กลโกงธุรกิจ Web Hosting
221

กลโกงธุรกิจ Web Hosting

กลโกงธุรกิจ Web Hosting

บริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องไม่ได้หมายความว่าจะเป็นบริษัทที่เชื่อถือได้ หรือจะอยู่กับเราไปตลอดรอดฝั่ง เพราะธุรกิจ Web Hosting เว็บโฮสติ้ง มีไม่น้อยที่ทำแล้วพูดได้ว่าเจ๊ง!! หรือขาดทุน อยู่ไม่ถึงปี มีให้เห็นเยอะแยะ ถึงจะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้อง เค้าก็สามารถปิดกิจการหรือหนีไปกันดื้อๆ ได้ แล้วการจดทะเบียนบริษัทก็ทำได้ง่ายมาก ครั้นจะไปตามทวงเงินไม่กี่พันกับการจ้างทนายความ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครทำกันอยู่แล้ว มีออฟฟิศสวยหรูก็ไม่ได้รับประกันว่าจะมีกำไร หรือเป็น Web Hosting เว็บโฮสติ้ง ที่ดี แต่ในการกลับกันกลายเป็นการเพิ่มต้นทุนที่มากขึ้นเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ Web Hosting เว็บโฮสติ้ง ทุกที่ก็แทบจะจดทะเบียนบริษัทถูกต้องแล้วทั้งนั้น แล้วจะทำยังไงดี

เมื่อเข้าไปในหน้าเว็บของบริษัท หรือ Web Hosting เว็บโฮสติ้ง นั้นๆ หาดูตรงรายชื่อลูกค้าของเรา ทุกบริษัทมักจะโม้ โอ้อวด บรรยายสรรพคุณต่างๆ ว่าลูกค้าของเรามีเป็นร้อยเป็นพัน ทั้งภาครัฐและเอกชน ( ให้ดูน่าเชื่อถือ ) พร้อมทั้งมีรายชื่อให้เราดู เพื่อให้เรารู้สึกมั่นใจ เชื่อใจมากยิ่งขึ้น แต่นั่นกลับกลายเป็นหลุมฝังให้บริษัทนั้นเลยล่ะ เพราะอะไรเหรอ?

Frank W. Abagnale ยอดนักต้มตุ๋นระดับโลกเคยบอกไว้ว่า..
ยิ่งดูน่าเชื่อถือเท่าไร ยิ่งหลอกได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
วิธีตรวจสอบง่ายมาก ที่ไหนที่ลงแค่ชื่อบริษัทอย่างเดียว ไม่มี URL ลูกค้าบอกกำกับให้คลิ้กเข้าไป อย่าไปใช้บริการของเค้าเด็ดขาด! เพราะชื่อบริษัทใครๆ ก็เขียนได้ อยากจะเขียนสัก 2 ถึง 3 พันบริษัทก็ทำได้ ลอกมาจากสมุดหน้าเหลือง หรือกรมพานิชย์เลย ยิ่งที่ไหนเขียนหรือบอกว่ามีลูกค้าเกิน 500 ราย แต่เปิดมาไม่ถึง 5 ปีนี่ ตัดออกไปได้เลยโกหกแน่นอน แต่ถ้าเราอยากพิสูจน์ หรืออาจจะเป็นจริงก็ได้ ทำไงดีล่ะ?

1. หา Web Hosting เว็บโฮสติ้ง ที่ลง URL ของลูกค้าที่ให้คุณคลิกไปดูได้แทน แต่แค่นี้ยังไม่พอ!
2. เราต้องตรวจสอบด้วยว่า URL ลูกค้าที่เขียนๆ มา เป็นลูกค้าของเค้าจริงหรือไม่? ไม่ใช่ว่าไปมั่วเอาของคนอื่นมาใส่ โมเมหลอกลูกค้า หรือชื่อลูกค้าที่เขียนมากว่าครึ่งปัจจุบันเค้าย้ายออกไปที่อื่นหมดแล้ว เรามีวิธีตรวจสอบมีดังนี้

เข้าไปที่เว็บ RobTex.com หรือบริการตรวจสอบ IP/DNS ของอะไรก็ได้ หรือจะใช้ Ping ง่ายๆ ก็ได้ จากนั้นลองใส่ชื่อลูกค้าที่เค้าเขียนมาลงไปสัก 4 ถึง 5 อัน แล้วแต่ความขยันของเรา ถ้า IP เหมือนกันหมด หรือต่างกันไม่เกิน 3 IP ( หรืออาจจะต่างกันมากกว่านั้นมีหลาย Server ) และควรอยู่ใน Subnet เดียวกัน หรือใกล้ๆ กัน แสดงว่าเป็นลูกค้าของเค้าจริงครับ ให้ดู IP และ NS/MX Record ด้วย

ตรงนี้อาจจะต้องสอบถามทาง Web Hosting เว็บโฮสติ้ง ด้วยว่าเค้ามี Server ทั้งหมดกี่เครื่อง ( เรายังมีวิธีตรวจสอบอีกว่ามันโม้หรือเปล่า )

ตรงนี้ถ้าคุณเจอเว็บลูกค้าที่ไม่ใช่ IP ของบริษัท Web Hosting เว็บโฮสติ้ง นั้นๆ ละก็เสียคนแน่ครับ นำมาประจานให้คนอื่นๆ ทราบด้วยก็จะดี จะได้ไม่ถูกหลอก ถือว่าหลอกหลวง เอาชื่อเว็บอื่นมาแอบอ้างว่าเป็นลูกค้า และจริงๆ แล้วมีความผิดตามกฏหมายด้วย แต่ผมก็ยังไม่เคยเห็นใครแจ้งจับ หรือถูกจับเลย

พอเราตรวจเว็บลูกค้าของเค้าว่าเป็นลูกค้าจริงๆ แล้ว ให้ลองดูเว็บที่มีคนเข้าเยอะๆ หน่อย ยิ่งเยอะยิ่งดี ยิ่งดังยิ่งดี ให้พยายามหาเบอร์ติดต่อเลยครับ สอบถามว่าทางเว็บใช้ Web Hosting เว็บโฮสติ้ง ของอะไร ( ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ) แล้วสอบถามคุณภาพ การบริการ ประวัติย้อนหลังครับ ตรงนี้อาจจะไม่จำเป็นมากถ้าเราใช้ทำเว็บเล็กๆ คนเข้าไม่เยอะ หรือเน้นประหยัด แต่ถ้าคิดใช้นานๆ ราคาสูง ใช้เนื้อที่มากๆ ให้ความสำคัญมากหน่อยทำได้ก็ดี

จำนวนลูกค้าที่ทางบริษัทหรือ Web Hosting เว็บโฮสติ้ง เขียนเอาไว้ก็สำคัญครับ บางที่ที่ผมบอกว่ายิ่งโม้เยอะ ยิ่งกลายเป็นหลุมฝั่งตัวเองนั่นล่ะ
เพราะถ้าสมมุติว่าเค้ามี server 2 เครื่อง ( โดยทั่วไปแบ่งเป็น Windows 1 และ Linux 1 เครื่อง ) แต่บอกว่ามีลูกค้า 500 รายหรือมากกว่า ซึ่งเท่ากับ server ละ 250 เว็บ

ถามว่าถ้าเป็นจริง คุณอยากจะเข้าไปอยู่ใน server นั้นเป็นเว็บที่ 251 มั้ยล่ะ? ช้าตายเลย

ปกติแล้ว server 1 ตัวแรงๆ เลย เค้ายอมรับกันได้ที่ประมาณไม่เกิน 100 เว็บ หรือมากน้อยกว่านั้นตามการใช้งาน หรือถ้ามีเว็บใหญ่ๆ อยู่ด้วย ยิ่งที่ไหนเขียนไว้เกิน 500 ราย คุณหาที่อื่นได้เลย ถ้าไม่โกหก หรือมี Server มากกว่า 5 เครื่อง ก็เดาว่าคุณภาพต้องต่ำมากแน่ๆ

วิธีตรวจสอบว่ามี Server จริงๆ กี่เครื่อง เป็นรุ่นอะไร IP อะไร ไม่ยาก ขอดูใบเสร็จเลย ให้เค้า Fax มาให้ก็ได้ และมีรูปถ่ายด้วยก็จะดีมาก แต่ในรูปควรจะมี IP กำกับหน้าเครื่องหรือชื่อบริษัทด้วยนะ! ไม่ใช่ไปถ่าย Server คนอื่นมา เว็บไหนไม่มีรูปถ่าย หรือไม่มีใบเสร็จ แสดงว่าใช้เครื่อง PC ธรรมดามาทำเป็น Server  หรืออาจจะโม้เสปคเกินจริง อันนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ คืออาจจะพอใช้ได้แต่การนำ PC หรือแม้แต่ Server คุณภาพต่ำ หรือสเปคต่ำมาใช้ มันจะมีผลเสียในระยะยาวครับ สัก 1 ปีขึ้นไป อุปกรณ์หลายๆ ตัวจะเริ่มเสีย ส่งผลให้เว็บล่มหรือ Down บ่อย เพราะไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานหนักตลอด 24 ชั่วโมง

ดูราคาค่า บริการก็สำคัญ ค่าบริการในจุดคุ้มทุนตรงนี้จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของ Server และค่าเช่า Bandwidth/Colocation/ISP ประกอบกัน
ที่ใหนให้ราคาถูกก็ย่อมมีคุณภาพที่ลดลงไปตามราคา แต่ก็ไม่ใช่ว่าแพงแล้วจะดี แพงกว่าแต่ห่วยเหมือนกันก็มีเยอะ ตรงนี้ต้องดูหลายๆ อย่างประกอบกัน
เช่น บอกว่าใช้ Server XEON รุ่น top 2 cpu + Hot Swap SCSI320 + Dual Power Supply เรียกว่า Server ราคาเกือบ 2 แสน แต่ค่าบริการเดือนละ 1 ถึง 3 ร้อยบาทต่อ 500 MB อันนี้ให้คิดว่ามีลับลมคมใน หรือมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลไว้ก่อน

เพราะ Server ราคา 1.5 ถึง 2 แสน ( พวก HP DELL IBM ) ควรจะมีรายได้จากลูกค้ามากกว่า 3 หมื่นบาทต่อเดือน ถ้าคิดแค่ 1 ถึง 3 ร้อย ถามว่าต้องมีกี่เว็บต่อ Server ล่ะ? นี่ยังไม่ได้คิดกำไร หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ นะ! ยิ่งพวกราคา 59 บาท 99 บาท เนื้อที่ 1GB นี่ผมบอกตรงๆ นะ ไม่กล้าจะใช้บริการครับ ถ้าใช้ทำเว็บเก็บรูปส่วนตัวอ่ะพอได้อยู่

พูดง่ายๆ ก็คือราคาต้องเหมาะสมกับคุณภาพ หรือสรรพคุณที่แจ้งไว้! แต่ต้องมั่นใจด้วยว่าอุปกรณ์หรือสรรพคุณที่แจ้งไว้เป็นความจริง!

ประสบการณ์ และเวลาที่ประกอบธุรกิจมาก็สำคัญ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าที่เปิดมานานๆ มีลูกค้าเยอะๆ แล้วเนี่ย Server ได้อัพเกรดบ้างหรือไม่
ซอฟแวร์ได้อัพเกรดบ้างมั้ย หรือเข้าเว็บช้า อืด เพราะอัดลูกค้าเข้าไปเยอะหรือปล่าว ตรงนี้ก็พูดยากว่าเปิดมานานกว่าแล้วดีกว่า หาทางสอบถามลูกค้าของ Web Hosting เว็บโฮสติ้ง นั้นๆ ได้ก็จะดีกว่า



INSURANCETHAI.NET
Line+