เรื่องราวในครั้งนี้เริ่มต้นมาจากทางเครือ The Minor Food Group ต้องการทำธุรกิจพิซซ่าจึงได้ติดต่อไปยังบริษัทเป๊ปซี่โคฯ ซึ่งในขณะนั้น คือผู้ถือลิขสิทธิ์ Pizza Hut ด้วยเงินเพียง 5,000 เหรียนสหรัฐ
หลังจากที่ซื้อมาแล้วก็ต้องคิดหนักเพราะว่าเมื่อ 36 ปีที่แล้ว คนยังไม่รู้จักเลยว่าพิซซ่าคืออะไร ทาง Minor เลยคิดหนักเลยว่าจะวางขายยังไงให้ประสบความสำเร็จโดยเริ่มสาขาแรกที่พัทยา ในปี 2524 โดยให้เหตุผลที่เลือกสาขาที่พัทยาก็เพราะว่ามีชาวต่างชาติอยู่เยอะอย่างน้อยๆก็จะมีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวยืนพื้น
ปรากฏว่าทำไปทำมาเกิดประสบความสำเร็จมากทาง Minor เลยจัดการขยายสาขาจนกระทั้งมีสาขา 100 กว่าสาขาทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เขาเลยกลายมาเป็นผู้ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่งในตลาดพิซซ่า หลังจากการประสบความสำเร็จนี้แล้ว ก็มีคนที่เห็นโอกาสเลยเข้ามาแข่งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ นั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ Pizza Hut ได้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อเวลาผ่านไปบริษัทเป๊ปซี่โคฯได้ขายกิจการ The Pizza และ KFC ให้กับคนใหม่คือ ไทรคอน เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อบริษัทแม่ที่ให้แฟรนไชน์เปลี่ยนคนไป ความสัมพันธ์ที่เคยมีมากับบริษัทเป๊ปซี่โคฯ กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าในทันที อนาคตของ Pizza Hut เริ่มมีความไม่แน่นอน
จนในที่สุดก็เจรจาหย่าศึกกันได้ ให้ทาง Minor ทำต่อไปได้อีก 1 ปี หลังจากนั้นทาง Minor จึงยุติการทำธุรกิจ Pizza Hut ในวันที่ 31 ธันวาคม 2544 แบรนก์ที่เคยทำมา 20 ปีต้องตกไปอยู่ในมือคนอื่น เป็นคุณจะทำยังไง?
แต่ว่าทาง Minor มาถึงระดับนั้นได้ ไม่ได้เกิดมาจากโชคช่วยแต่เกิดมาจากผู้บริหารระดับเทพ เวลา 1 ปีที่ขอต่ออายุมาทาง Minor ก็เริ่มต้นไปทำโครงการลับๆของเขา เมื่อมาถึงวันที่หมดสัญญา ทาง Minor จึงได้เอาป้าย Pizza Hut เปลี่ยนเป็น Pizza Company ทั้งหมด เปลี่ยนชุดเครื่องแบบร้านหมด คนกินเขาก็คงไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าคงแค่เปลี่ยนชื่อเฉยๆ
ทางไทรคอนแทบกรี๊ด จากเงินค่า Loyalty Fee และค่าธรรมเนียมต่างๆที่เคยได้มาจาก Minor เหลือ 0 ร้านสาขาอะไรไม่มี เหลือแต่ความว่างเปล่าและชื่อของ Pizza Hut ในขณะที่ทาง Minor มีสาขา 116 สาขาสามารถขายได้ต่อไม่สะดุด แถมยังได้รายได้เต็มไม่ต้องไปแบ่งให้ใครอีก จะไปที่ไหนก็ได้ในโลก ถึงตอนนี้ทาง Minor คงแทบขำกันทั้งบริษัท