พักโรงแรม​ ​รถยนต์หาย​ ใครต้องรับผิด

บริษัทประกันรับผิดชอบจ่ายให้เจ้าของรถไปเรียบร้อยแล้ว

เจ้าของรถรายนี้ขับรถไปจอดในโรงแรม ตื่นเช้าขึ้นมา
รถหาย ดูกล้องวงจรปิดพบว่ามีคนขับออกไปตอนตีสอง

ในชั้นสืบพยาน
เจ้าของรถให้การว่า..
เข้าห้องมาก็ล็อคประตู ใส่กลอน และคล้องโซ่เรียบร้อย แต่ตื่นมากุญแจรถที่วางไว้หายไป แถมรถหายไปด้วย
สภาพห้องไม่มีร่องรอยการงัดแงะ หากใส่กลอน หรือคล้องโซ่จริงน่าจะเหลือร่องรอยบ้าง

ข้อเท็จจริง
เจ้าของรถหิ้วเหล้าไปขวดนึงก่อนเข้า นอนด้วย

ศาลจึงเชื่อว่า
คงไม่ได้ลงกลอนและคล้องโซ่แน่ ไม่งั้นน่าจะมีร่องรอย

ประเด็น
การที่เจ้าของรถเข้าพักในโรงแรม
แล้วแค่ล็อกประตูลูกบิด แต่ไม่ยอมใส่กลอนและคล้องโซ่
ทั้งที่โรงแรมติดตั้งของพวกนี้เอาไว้ จะถือว่าเจ้าของรถมี
ส่วนผิดด้วยหรือไม่

ถ้าผิดด้วย เจ้าของโรงแรม ก็มีสิทธิรอดพ้นจากความรับผิด ถ้าลงเอยแบบนี้ บริษัทประกัน ที่รับประกันรถกระบะและจ่ายเงินให้เจ้าของรถไปแล้วก็จะ
มาฟ้องเรียกเอาจากเจ้าของโรงแรมไม่ได้ เท่ากับบริษัทประกันต้องรับผิดชอบไปเอง

ศาลชั้นต้น
ยกฟ้องโจทก์ ให้เจ้าของโรงแรมชนะคดี

ศาลอุทธรณ์
ให้เจ้าของโรงแรมชดใช้ค่าเสียหาย

ศาลฎีกา
เจ้าของรถไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นกับการที่มีคนร้ายขับรถออกไปจากโรงแรม การที่เจ้าของรถมาเข้า
พักในโรงแรมเพียงคนเดียว แล้วไม่ได้ล็อกกลอน ไม่ได้ใส่โซ่คล้องประตู ยังไม่ถือว่าเป็นความผิดของเจ้าของรถที่เป็นคนเดินทางที่เข้าพักในโรงแรม ดังนั้น เจ้าของโรงแรมต้องรับผิด แม้ทางโรงแรมจะติดป้ายประกาศว่า โรงแรมจะไม่รับผิดชอบก็ไม่มีผลเป็นการยกเว้นความรับผิด

เมื่อบริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมให้กับเจ้าของรถไปแล้ว บริษัทประกันก็มีสิทธิมาฟ้องเรียกเอาจากเจ้าของโรงแรมได้ เท่ากับเจ้าของโรงแรมแพ้คดี

ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ลืมลงกลอน คล้องโซ่นี่ เคยปรากฏมาแล้ว ในคำพิพากษาฎีกา 10154/2558
ซึ่งศาลก็ตัดสิน ทำนองเดียวกัน คือ เจ้าของโรงแรมยังต้องรับผิดชอบ

เหมือน กับกรณี รถหายในห้าง แม้ทางห้างจะเขียนเอาไว้ว่าไม่รับผิดชอบ แต่ในทางกฎหมายยังคงต้องรับผิดชอบ อยู่ดี

เจ้าของรถยนต์ต้องทำประกันภัยไว้
เจ้าของธุกิจ ก็ต้องทำประกันไว้เช่นกันอาจจะเป็นประกันความรับผิด
เมื่อเกิดเหตุบริษัทประกันก็จะได้เข้ามาชดใช้แทน