ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก
1440
ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก
ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก
ลองอ่านชนิดของภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูก
สาเหตุของภาวะเลือดอกผิดปกติจากมดลูกและ
การวินิจฉัย ข้อเขียนโดยนพ.ธีรศักดิ์ ธำรงธีระกุล
และทีมสูติ-นรีแพทย์ รพ.วิภาวดีค่ะ
(Abnormal Uterine Bleeding)
โดย นพ.ธีรศักดิ์ ธำรงธีระกุล
และทีมแพทย์ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากวิภาวดี
อาการตกเลือด หรือเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เป็นกลุ่มอาการที่พบได้บ่อยมากในผู้หญิง แบ่งอาการออกเป็นดังนี้
1. การตกเลือดจากโพรงมดลูก คือ จุดเลือดที่ออกอยู่ในโพรงมดลูก เช่น การแท้ง การมีเลือดระดูออกมากหรือผิดปกติ หรือโรคมะเร็งของเยื่อบุมดลูก
2. การตกเลือดที่อวัยวะสืบพันธุ์ที่ไม่ใช่มดลูก คือเลือดไหลออกทางช่องคลอดโดยที่จุดเลือดไม่ได้เกิดในโพรงมดลูก แต่อยู่ต่ำลงมา ได้แก่ ปากมดลูกหรือในช่องคลอด เช่น มะเร็งปากมดลูก แผลฉีกขาดในช่องคลอด แต่ในครั้งนี้จะกล่าวถึงเฉพาะภาวะที่เป็นการตกเลือดในโพรงมดลูกเท่านั้น ซึ่งเกิดได้ทั้งช่วงที่กำลัง มีระดู และช่วงนอกระดู
ระดู คือ น้ำเลือดที่ไหลออกจากโพรงมดลูก ประกอบด้วยเลือดและเศษเนื้อเยื่อ ที่ไหลออกมาเป็นรอบทุก 28+7 วัน และระยะเวลาของการมีระดูม่เกิน 7 วัน จำนวนเลือดเฉลี่ยประมาณ 30-80 มล. ถ้าจำนวนเลือดที่ออกเกิน 200 มล. ถือว่าผิดปกติ เพราะว่าอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ โดยปกติแล้วรอบ
รอบระดูแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
1. ระยะการเจริญของถุงไข่ เป็นระยะของรังไข่ที่จะใช้ในการเตรียมตัวให้ไข่เติบโตมากพอและมี หนึ่งใบเท่านั้นที่พร้อมจะตกออกมาจากถุงไข่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน ระยะนี้ถุงไข่จะสร้างฮอร์โมน เอสโตรเจน กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้เจริญ
2. ระยะไข่ตก ประมาณ วันที่ 14 – 15 ของรอบเดือน มีการแตกของถุงไข่
3. ระยะหลังไข่ตก หลังจากที่ ถุงไข่ แตกแล้ว ระยะนี้ถุงไข่จะเป็น corpus luteum มีการหลั่งโปรเจสเตอโรน เจน ในเลือดเป็นจำนวนมาก กระตุ้นเยื่อบุมดลูกให้สมบูรณ์เตรียมรับตัวอ่อน ถ้าไม่ตั้งครรภ์ก็จะหยุดทำงาน เยื่อบุมดลูกก็หลุดลอกออกมาพร้อมกับเลือดเป็นระดู ความผิดปกติใดๆ ในการทำหน้าที่หรือการเจริญเติบโตของรังไข่ดังกล่าว อาจมีผลทำให้มีเลือดระดูออกผิดปกติ โดยที่ในโพรงมดลูกอาจไม่มีพยาธิสภาพใดๆ ก็ได้
เลือดออกผิดปกติจากมดลูกมีหลายแบบ
1. เลือดออกเป็นรอบแต่มีปริมาณมาก คือ เลือดออกเป็นรอบปกติแต่มากกว่าปกติ (มากกว่า 200 มล.) หรือออกนานเกิน 7 วัน
2. เลือดออกเป็นรอบแต่รอบสั้น กว่า 22 วัน จำนวนเลือดที่ออกผิดปกติ สาเหตุมักเกิดจากความบกพร่องในหน้าที่ของรังไข่
3. เลือดออกไม่เป็นรอบ เลือดอาจจะออกกะปริดกะปรอย มักเกิดจากแผลที่เยื่อบุมดลูก รวมทั้งการแท้งและการมีครรภ์นอกมดลูกด้วย
4. เลือดออกเป็นรอบแต่ ค่อนข้างยาว คือ นานกว่า 35 วัน พบในหญิงที่มีระยะ ก่อนตกไข่ยาว และในภาวะที่ไม่มีการตกไข่
5. เลือดออกเป็นรอบแต่มีปริมาณน้อยอาจพบในคนที่มี พังผืดในโพรงมดลูก และผู้ที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดนาน
6. เลือดออกระหว่างรอบระดูที่เป็นปกติ จะเกิดในช่วงกลางรอบระดูที่มีการตกไข่ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากเนื้องอกในโพรงมดลูก มะเร็งเยื่อบุมดลูก และมะเร็งปากมดลูก
7. ระดูขาดก่อนแล้วตกเลือดมากและนาน ผู้ป่วยมักมีอาการซีดร่วมด้วย พบบ่อยในวัยใกล้หมดระดูที่ไม่มีการตกไข่
สาเหตุภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูก แบ่งเป็น 2 สาเหตุ คือ
สาเหตุทางร่างกาย
1. โรคระบบทั่วไป
1.1 โรคเลือด
1.2 โรคตับ
1.3 โรคไต
1.4 โรคอ้วน
1.5 ผลของยาที่ทำให้เลือดออกผิดปกติ ได้แก่ ยาสตีรอยด์ทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ยาป้องกันเลือดแข็งตัว ยารักษามะเร็ง ส่วนยาเม็ดคุมกำเนิดและ โปรเจสโตโรนทั้งชนิดรับประทานหรือฉีด เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในการทำให้เลือดออกผิดปกติ
2. โรคทางระบบสืบพันธุ์
2.1 เนื้องอกมดลูก สาเหตุของการที่เลือดออกมาก เนื่องจากกล้ามเนื้อมดลูกถูกเบียดเบียนไป ทำให้ไม่สามารถหดบีบเส้นเลือดได้
2.2 เยื่อบุมดลูกขึ้นผิดที่ในมดลูกและนอกมดลูก พบได้ค่อนข้างบ่อย มักมีอาการปวดระดูร่วมด้วย
2.3 ติ่งเนื้อเยื่อบุมดลูก ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อที่แน่ชัด ในปัจจุบันการส่องตรวจภายในมดลูก สามารถวินิจฉัยภาวะนี้ได้บ่อยขึ้นกว่าการขูดมดลูก
2.4 มะเร็งเยื่อบุมดลูก ผู้ป่วยส่วนมากมีอาการเลือดออกภายหลังวัยหมดระดู เป็นภาวะที่ร้ายแรงที่สุดที่ต้องวินิจฉัยแยกโรคให้ได้
2.5 เนื้องอกรังไข่ที่สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน และ สร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน
2.6 การอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
2.7 การตั้งครรภ์ (การแท้งหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก)
2.8 ห่วงคุมกำเนิด ชนิดที่ไม่ได้บรรจุฮอร์โมนโปรเจสโตเจน
สาเหตุทางระบบต่อมไร้ท่อ
1. ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่ออื่น
1.1 โรคต่อมธัยรอยด์
1.2 โรคต่อมหมวกไต
1.3 ความผิดปกติของ ต่อมใต้สมอง
2. ความผิดปกติของฮอร์โมนระบบสืบพันธุ์
2.1 Polycystic ovearian disease เป็นภาวะที่พบบ่อย ลักษณะเฉพาะของผู้ป่วย คือ มีขนดก อ้วน และมีบุตรยากร่วมกับภาวะไม่มีตกไข่ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคนี้ แต่อาการที่พบคือมีเลือดออกเป็นระยะๆ ระดูมาไม่บ่อยแต่เลือดระดูจะออกมากและนาน ถ้าไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยมีโอกาสเกิด endometrial hyperplasia และมะเร็งเยื่อบุมดลูกสูงขึ้น
2.2 ภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูก Dysfunctional uterine bleeding (DUB)
การวินิจฉัย ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกเริ่มด้วย
1. แพทย์จะซักถามประวัติที่สำคัญ จะมีการตรวจร่างกายโดยทั่วไป และการตรวจภายในเบื้องต้น เพื่อหาตำแหน่งของเลือดออกว่ามาจากภายในมดลูก ปากมดลูก ท่อปัสสาวะหรือรูทวาร ตรวจหาร่องรอยกระทบกระแทก วัสดุแปลกปลอม การติดเชื้ออักเสบ คลำขนาดและลักษณะของมดลูก คลำปีกมดลูกมีการกดเจ็บ หรือก้อนผิดปกติหรือไม่ เป็นต้น
2. การตรวจทางห้องปฏิบัติการและตรวจพิเศษ เช่น การตรวจเลือด การตัดตรวจเนื้อเยื่อมดลูก การขูดมดลูก การส่องกล้องตรวจภายในมดลูก Hysterosalpingography อัลตราซาวนด์ (ultrasound)และ การส่องกล้องตรวจช่องท้อง (laparoscopy)
ข้อเขียนโดยนพ.ธีรศักดิ์ ธำรงธีระกุล
และทีมสูติ-นรีแพทย์ รพ.วิภาวดี โทร 0-2941-2800 กด 1
http://www.vibhavadi.com/health120.html
INSURANCETHAI.NET