคยประสบหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ขอบเขตของร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย เกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย และประกาศ คปภ.ว่าด้วยการออกกรมธรรม์ประกันภัย การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย และการชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และกลไกหรือมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการฉ้อฉลประกันภัย
กลุ่มย่อยที่ 2 ภายใต้หัวข้อ “การกำกับและพัฒนาธุรกิจประกันภัยด้วย Regulatory Sandbox” มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแผนในการกำกับและดำเนินธุรกิจในอนาคต รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับภาคธุรกิจ และบริษัท Fintech เกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมในต่างประเทศ โดยมีประเด็นหลักในการประชุม คือ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าร่วมโครงการ Insurance Regulatory Sandbox ของบริษัทประกันภัย และแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของภาคอุตสาหกรรมประกันภัย อย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพ
กลุ่มย่อยที่ 3 ภายใต้หัวข้อ “การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทำธุรกิจประกันภัย” มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสและมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้บริหารระดับสูง และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีที่ดี เพื่อให้บริษัทนำไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเด็นหลักในการประชุม คือ การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ และการกำหนดแนวทางการกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในธุรกิจประกันภัยของสำนักงาน คปภ.
กลุ่มย่อยที่ 4 ภายใต้หัวข้อ “การยกระดับพฤติกรรมทางการตลาดและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์” มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับการกำกับพฤติกรรมทางตลาดและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ประเด็นหลักในการประชุม คือ แนวทางและบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาการกำกับและตรวจสอบคนกลางประกันภัย และการควบคุมคุณภาพการให้บริการ การพัฒนามาตรฐานระบบการจัดการสินไหม และการจัดการเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัย รวมทั้งการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันภัยแก่ประชาชน
นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายยังได้เปิดเวทีเสวนาเกี่ยวกับนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) และบทบาทหน้าที่ของกรรมการในธุรกิจประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง โดยผู้บริหารสำนักงาน คปภ. และได้รับเกียรติจาก ดร. บัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) บรรยายในหัวข้อเรื่อง “กรรมการมืออาชีพกับความสำเร็จของธุรกิจ” เพื่อให้กรรมการของบริษัทต้องมีการบริหารจัดการที่ดีมีธรรมาภิบาลในองค์กร และมีความรับผิดชอบที่พึงมีต่อผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า การประชุม CEO Insurance Forum 2017 ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในธุรกิจประกันภัย ในการผนึกกำลังขับเคลื่อนนโยบายการประกันภัยสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งทุกความคิดเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะจะนำมาใช้แบบบูรณาการเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมประกันภัยของไทย มีการพัฒนาอย่างก้าวหน้า
ทั้งนี้กฎกติกาและการบริหารจัดการจะต้องคำนึงถึงหลักการสำคัญ ได้แก่ ความสมดุล ความยืดหยุ่น และการปรับตัวให้เหมาะสม รวมทั้งการทำงานในเชิงรุก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไปในอนาคต
INSURANCETHAI.NET