MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

- จะจ่ายเงินให้กับพนักงาน ก็ต่อเมื่อพนักงานขายสินค้าได้
- พนักงานขายทำงานอาทิตย์ละ ๗ วัน วันละ ๑๒ ชม. อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
- ค่าเดินทาง ค่าอาหาร พนักงานออกเอง
- เครือข่ายนักขายเติบโตกันเอง ไม่ต้องจ้าง HR
- ไม่ได้ Sales แต่ก็ได้ Marketing Free ทุกวันนี้ น้อยคนที่ไม่รู้จัก

http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2010/01/B8790142/B8790142-7.png">

ยังไม่ออกจาก วังวน MLM อีกเหรอครับ
ผมเคยเตือนคุณแล้ว อย่าเข้าไป
ตอนนี้พอเข้าไป มันก็ออกได้ยาก

ถ้า MLM ดีจริง ปานนี้คงไปทำ MLM กันหมดแล้ว

พี่สาวผม เรียนจบมหิดล ตอนนี้มาขายแอมเวย์
ไม่รู้จะร่ำเรียนสูงๆไปทำไมกัน
จบมาก็แค่ขายแอมเวย์ วันๆแบกเครื่องกรองน้ำไปตามบ้านญาติ
ญาติทุกคน เห็นแล้วก็เตือน แต่เตื่อนไปเค้าก็ไม่เชื่อแล้ว
เพราะ แอมเวย์สอนดักคอคนเตือนมาหมดแล้ว หาว่าพวกที่เตือนน่ะ อคติ !


สหฟาร์มครับ ที่ลงมาทำตลาดแบบ MLM และมาทำสินค้าเกี่ยวกับ
เครื่องสำอางค์ด้วยในชื่อ ซีมูซี

ยูนิลิเวอร์ ที่พวกคุณใช้อยู่ ก็ลงมาทำ MLM เช่นกัน ในชื่อ อาวียองซ์
ซึ่งสินค้าที่ขายในตลาดทั่วไปคุณภาพจะต่ำกว่าสินค้าในตลาด MLM ครับ

ส่วน cp เค้าทำแฟรนไชน์ อยู่แล้ว คงไม่ลงมาทำ MLM ครับ
ถ้าคุณอยากเปิด 7-11 คุณก็ไปซื้อแบรนเค้า คุณเปิดร้านขายต้องบริหาร
เองนะครับ พนักงาน ลูกจ้าง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าตึก cpไม่เกี่ยวนะครับ แต่
ถ้าคุณขายสินค้าได้เท่าไรเปอร์เซ็นต์ต้องแบ่งเค้านะครับ ถ้าคุณโดนปล้น
สิ้นเดือนคุณก็ต้องจ่ายเค้าอยู่ดี....แบบนี้เค้าคงไม่ลงมาทำ MLM แล้วครับ
เพราะทุนเยอะอยู่แล้ว...ถ้าผมมีทุนเยอะเหมือน cp ผมก็จะทำแบบนี้

สาเหตุที่กระทิงแดง เบียร์สิงห์ ไม่ทำ MLM เพราะสินค้าของ
เค้าเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม คนไม่กินเหล้ากินเบียร์ เค้าคงไม่ซื้อหรอกครับ
เราจึงเห็นสินค้าในตลาด MLM ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภท อุปโภค ส่วนสินค้าบริโภคก็พอมีบ้างเช่น อาหารเสริม สำหรับผู้ที่ดูแลตัวเอง ซึ่งมีมากครับเพราะ
ทุกคนต้องรักตัวเองอยู่แล้ว...และที่สำคัญสินค้าพวกนี้ต้องใช้แล้วหมดไป ต้องเกิดการซื้อซ้ำ...ยิ่งหมดเร็วยิ่งดี แต่สินค้าประเภทเครื่องสำอางค์ ของเค้ามีคุณภาพแต่ว่าหมดช้าครับ...กว่าจะมาซื้อซ้ำนาน..ส่วนเรื่องราคาก็ว่ากันไป
จะถูกจะแพงก็ไปพิจารณากันเอาเอง

และส่วนตัวเคยเจอผู้ประสบความสำเร็จจาก MLM มากกว่า 1 คน ครับ ส่วนระยะเวลาก็มีไม่กี่ปีบ้าง หลายปีบ้าง อยู่ที่ว่าเค้าจะเจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ แล้วปั้นดินให้เป็นดาวครับ

CP รวยเพราะขายอาหารสัตว์ ขายผลิตผลทางการเกษตร ส่งออกนอก เป็นรายได้หลักๆ จิงอยู่ที่ 7-11 ก็มีส่วน แต่มันไม่ใช่รายได้หลักอันดับ 1 ของเค้า และผมเองก็คงไม่อยากไปเปิด 7-11 หรอก เพราะเคยค้าขายมากว่า 20 ปี ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เปิดร้านเองไปหาซื้อของมาขายเอง ควบคุมการเงินเองดีกว่าเปิดเซเว่นเยอะ  จนเรียนจบถึงได้เลิกค้าขายมาทำงานบริษัท สบายกว่าค้าขายเยอะ มีหยุด เสา อาทิต หยุดพักร้อน ลากิจ ลาป่วย มีประกันสุขภาพ ประกันสังคม ประกันชีวิต มีโบนัส มีงานเลี้ยงบริษัทบ่อยๆ ที่สำคัญ ทำแค่วันละ 8 ชม 

กระทิงแดง รวยเพราะคนนิยมดื่ม ชูกำลัง และสามารถขายได้ทั่วโลก

บริษัทเบียร์สิงห์ เบียร์ช้าง รวยเพราะคนไทยนิยมดื่มเบียร์กันเยอะ ส่งขายเมืองนอกด้วย

และผมต้องการจะบอกว่า ทำ MLM นั้นส่วนใหญ่ไม่รวย เพราะขายแต่สินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ใช่สินค้าจำเป็นเช่นข้าวปลาอาหาร หรือสินค้าที่คนเสพติดเช่นเหล้าเบียร์ กระทิงแดง ยาสูบ ล้อตเตอรี่   
    ถ้าเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้นมา ไอ้ที่จะเจ๊งก่อนเพื่อนก็คือ MLM นี่แหละ เพราะขายไม่ออก

คนส่วนใหญ่เค้าเก็บเงินไว้ซื้อข้าวกินมากกว่า  ถ้าจะทำ MLM ไปหาทำเลดีๆเล้กๆแคบๆก็ได้แล้วซื้อตู้เย็นสักตู้มาแช่เบียร์ขาย แล้วนั่งอ่านการ์ตูน หรือดูทีวีเฝ้าตู้เย็นดีกว่า เชื่อเถอะว่าตู้เย็นเครื่องเดียวสร้างรายได้ต่อเดือนได้ดีกว่า MLM

แต่ผมก็ไม่ได้แอนตี้ MLM มากนักหรอก เห็นว่า ใครจะทำก็ลองทำดู ให้ลองทำเป็นอาชีพเสริมทดลองดูก่อน  ผมเองก็เป็นสมาชิกอยู่แทบจะไม่เคยได้ซื้อสินค้าเค้ามาใช้หรอก  แต่ที่เป็นสมาชิกเพราะมีเพื่อนตำแหน่งระดับสูงเสียดฟ้าทำสมาชิกให้ฟรี ขนาดเพื่อนผมเองมันยังไม่กล้าลาออกจากบริษัทมาทำ MLM เต็มตัวเลย เพราะมองว่าธุรกิจนี้มันโตและอิ่มตัวแค่ระดับนึงเท่านั้น รายได้ก็พอเป็นค่าขนม เทียบไม่ได้กับรายได้หลักของงานประจำที่มันทำอยู่  ยกเว้นไอ้คนที่มันได้รับตำแหน่งเป็นมรดกจากญาติที่ทำมานาน เป็นตำแหน่งดาวพลูโต ดาวเนปจูนมั้ง (อยู่สูงกว่าเพื่อนผมอีกคนที่ได้ตำแหน่งสูงเสียดฟ้า) แบบนั้นมันได้ค่าคอมจากสมาชิกเยอะ เลยต้องทำเป็นอาชีพหลัก


และ MLM ที่น่าเชื่อถือ จะเสียเงินอย่างมากก็แค่ค่าซื้อแคตตาล็อคสินค้า และสินค้าขนาดชุดทดลองใช้ไปสาธิตในราคาไม่แพง ถ้าไม่ซื้อสินค้าชุดทดลองสาธิตก็เสียแค่ค่าสมัครสมาชิก 200-300 บาท เสียครั้งเดียวจบ ไม่ใช่มาเสียเป็นบ้าเป็นหลังค่ารักษาสภาพสมาชิกติงต๊องทุกเดือน ค่าซื้อสินค้ามาตุน แล้วหลอกขายต่อให้คนอื่น

ส่วนพวกที่ทำแบบผิดๆเพราะคิดว่า MLM เป็นการตลาด
แบบรวยทางลัด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ MLM เป็น
กลยุทธทางการตลาดที่ย่นระยะเวลาครับ

เคยมีคนให้ผมดูลองไปหาเรื่อง PAY IT FORWARD มาดู
ผมว่ามันหลักการเดียวกันเลยครับ การส่งต่อความสำเร็จ
และเพราะหนังเรื่องนี้จริงทำให้ผมเปิดใจกับ MLM

สินค้าที่ทำธุรกิจขายตรงไม่ได้

          สินค้าที่ทำธุรกิจขายตรงไม่ได้  ได้แก่สินค้าประเภท สุรา  ยา และปุ๋ยเคมีเนื่องจากสินค้าดังกล่าวมีกฎหมายเฉพาะกำหนด  เช่น พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. ๒๔๙๓กำหนดกรณีการขายสุราหรือการนำสุราออกแสดงเพื่อขายจะต้องได้รับใบอนุญาต จากเจ้าพนักงานสรรพสามิต ซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวจะสามารถใช้ได้เฉพาะสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเท่า นั้น

          ส่วนยานั้น  พระราชบัญญัติยา  พ.ศ. ๒๕๑๐  กำหนดให้การขายยาทุกประเภทต้องได้รับใบอนุญาตและขายได้เฉพาะสถานที่ที่ได้ รับอนุญาตเท่านั้น ยกเว้นยาสามัญประจำบ้านซึ่งสามารถขายได้ทั่วไปโดยไม่ต้องขออนุญาต

          ข้อสังเกต การประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคหรือจำหน่ายเครื่องมือแพทย์โดย ผ่านตัวแทนขายของผู้ประกอบธุรกิจ นั้นคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรงได้มีคำวินิจฉัยว่าไม่ถือเป็นการประกอบ ธุรกิจขายตรง  เนื่องจากการขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวปกติจะกระทำโดยผ่านผู้แทนขายซึ่งเป็น พนักงานมีเงินเดือนประจำ และผู้แทนขายมิได้ชักชวนบุคคลใดเข้าร่วมทำธุรกิจและมิได้นำเสนอขายผลิตภัณฑ์ ตามที่อยู่อาศัยหรือสถานที่ของผู้บริโภคโดยตรงหากแต่เสนอขายต่อผู้มีใบ อนุญาตจำหน่ายยาเท่านั้น

    สำหรับปุ๋ยเคมี พระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. ๒๕๑๘ ที่ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตหรือขายปุ๋ยเคมีนอกจากสถานที่ที่กำหนดไว้ ในใบอนุญาต เว้นแต่เป็นการขายตรงต่อผู้รับใบอนุญาตมาขายหรือมีไว้เพื่อขายปุ๋ยเคมี

แล้วใครจะเอา เหล้าเบียร์ มาทำ MLM ละครับ

แค่นี้ก็เห็นแล้วครับว่า ผู้แสดง คห รู้จักหรือรู้จริง 

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

ผมไม่ได้หมายถึงจะให้เอาสินค้าเหล้าเบียร์ มาทำ MLM ผมหมายถึงตัวเจ้าของบริษัท ทำไมเค้าไม่คิดทำ MLM ตั้งแต่ทีแรก ทำไมเค้าถึงเริ่มไปขาย เหล้า เริ่มไปขายปุ๋ยเคมี  หรือเพราะตอนที่เค้าเริ่มทำธุรกิจ เค้ายังไม่รู้จัก MLM รึป่าว
   
  แล้วที่ เจ้าของกระทู้ถามมาแต่ละข้อ ผมมองเห็นแต่ข้อเสียมากกว่าข้อดี
- จะจ่ายเงินให้กับพนักงาน ก็ต่อเมื่อพนักงานขายสินค้าได้
  ถาม  ทำงานบริษัทดีกว่ามั้ย ได้เงินเดือนชัวร์ๆ แต่ถ้าชอบการค้าขายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็คิดว่าคงจะประสบผลสำเร็จนะ

- พนักงานขายทำงานอาทิตย์ละ ๗ วัน วันละ ๑๒ ชม. อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
  ถาม ทำงานบริษัท ดีกว่ามั้ย ทำแค่วันละ 8 ชม อาทิตละ 5 วัน ขาด ลา มาสาย หยุดพักร้อน ลากิจ ก้ได้ ยังไงก็ได้เงินเดือนชัวร์ๆ (ถึงแม้จะทำตำแหน่ง Sales แต่ขายไม่ได้ก็ตาม ก็ยังได้เงินเดือน)

- ค่าเดินทาง ค่าอาหาร พนักงานออกเอง
ถาม ทำงานบริษัทดีกว่ามั้ย เบิกได้หมด (ถึงแม้จะออกไปขาย แล้วขายไม่ได้ก็ตาม)

- เครือข่ายนักขายเติบโตกันเอง ไม่ต้องจ้าง HR
ถาม ทำงานบริษัทดีกว่ามั้ย มี HR ที่เชี่ยวชาญเสาะหาคนเก่งๆมาร่วมทีม  ผมมองว่ามีคนน้อยและแต่ละคนมีคุณภาพ จะประสบความสำเร็จมากกว่า มีคนเยอะแต่คนเก่งจริงๆมีน้อย เพราะคนที่ไม่เก่งจะพาลสร้างปัญหาด้วยซ้ำ

- ไม่ได้ Sales แต่ก็ได้ Marketing Free ทุกวันนี้ น้อยคนที่ไม่รู้จัก แอ่มแอ๊ม
  อันนี้ไม่เข้าใจว่า Marketing Free หมายถึงอะไร (เรื่องที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจผมก็ยอมรับครับว่าไม่รู้)


สรุปละกันว่า  MLM ที่ดีๆยังมีอยู่ก็จริง แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นมีแต่หลอกโฆษณาว่าเป็น MLM แต่ความจริงเป็นมันนี่เกมส์หรือแชร์ลูกโซ่
และคนทำ MLM ก็ควรดูด้วยว่าตัวเองเหมาะกับงานลักษณะนั้นรึเปล่า ส่วนใหญ่ที่เห็นผมเห็นแต่คนหวังรวยไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าไม่เหมาะกับตัวเอง


อ่อ ผมเข้าไปอ่านลิงค์เว็บที่คุณแนะนำแล้ว ทีแรกๆดูก็น่าเชื่อถือดี แต่มาหมดความน่าเชื่อถือตรงลิงค์ที่สองที่บอกว่า "หมอ 95% นั้นไม่รู้เรื่องอาหารเสริม"    โดยส่วนตัวผมจบสายวิทย์มา มีเพื่อนเป็นหมอ เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายแพทย์ในโรงบาลดังและเป็นวิศวะสาขาต่างๆก็หลายคน ดังนั้นผมจึงเชื่อถือเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีการวิจัย ทดลอง ทดสอบ และติดตามผล เป็นที่ยอมรับขององค์กรณ์ที่น่าเชื่อถือ และยิ่งมีสถิติผลการใช้ทำสำเร็จมายาวนานยิ่งน่าเชื่อถือ

สินค้าอาหารเสริมมันดีก็จริง เหมาะกับผู้ป่วย แต่ถ้าสุขภาพดีอยู่แล้วจะไปเสียเงินซื้อทำไมละ ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า ออกกำลังอาทิตละ 3-4 วัน วันละ 1-2 ชมและกินอาหารครบ 5 หมู่หมุนเวียนกันไป ทำให้สุขภาพดีต้านทานโรคต่างๆได้ผลกว่าดีกว่ากินอาหารเสริม 100 เท่า

ถ้าไม่เจ็บไข้ได้ป่วย คนเราไม่มีความจำเป็นต้องกินอาหารเสริมเลยครับ แค่กินครบ 5 หมู่ และออกกำลังกาย แค่นั้นก็มีชีวิตอยู่ได้เป็นร้อยปีแล้ว พวกที่แก่ตายช่วงอายุ 74 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของคนไทย ส่วนใหญ่ก็ใช้ชีวิตตามปกติ ดูแลตัวเองมั่ง ไม่ดูมั่ง กินอาหารไปตามมีตามเกิดมั่ง สังเกตดูสิ คนที่อายุยืนๆเป็นร้อยปีส่วนใหญ่ กินแต่อาหารพวก ผัก ปลา แค่นั้นก็พอแล้ว  (ญี่ปุ่นมีค่าอายุขัยเฉลี่ยสูงที่สุดในโลกเพราะกินปลาและผัก ทั้งๆที่คนญี่ปุ่นสมัยก่อนยากจนมาก อดอยากเพราะสงคราม)

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

Q:ผมไม่ได้หมายถึงจะให้เอาสินค้าเหล้าเบียร์ มาทำ MLM ผมหมายถึงตัวเจ้าของบริษัท ทำไมเค้าไม่คิดทำ MLM ตั้งแต่ทีแรก ทำไมเค้าถึงเริ่มไปขาย เหล้า เริ่มไปขายปุ๋ยเคมี  หรือเพราะตอนที่เค้าเริ่มทำธุรกิจ เค้ายังไม่รู้จัก MLM รึป่าว

A: MLM หรือธุรกิจเครือข่าย  พูดง่ายๆมันคือรูปแบบการตลาดรูปแบบนึงครับ Direct Sale ก็คือรูปแบบทางการตลาดรูปแบบนึง( ต่างจาก MLM นะครับ) แล้วในการทำธุรกิจมันต้องมีค่าการตลาด

ธุรกิจทัวไปจ่ายค่าการตลาดให้กับการทำโฆษณา และกระจายสินค้า ด้วยระบบ ของเค้า ไม่ว่าจะเป็น Supplier หรือร้านค้าปลีก ส่วนธุรกิจ MLM ใช้คนหรือ นักธุรกิจ ในการทำโฆษณาและกระจายสินค้า โดยจ่ายค่าการตลาดให้แก่นักธุรกิจ โดยตั้งอยู่บน Concept ใช้ดีแล้วบอกต่อ โดยการขยายเครือข่ายผู้บริโภค

อะไรคือเครือข่ายผู้บริโภคครับ ยกตัวอย่างเช่น ผมเป็นนักธุรกิจ ผมนำ
สินค้า A เสนอต่อคุณ  คุณทดลองใช้แล้วสินค้าAมันดีจริง เห็นผลประทับใจ แล้วคุณก็ยังสั่งซื้ออีกเกิดการซื้อซ้ำ ผมจึงบอกคุณว่า เอางี้สิ แนะนำคนที่คุณรู้จักมา สิ ให้เค้ารู้จักสินค้าด้วย

พอยอดรวมกัน บริษัทจะมีค่าการตลาดให้  ใช้แล้วได้เงิน คนที่สอง ก็บอกต่อ เป็นสี่เป็นแปด จนถึงเป็นพันคน ในองค์กร ก็จะมีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยทุกคนได้ส่วนแบ่งจากค่าการตลาด  เหมือนคุณมีสหกรณ์เป็นของตัวเอง ที่มีคนใช้สินค้าเป็นพันคน ไงครับ แต่ตัวสินค้าต้องขายตัวมันเองได้

เพราะฉะนั้นมันแล้วแต่ครับ ว่า บริษัทไหน กระจายสินค้าของเค้าโดยการตลาดแบบไหน แล้ว MLM ก็เพิ่งเกิดมาไม่นานครับ แต่คำว่าเครือข่าย มีมานานแล้ว คนที่มั่งคั่ง ส่วนใหญ่จะครองเครือข่ายไว้ในมือครับ เช่น ถ้าคุณจะทานอาหารร้านนึง คุณภาพพอกัน ร้านแรกเป็นร้านของญาติคุณ ร้านที่สองเป็นร้านใครก็ไม่รู้ คุณจะเลือกทานร้านไหน และแนะนำเพื่อนให้ไปทานร้านไหนครับ ถามว่าคุณเลือกร้านอาหารของคนในเครือข่ายมั้ย

Lotus BigC 7eleven ก็ล้วนแต่เป็นเครือข่ายครับ แม้แต่โรงเรียนกวดวิชา ก็เป็นรูปแบบเครือข่าย คุณอาจบอกว่า ไม่ใช่ นี่มันแฟรนไชน์ ผมถามว่า ในระบบของเค้าทำกันเป็นเครือข่ายมั้ยครับ แล้ว MLM  จะบอกว่า เป็นแฟรนไชน์ก็ได้ครับ คุณเป็นเจ้าของกิจการ โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องการเงิน คน สินค้า การขนส่ง ฯลฯ ลงทุนน้อย  หน้าที่คุณมีอย่างเดียวคือทำการตลาด

Concept  ของ MLM คือใช้ดีแล้วบอกต่อ คุณอยากแนะนำให้คนที่คุณรัก กินเหล้ากินเบียร์ หรือว่าเห็นมันเป็นสิ่งที่ดีที่ควรแนะนำให้คนอื่นใช้มั้ยครับ แล้วเรื่องปุ๋ย นี่ ถ้าจะเอ่ยถึงปูแดง ผมเคยได้ยินมาว่า  เจ้าของบริษัทเค้าไปเห็น Product มา เห็นว่าดี เลยนำมาทำธุรกิจ โดยใช้การตลาดแบบ MLM แล้วก็อยู่ในขั้นตอนพิสูจน์ว่าเป็นปุ๋ยเคมีหรือเปล่า แต่รายละเอียกปลีกย่อย ขอไม่กล่าว เดี๋ยวจะนอกเรื่องและยาวเกินไป

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

Q:แล้วที่ เจ้าของกระทู้ถามมาแต่ละข้อ ผมมองเห็นแต่ข้อเสียมากกว่าข้อดี
- จะจ่ายเงินให้กับพนักงาน ก็ต่อเมื่อพนักงานขายสินค้าได้
ถาม  ทำงานบริษัทดีกว่ามั้ย ได้เงินเดือนชัวร์ๆ แต่ถ้าชอบการค้าขายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็คิดว่าคงจะประสบผลสำเร็จนะ

A: เหรียญมีสองด้านครับ ถ้าคุณมองแต่ด้านเสีย ก็จะเห็นแต่ข้อเสีย
ธุรกิจ MLM ไม่ใช่ Direct Sale ครับ นักธุรกิจไม่ใช่พนักงาน คุณคือเจ้าของธุรกิจครับ งานนี้ไม่มีเจ้านายไม่มีลูกน้อง คุณคือหุ้นส่วนของบริษัทครับ เหมือนกับคุณคือบริษัทที่ทำโฆษณา และเป็นทั้ง Supplier+ร้านค้าปลีก ส่วนพนักงาน คือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้าน การเงิน การขนส่ง ยาม แม่บ้าน นั่นหละครับพนักงาน

ทำงานบริษัทดีกว่ามั้ย ได้ชัวร์ๆ ผมถามคุณกลับว่าที่ว่าชัวร์หรือมั่นคงคือตัวคุณ หรือตัวบริษัทครับ คุณมั่นคงเพราะบริษัท มั่นคงยังจ่ายเงินเดือนให้คุณได้  แต่ถ้าวันนึง บริษัทล้ม หรือถ้าตัวคุณล้ม บริษัทจะยังจ้างคุณมั้ย

สวัสดิการ จะพอใช้จ่ายไปตลอดชีวิตมั้ยถ้าคุณทำงานไม่ได้ หรือถ้าไม่มีคุณ พ่อแม่ลูกเมียจะอยู่อย่างไร ธุรกิจ MLM เมื่อเครือข่ายคุณมั่นคง

คุณสามารถเกษียณได้ครับ
โดยที่งานหยุด แต่รายได้ไม่หยุด เป็นรายได้  passive income ไม่ทำงานก็ได้เงิน เพราะคนในองค์กรคุณยังซื้อกินซื้อใช้ครับ และเป็นมรดกได้

งานนี้งานหลักไม่ใช่การขายครับ จะพูดว่าไม่ขายก็ต้องขาย ต้องขายก็ไม่ต้องขาย งงมั้ยครับ ถ้าคุณจะเข้ามาเพื่อรับรายได้ส่วนกำไรจากการขายปลีก แนะนำให้เลิกครับ งานหลักคือขายไอเดีย ขายธุรกิจ หรือการขยายเครือข่าย พูดง่ายๆถ้าเป็นแฟรนไชน์ก็เหมือนคุณขายธุรกิจแฟรนไชน์ให้คนอื่นครับ เพื่อรับรายได้ แบบ passive

แต่การที่คุณจะรับรายได้แบบนี้ได้ คุณ ต้องเทรนนิ่ง
และดูแล คนที่คุณชวนเข้ามาทำธุรกิจ ให้เค้าทำงานเป็นครับ สอนให้เค้าตกปลาแล้วมีกินไปตลอด ไม่ใช่ เอาปลาไปให้เค้ากิน แล้วได้ช่วยประทังแค่มื้อเดียว ถ้าคุณอยากมีรายได้ 30000 คุณต้องทำให้คนที่คุณแนะนำ มีรายได้ 30000  ก่อนครับ

ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ยิ่งให้ยิ่งได้รับครับ อยู่ที่ทัศนคติ ถ้าคุณคิดแบบผู้ให้ คุณก็จะประสบความสำเร็จ  แต่ถ้าคิดแบบนักฉกฉวยหวังชวนคนเข้ามา เพื่อให้เค้าทำงานทำเงิน แล้วคุณรอแบ่งกำไร ให้เค้าต่อยอดธุรกิจให้ ก็ไม่ต่างจากโจรครับ คุณอยู่ในธุรกิจนี้ได้ไม่นานหรอกครับ หรือไม่ก็ไม่เจริญ จะดีจะร้ายอยู่ที่ความคิดครับ

ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ คุณลงทุนก่อนครับ ถึงได้กำไร ในธุรกิจนี้ต้นทุนคือคนครับ  แต่การเป็นลูกจ้าง คุณต้องใช้เวลาแลกเงิน เวลาวันละหลาย ๆ ชม กว่าค่อนชีวิตครับ ถึงจะเกษียณได้


แนะนำให้หาความรู้ เรื่อง เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท

สรุปว่างานนี้ต้องขายครับ ในการเริ่ม แนะนำ คุณต้องให้ เค้าใช้สินค้าก่อนครับ ของไม่ดีจะเอามาทำเป็นธุรกิจทำไม ใครจะโง่ขนาดนั้น แต่ไม่ทั้งหมด เพราะไม่ใช่งานหลักไม่จำเป็นต้องชอบค้าขายครับ ไม่ว่าจะเป็นใครขอแค่มีความฝัน ครับ ทุกอย่างฝึกกันได้


Q:- พนักงานขายทำงานอาทิตย์ละ ๗ วัน วันละ ๑๒ ชม. อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ถาม ทำงานบริษัท ดีกว่ามั้ย ทำแค่วันละ 8 ชม อาทิตละ 5 วัน ขาด ลา มาสาย หยุดพักร้อน ลากิจ ก้ได้ ยังไงก็ได้เงินเดือนชัวร์ๆ (ถึงแม้จะทำตำแหน่ง Sales แต่ขายไม่ได้ก็ตาม ก็ยังได้เงินเดือน)

A:  ถ้าลา สาย บ่อยๆเค้าจะจ้างคุณต่อมั้ยครับ หยุดไปสักเดือน เค้าจะจ้างต่อมั้ยครับ รายได้จะมีมั้ย เกษียณแล้ว รายได้เท่าเดิมมั้ย ต้องทำงานอีกกี่ปี
ถ้าพรุ่งนี้ตายไป พ่อ แม่ ลูก เมีย จะอยู่ได้มั้ย ถ้าพิการ จะมีเงินพอใช้ตลอดชีวิตรึป่าว แล้วความมั่นคงได้เงินชัวร์ๆนะ ชัวร์จริงรึป่าว ที่ชัวร์นะผมถามแล้ว คุณ หรือบริษัท

แล้วเป็นเซลล์ ขายไม่ได้ เงินเดือนเท่าไหร่ครับ เซลล์นี่ส่วนใหญ่อยู่ได้กะคอมมิชชั่น แล้วถ้าขายไม่ได้นานๆ เค้าจะไม่เปลี่ยนเซลล์หรือครับ  แล้วมองไปครับ ว่างานที่คุณทำอยู่นะ คนที่เค้าทำมาก่อน ห้าปี สิบปี ที่เกษียณไปแล้วมีชีวิตเป็นยังไงในตอนนี้ แล้วจินตนาการไปครับว่า อนาคตของคุณ ห้าปีสิบปี หรือตอนเกษียณก็อาจจะเป็นแบบนั้น คุณพอใจมั้ย ถ้าพอใจก็โอเค ครับ

แต่ธุรกิจนี้ ถ้าคุณทำงานอาทิตย์ละ ๗ วัน วันละ ๑๒ ชม. อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย แน่นอนครับ คุณสามารถมีทุกอย่างที่ฝัน และสามารถเกษียณได้ โดยใช้เวลาไม่เกินห้าปี

ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจของคุณครับ คุณเป็นลูกน้องของความฝัน
ฝันแต่ไม่ลงมือทำ = เพ้อเจ้อ แต่  ฝัน แล้วเปลี่ยนเป็นเป้าหมายบวกลงมือทำ นั่นหละครับ ถึงสำเร็จ  ฝันอยากมีบ้าน รถ เงิน รายได้เท่าไหร่ต่อเดือน ซฮยมาครับเป็นเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าเมื่อไหร่ ยังไง อีกกี่ปีจะเกษียณ  แล้วลงมือทำครับ ธุรกิจนี้ ไม่ต้องมีการศึกษาดี ไม่ต้องขายเก่ง ไม่ต้องพูดเก่ง ไม่จำกัด วัย เพศ

ขอแค่มีฝันครับ

และมุ่งมั่นลงมือทำซ้ำๆ จนเกิดเป็น Skill ครับ แล้วส่งต่อ Skill ให้คนอื่น  ไม่มีวันที่คุณจะล้มเหลวครับ ถ้าไม่ล้มเลิกซะก่อน

คนที่เค้าทำ MLM เพราะอยากให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงครับ ถ้าคุณพอใจกับวิถีชีวิตเดิมๆ หรือชีวิตคุณพร้อมทุกอย่างแล้ว เงินเยอะ เวลาแยะไม่ต้องทำงานหรือทำงานนิดหน่อยก็ได้เงิน สุขภาพดีก็ไม่เป็นไรครับ

เป็นไปไม่ได้ครับ ที่จะให้คนทั้งโลกมีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน ไม่งั้นโลกมันคงไม่สมดุล แต่คนที่อยากเปลี่ยนแปลงชีวิตก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติครับ

Q:- ค่าเดินทาง ค่าอาหาร พนักงานออกเอง
ถาม ทำงานบริษัทดีกว่ามั้ย เบิกได้หมด (ถึงแม้จะออกไปขาย แล้วขายไม่ได้ก็ตาม)

A: ธุรกิจของคุณจะให้ใครลงทุนให้ครับ บริษัทเบิกได้หมดจริงครับ แต่ถ้าขายไม่ได้นานๆ แต่เบิกทุกวันเค้ายังจ้างมั้ยครับ  รักจะทำธุรกิจต้องเปลี่ยนทัศนคติให้เป็นเจ้าของธุรกิจก่อนครับ

เพิ่มเติมครับ ในการทำงาน ไม่บังคับอะไรคุณว่าต้องทำงานกี่ ชม.

คุณจะทำเป็นพาร์ทไทม์ ฟููลไทม์ ก็แล้วแต่เป้าหมายและรายได้ที่คุณตั้งไว้ครับ

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

Q:- เครือข่ายนักขายเติบโตกันเอง ไม่ต้องจ้าง HR
ถาม ทำงานบริษัทดีกว่ามั้ย มี HR ที่เชี่ยวชาญเสาะหาคนเก่งๆมาร่วมทีม  ผมมองว่ามีคนน้อยและแต่ละคนมีคุณภาพ จะประสบความสำเร็จมากกว่า มีคนเยอะแต่คนเก่งจริงๆมีน้อย เพราะคนที่ไม่เก่งจะพาลสร้างปัญหาด้วยซ้ำ

A: นี่คือธุรกิจของคุณครับ เรื่อง HR ถ้าเป็น HRM บริษัททำให้ครับ เรื่องเดียวที่คุณต้องทำเอง คือ การหาคนมาร่วมทีม ถ้าคุณมีความรู้สึกเป็นผู้ให้แล้ว คุณจะให้โอกาสกับทุกคนครับ ถ้าเค้าไม่รับ ก็ไม่เปนไรครับ  ถ้าคุณ อยากได้คนแบบไหนในองค์กร ก็รีครูทมาครับ อยากได้ นักโฆษณา นักการตลาด แพทย์ เพื่อพัฒนาองค์กรก็รีครูทมาครับ

แต่ในการทำงาน เรามีสิ่งที่เรียกว่าระบบ ที่ให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันครับ มีจรรยาบรรณ และวัฒนธรรมองค์กรให้ถือปฎิบัติร่วมกัน ซึ่งระบบนี่เปรียบได้กับงาน HRD ครับ

ในธุรกิจนี้ แบคกราวน์ไม่สำคัญครับ คุณต้องมาเรียนรู้ร่วมกัน มีระบบ ที่สอนงานให้ครับ ทุกทีมต้องเข้าระบบ เพราะฉะนั้น ในระบบก็จะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายๆด้าน ตั้งแต่ แพทย์ วิศวกร ถึงแม่ค้าขายส้มตำ ซึ่ง ประสบการณ์ย่อมต่างกันครับ

คุณไม่จำเป็นต้องมีคนที่เก่งในทีมครับ ขอแค่เข้าระบบ เพื่อ เรียนรู้และลงมือทำ เมื่อเกิด Skill ก็ส่งต่อ ครับ Copy กันไปเรื่อย พูดง่าย ๆ เลียนแบบจากคนที่สำเร็จแล้วครับ ว่าเค้าทำอย่างไร ไม่ต้องเก่งมาจากไหน ขอแค่ Copy และลงมือทำ แค่นั้นครับ

Q:- ไม่ได้ Sales แต่ก็ได้ Marketing Free ทุกวันนี้ น้อยคนที่ไม่รู้จัก แอ่มแอ๊ม
อันนี้ไม่เข้าใจว่า Marketing Free หมายถึงอะไร (เรื่องที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจผมก็ยอมรับครับว่าไม่รู้)

A: ในความคิดผมนะ ค่าการตลาดไงครับ บริษัท เปลี่ยนค่าการตลาดมาจ่ายให้คุณ คุณเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่เริ่มจากการทำตลาดเองโดยการบอกต่อไม่กี่คน หลังจากนั้น ก็มีคนมาทำการตลาดให้คุณโดยการบอกต่อครับ คุณทำธุรกิจ โดยไม่เสียค่าการตลาด มีคนทำให้โดยสมัครใจ โดยไม่ต้องขายเองด้วย ข้อดีอีกอย่างการทำตลาดแบบ MLM จะสร้าง loyalty ใน brand ได้มากกว่าครับ


Q:สรุปละกันว่า  MLM ที่ดีๆยังมีอยู่ก็จริง แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นมีแต่หลอกโฆษณาว่าเป็น MLM แต่ความจริงเป็นมันนี่เกมส์หรือแชร์ลูกโซ่
และ คนทำ MLM ก็ควรดูด้วยว่าตัวเองเหมาะกับงานลักษณะนั้นรึเปล่า ส่วนใหญ่ที่เห็นผมเห็นแต่คนหวังรวยไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าไม่เหมาะกับตัวเอง

A: ขอย้ำครับว่า แยกให้ออกระหว่าง MLM กับมันนี่เกม สังเกตง่ายๆ ถ้าสินค้าราคา 100 ต้นทุน 40 แต่เวลาจ่ายค่าการตลาดกลับจ่าย 70 อย่างนี้มัน over pay ครับ มันนี่เกมชัด แต่ต้องคิดให้ดีนะครับ ถ้าเอาเปอร์เซนต์ที่เค้าบอกกัน ก็เกินทุกบริษัท ต้องผ่าแผนเชิงลึก

อีกอย่างถ้า รายได้ยังเกิดจากการกระจายสินค้า
และสินค้าดีมีคุณภาพ เป็น MLM ครับ แต่ถ้า สินค้ามันเป็นลม หรือด้อยคุณภาพรายได้เกิดจากการชวนคน มันมันนี่เกมครับ มันอยู่ไม่ได้เพราะไม่เกิดการซื้อซ้ำ
เพราะสินค้ามันไม่ดี หรือไม่มีสินค้า ส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้อยู่ได้ไม่เกินสองปีครับ ก็พัง แต่บริษัทที่อยู่มา สามถึงห้าปีได้นี่หายห่วงไปเปลาะนึงครับ

ธุรกิจนี้เหมาะกับทุกคนที่มีฝันและลงมือทำครับ คนที่ต้องการเปลี่ยนคุณภาพชีวิต คนที่ไม่ลงมือทำ ก็ล้มเลิกไปซะก่อนครับ อยากรวยแต่งอมืองอเท้าจะรวยได้ไงครับ

คนที่ไม่ลงมือทำแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ จึงล้มเลิก แล้วพาลพาโลว่าธุรกิจนี้ ไม่ดี คือพวกองุ่นเปรี้ยวครับ ของอย่างงี้ต้องทำแล้วจะรู้ ครับ บางคนรู้แต่ไม่เคยทำซะงั้น ธุรกิจนี้

อย่างน้อยคุณต้องลงมือทำแบบถูกต้องซักหกเดือนครับ ไม่ใช่แหย่เท้ามาเดือนเดียวไม่ทำอะไรเลย แล้วบอกไม่ดี งานทั่วไปเหนื่อยเกือบค่อนชีวิตครับ
แต่งานนี้เหนื่อยเท่ากัน

แต่จบภายใน สามถึงห้าปี รับรายได้เท่าเดิม  แต่งานหยุด ถ้าทนได้ ไม่ต่ำกว่าหกหลักครับ อาจจะเจ็ดด้วยซ้ำ อยู่ที่ว่าคุณอดทนพอหรือเปล่า

ธุรกิจอื่นถ้าพลาดขาดทุนเป็นล้าน แต่ MLM ถึงคุณก้าวพลาด(ยาก) ก็ไม่กี่ตังค์หรือเสมอตัว (กรณีคุณทำงานแบบถูกต้อง)

เรื่องอาหารเสริมเดี๋ยวผมมาต่อครับ

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

ฝากไปถึงทุกคน ถ้าจะลงทุนลงแรงอะไร ก็คิดดีๆนะครับว่า มันคุ้มหรือไม่ มีความเสี่ยงขนาดไหน คิดให้ดีๆก่อนลงทุน ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง โดยส่วนตัวผมมองว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูง

ส่วนเรื่องงานบริษัทที่ผมทำอยู่ก็ไม่ต้องห่วงหรอกว่าบริษัทปิดแล้วลูกเมียจะลำบาก เพราะคนเก่งอยู่ที่ไหนก็ไม่ตายครับ หางานได้ไม่ยาก เรื่องบริษัทปิดตัวหรือเจ๊งเป็นเรื่องปกติ แต่เพื่อนผมทุกคนที่เจอสถานการณ์ดังกล่าวก้ได้เงินชดเชยมาเป็นแสนกันทุกคนและหางานได้ใหม่ไม่ยาก (ขึ้นกับฝีมือและความเก๋าของแต่ละคน)

ผมจะบอกข้อดีของการทำงานบริษัท (คุณก็มาบอกข้อดีของ MLM เปรียบเทียบดูนะ)

- โบนัสประจำปี และอาจจะมีโบนัสเสริมอื่นๆอีกเช่นเมื่อสามารถปิดโปรเจคได้เร็ว หลายที่มีรับประกันโบนัสขั้นต่ำ 2 เดือน

- ประกันสุขภาพ(รักษาโรงบาลเอกชนแพงๆหรือเข้า ICU ได้ทั่วประเทศโดยไม่เสียตังสักบาท)

- ประกันชีวิตทั้งของบริษัททำให้ + ของผมทำเองไว้ลดหย่อนภาษีและออมเงินเพื่อเกษียณ (ไม่ต้องห่วงว่าคนข้างหลังจะลำบาก)

- ประกันสังคม (เปรียบเหมือนประกันสุขภาพและประกันชีวิต มีบำเหน็ด บำนาญเมื่อเกษียณ และเงินช่วยเหลือจากประกันสังคมอีก 6 เดือน เดือนละประมาณ 4-7 พัน ได้จริงๆ ไม่มีโม้ โอนเข้าธนาคารทันทีทุกเดือน)

- และถ้าบริษัทปิดตัวจะได้เงินชดเชยจากบริษัทอีก 3 เดือนไปตั้งตัวได้สบายๆ (ถ้าบริษัทไม่จ่ายเราแจ้งกรมแรงงานได้ครับเพื่อนผมหลายคนที่เคยตกงานก็ได้กันทุกคนและหางานใหม่ได้ในเวลาไม่ถึงเดือน เพราะมีประสบการณ์การทำงานอยู่แล้ว ถ้าเจ้าของบริษัทเค้าไม่จ่ายเผลอๆติดคุกแน่)

- บางบริษัทมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฝากตังไว้ 3-5 ปี ก็ได้ดอกเบี้ย 100%

- ลาพักร้อน ลากิจ ลาป่วย ถ้าทำตามกฏระเบียบบริษัทเค้า ไม่มีใครเค้าไล่ออกหรอกครับ  1 เดือนเฉลี่ยแล้วทำงานไม่ถึง 20 วันด้วยซ้ำ

- กู้ซื้อบ้านได้ง่าย เพราะมีหนังสือรับรองเงินเดือนบริษัทออกให้ บางบริษัทมีสวัสดิการร่วมกับธนาคาร สามารถกู้ได้โดยอัตราดอกเบี้ยต่ำ อันนี้ผมเคยถามคนทำ MLM มาทุกคนว่า "ทำ MLM จะสามารถไปขอธนาคารกู้ซื้อบ้านได้ไหม" ล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า จะไปกู้ทำไม ทำ MLM แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็ซื้อบาทโดยจ่ายเงินสดได้ สรุปว่า คนทำ MLM เค้ารวยๆกันทั้งนั้นซื้อบ้านเงินสดกันทุกคน

- ถ้าเป็นเซลล์บางบริษัทมีรถให้ยืมไปใช้ส่วนตัว หรือออกเงินช่วยถ้าซื้อรถเอง ส่วนใหญ่ถ้าขายของไม่ได้เค้าก็ไม่ไล่ออกหรอกครับ เท่าที่เห็นก็จะให้พิจรณาตัวเอง อาจจะพูดกดดันให้เราลองหางานใหม่ดูบ้าง และเลี้ยงๆไว้จนกว่าพนักงานจะหางานใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นเซลล์ประจำห้างอันนี้ก็ไม่เห็นใครเคยโดนไล่ออกเลยถ้าไม่ก้าวร้าวจริงๆ

- ถ้ารายได้ของคนทำ MLM เยอะก็อย่าลืมคำนวณภาษีให้ดีด้วยนะครับ ผมพึ่งยื่น ภงด ไปเมื่อกี้ คุณยื่นแล้วรึยังครับ รายได้เยอะภาษีก็เยอะนะ ช่วยๆชาติไป อย่าเลี่ยงภาษีละ รับรองว่าได้ไม่คุ้มเสียแน่ๆ

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

เป็นความจริงที่หมอ เกิอบ 95% ไม่รูเรื่องอาหารเสริมครับ ทำไมหรือ เพราะ

แพทย์คือผู้กำกับยาและจัดการกับโรค จึงต้องใช้เวลาและความพยายามส่วนใหญ่

ในการเรียนรู้กระบวนการของโรค เพื่อสั่งยา วางแผนการรักษา สำหรับผู้ป่วย

และทรายมั้ยครับว่า  มีแพทย์ ไม่ถึง 6% ที่ได้รับการฝึกหัดและอบรม และอบรม

เรื่องโภชนาการ ย้ำครับว่าไม่ถึง 6% เพราะวิชานี้เป็นวิชาเลือกเสรี น้อยคนที่

จะลงทะเบียน ส่วนใหญ่จะเน้นด้านการรักษาโรค เรื่องยา เวลและเหตุผลในการ

ใช้ยา แต่คนส่วนใหย่จะเคารพในความเป็นแพทย์  ทำให้ทึกทักเอาเองว่า

แพทย์จะต้องรู้เรื่องสุขภาพทุกเรื่อง และในการตอบคำถามเรื่องอาหารเสริม

แพทย์ส่วนใหญ่จะแบ่งรับแบ่งสู้ครับ เหตผลมีสองอย่างคือ แพททย์ ไม่มีมีความ

รู้หรือไม่เคยศึกษาเรื่องอาหารเสริมอย่างจริงจัง อีกอย่างคือ ต้องตั้งแง่ไว้

ก่อนเพื่อปกป้องคนไข้จากการปฏิบัติหรือผลิตภัณฑ์ซึ่งถูกมองว่าอาจก่อให้เกิด

อันตรายต่อร่างกาย แลส าเหตุสำคัญคือเพระคนส่วนใหญ่แม้กระทั่งแพทย์เอง

ไม่มีความเข้าใจถึงสาเหตุของโรคเสื่อมหรือโรคเสื่อมเรื้อรัง

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

โรคเสื่อม คือ อะไร ปัจจุบัน สาเหตุการ เสียชีวิต อันดับต้นๆมาจากโรคเสื่อม  แตกต่างกับในอดีต

ในอดีตปัจจัยที่ทำให้คนเสียชีวิตอันดับต้นๆ มาจก โรคติดเชื้อ อาทิ ฝีดาษ มาลาเรีย อหิวาต์ วัณโรค คอตีบ

แต่จากการ เกิดขึ้นของยาปฏิชีวนะ ทำให้โรคติดเชื้อสามารถรักษาได้ หรือมีวัคซีนป้องกัน

คนในสมัยนี้จึงไม่ตายจากโรคติดเชื้อ แต่ตายจากโรคเสื่อม เช่น มะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ความดัน

เป็นจำนวนมาก แล้วถ้าคุณสังเกต จะพบว่าปัจจุบันมีโรคติดเชื้อที่เกิดขึ้นมาใหม่ที่ไม่เคนรู้จัก

ตั้งแต่ซาส์ ถึง ไข้หวัด 2009 เพราะ ตัวเชื้อโรคเองก็ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ เมื่อมนุษย์ มียาต้านเชื้อเหล่านี้

เชื้อโรคก็ต้องพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อให้ดำรงอยู่ได้

แล้วอะไรคือสาเหตุของโรคเสื่อม สาเหตุพื้นฐานของการเกิดโรคเสื่อม คือ Oxidative Stress


มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมาย  เรื่อง Oxidative Stress ซึ่งเป็นพื้นฐานสาเหตุ

ของการเกิดโรคเสื่อมเรื้อรังกว่า 70  ชนิด เกิดจากเซลล์ถูกทำลายโดย Oxidative Stress

เช่น มะเร็ง ข้อต่ออักเสบ หัวใจ อัลไซเมอร์ ความเสื่อมเฉพาะจุด ซึ่งเป็สาเหตุการตายของมนุษย์ในปัจจุบัน

Oxidative Stress เกิดขึ้นได้อย่างไร?

Oxidative Stress เป็นกระบวนการเดียวกับที่ทำให้เหล็กขึ้นสนิม หรือ แอปเปิ้ลที่ปอกปลือกแล้วเปลี่ยน

เป็นสีน้ำตาล พูดง่ายๆว่า สนิมกำลังเกาะกินภายในร่างกายของเราเป็นกองทัพเงียบ เป็นผลลัพธ์มา

จากผลกระทบของที่เป็นพิษ Oxygen

เรารู้ดีว่าว่า Oxygen สำคัญกับชีวิตอย่างไร  อย่างไรก็ดี Oxygen ก็สมารถเป็นอันตรายความอยูรอดของรา

ซึ่ง Oxygen ในมุมมองนี้ เราเรียกมันว่า Oxygen Paradox ซึ่งทำให้คลายความสงสัยเรื่อง Oxidative Stress

หรืการที่เซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดโรคเสื่อม

ทุกวินาทีที่คุณหายใจเอา Oxygen เข้าปอดโมเลกุลของ  Oxygen จะผ่านเข้าปอดเพื่อ ฝังตัวกับฮีโมโกลบิน

ในเลือด  จากนั้นหัวใจจะบีบเลือดที่ได้ รับ Oxygen ออกสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย ฮีโมโกลบิน ก็จะปล่อย

Oxygenให้มันเดินทางไปสู่เซลล์ เพื่อให้พลังชีวิตกับทุกหน่วยเซลล์

ภายในหน่วยเซลล์ ก็เปรียบเหมือนเตาหลอม เรียกว่า Mitochondria

Mitochondria ภายในเซลล์ มีหน้าที่ลด Oxygen โดยกรจ่ายอิเลกตรอน เพื่อสร้างพลังงานในรูปของ

Adenosine Triphosphate และผลิตน้ำ  กระบวนการนี้จะดำเนินโดยปกติ 98% ของทั้งหมด

แต่บางครั้ง ความสมบูรณืของอิเลคตรอน 4 ตัวที่ทำหน้าที่ลด Oxygen ให้เป็นน้ำ  ไม่ได้เกิดตามที่ควรจะเป็น

อนุมูลอิสระจึงเกิดขึ้น

e-    e-    e-      e-
↓      ↓      ↓          ↓
O2  O2-  H2O2  OH    H2O
      ↑      ↓        ↑
      2H+    OH-    H+

*** ในนี้พิมตัวยก ตัวห้อยไม่ได้

พูดให้ฟังดูง่ายๆคือ จินตนาการว่าคุณอยู่หน้าเตาผิง ฟืนถูกเผาไหม้อย่างปลอดภัย แต่มีบางครั้งที่ ขี้เถ้าลอยออกมา

ตกลงบนพรม ทำให้เกิดรอยไหม้เป็นจุดๆ  แล้วถ้าขี้เถ้า สร้างรอยไหม้อย่างต่อเนื่องจะเกิดอะไรขึ้น พรมคุณคงยับเยิน

ขี้เถ้าก็คืออนุมูลอิสระ ส่วนใดถูกอนุมูลอิสระทำลายมากที่สุด  ส่วนนั้นจะแสดงอาการโรคก่อน ถ้าเกิดที่ตา ก็เป็นต้อกระจก

ซึ่งมันก็เหมือนสนิมที่คอยกัดกร่อนคุณ แม้ Oxidative Stress จะเกิดขึ้นจากภายใน แต่คุณสังเกตได้จากภายนอก

มองง่ายๆเปรียบเทียบระหว่างเด็กกับผู้สูงอายุ มองไปที่ผิวหนัง จะเห็นความแตกต่างชัดเจน  ผลดังกล่าว

เกิดขึ้นจาก Oxidative Stress ของผิวหนัง การเสื่อมแบบนี้เกิดขึ้นกับภายในร่างกายเราด้วยเช่นกัน

ถ้านี่คือสงคราม

ศัตรู คือ อนุมูลอิสระ

พันธมิตร คือ ตัวต่อต้านอนุมูลอิสระ

ปัจจัยสนับสนุน คือ การบำรุงด้วยวิตาตามิน แร่ธาตุ สารอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ เปรียบได้กับเชื้อเพลิง กระสุน ปืน ทหาร ช่างเครื่อง ที่ทำให้เราสู้รบได้

ฝ่ายสนับสนุนศัตรู คือ สภวะที่เอื้อ ต่การเพิ่มขึ้นของอนุมูลอิสระ ที่ร่างกายผลิตขึ้น มีปัจจัยดังนี้ มลภาวะทางอากาศ อาหาร น้ำ ความเครียด ขาดการออกกำลังกาย และอื่นๆ

ผล คือ หน่วยซ่อมแซมอนุมูลอิสระที่เสียหาย

อนุมูลอิสระ เป็นโมเลกุลของออกซิเจนเสียซะส่วนใหญ่ หรือเป็นอะตอมที่อย่างน้อยที่สุดมีอิเลคตรอน หนึ่งตัวที่ไม่มีคู่อยู่ในวิถีของการเคลือนที่วงนอกของมันเอง

ในการเผาผลาญภายในเซลล์ที่เรียกว่า อ๊อกซิเดชั่น  อนุมูลอ๊อกซิเจนอิสระจะถูกสร้างขึ้น พวกมันต้องการจับคู่ กับสสารตัวอืนบริเวณใกล้เคียง

ถ้าไม่มีอิเลคตรอนหรือโมเลกุลของสสารมาจับคู่ การเคลื่อนที่ขอมันอันตรายเปรียบได้กับแสงแวบๆจากการระเบิดในสงคราม แต่เป็นภายในร่างกายของเรา

ในทุกๆที่ที่มันเคลื่อนไป  หากอนุมูลอิสระเหล่านี้ไม่มีตัวยับยั้งอนุมูลอิสระ มาช่วยออกยับยังการออกฤทธิ์ของมัน  มันอาจสร้างอนุมูลอิสระที่อันตรายขึ้นมากกว่าเดิม

และยังอาจเป็นสาเหตุให้เยื่อหุ้มเซลล์ ผนังหลอดเลือด โปรตีน ไขมัน หรือแม้กระทั่งนิวเคลียส  ของดีเอนเอ ในเซลล์ถูกทำลาย บทความทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์

ให้คำจำกัดความการทำลายแบบนี้ว่า Oxidative Stress

ปัจจัยที่สร้างอนุมูลอิสระ

1.การออกกำลังกาย

มีผลงานวิจับที่ชี้ว่าการออกกำลังกาบเล็กน้อยถึงปานกลาง อนุมูลอิสระ จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ในทางตรงข้าม หาออกกกำลังกายอย่างหักโหม

ปริมาณอนุมูลอิสระ จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก  เพราะฉะนั้นการออกกำลังกาย ต้องทำแต่พอประมาณ และให้ได้มีโภชนาการที่มีตัวต่อต้านอนุมูลอิสระ

อย่างสม่ำเสมอ

มีเพียงนักกีฬาออาชีพที่ควรฝึหหนัก และพวกเขาก็ต้องปรับสมดุล  ด้วยการรับโภชนาการที่สารต่อต้านอนุมูลอิสระในแต่ละวัน

2. ความเครียดสะสม

ความเครยดก็สร้างอนุมูลอิสระ และแปรผัน เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย เคยสังเกตมั้ยว่า เมื่อใดที่คุณมีความเครียด หรืออยู่

ใต้ภาวะกดดันมากๆ จะป่วยบ่อยขึ้น

3.มลภาวะทางอากาศ

คือสาเเหตุหลัง ของ Oxidative Stress ในปอดและร่างกาย  มีทั้งที่คุณรับโดยไม่ได้ตังใจ คือควันพิษ ในอากาศ และสารเคมีที่ฟุ้งกระจายในอากาศ

ส่วนที่คุณตั้งใจ คือบุหรี่ และการพ่นฉีดยาฆ่าแมลง

4. มลภาวะทางอาหารและน้ำ (เรื่องนี้ยาวหน่อย แต่มันก็ยาวมาตั้งแต่ต้น)

- ในปัจจุบันเราดื่มน้ำบรรจุขวด  น้ำกรอง และน้ำกลั่น  แต่สิ่งที่ควรรู้คือ หากไม่ใช่น้ำที่ผ่านการกลั่นคุณรู้ถึงคุณภาพได้อย่างไร

เพราะน้ำเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในตลาดที่มีการควบคุม

-อาหาร
ผมถามว่าในปัจจุบัน คุณ สามารถหลีกเลี่ยงไก่ที่มีสารเร่งโตได้มั้ย หมูที่ไร้สารเร่งเนื้อแดงเพียงเล็กน้อย

ปลาหรืออาหารทะเล ที่ไร้ฟอร์มาลีน ผักผลไม้ที่ปราศจากยาฆ่าแมลง คุณทานอาหารตามร้าน อาหาร

หรือร้านข้าวแกง คุณทราบถึงกรรมวิธี รวมถึงแหล่งวัตถุกดิบมั้ย แล้วคุณคิดว่า ผักผลไม่กว่าที่คจะถึงมือคุณ

คุณค่าทางโภชนาการเหลืออยู่เท่าไหร่ ถูกทำลายไปทางใดบ้าง ถ้าคุณไม่ได้เก็บกินสดๆจะแน่ใจได้อย่างไร

มีวิธีเดียว ปลูกเองเลี้ยงเอง คุณถึงมั่นใจในคุณภาพได้ร้อยเปอร์เซนต์ แล้วคุณคิดว่า โลหะหนักจากอากาศที่เป็นพิษ

จะตกค้างในพืชที่คุณปลูกเองได้มั้ย ยกเว้นจะควบคุมแบบ ออแกนิค

แล้วคุณแน่ใจหรือว่า การกินอาหารครบห้าหมู่หมุนเวียนกันไป ออกกำลังกาย ประจำ จะพอต่อการ ต้านอนุมูลอิสระ ที่

ทำให้เกิดโรคเสื่อม ซึ่งคุณเห็นว่าดีกว่าการกินอาหารเสริม ร้อยเท่า

คุณทราบมั้ยว่า ต้องทานผักผลไม้วันละเป็นเข่ง จึงพอต่อการต้านอนุมูลอิสระ แต่สารเคมี ที่คุณได้รับก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

จะต้านอนุมูลอิสระ แต่กลับตายผ่อนส่ง  ในอดีตที่คนอายุยืน และตายด้วยโรคติดเชื้อ เพราะปัจจัย ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ

ซึ้งเป็นสาเหตุของโรคเสื่อมมันไม่มี เหมือนปัจจุบัน เค้าเก็บผักจากตัน ตกปลาจากบึง อากาศบริสุทธิ์ เพรายังไม่มี โรงงาน

รถยนต์เหมือนขณะนี้ เมื่ออนุมูลอิสระไม่เกิด โรคเสื่อมก็ไม่มี อาหารที่รับเข้าไปก็พอที่จะต้านอนุมูลอิสระได้

แล้วที่คุณอ้างญี่ปุ่นนั้น ถามเถอะว่า มาครฐานาคุณภาพชีวิตเป็นยังไง อากาศ บ้านเค้า มาตรฐานในการควบคุมอาหารเค้ามันขนาดไหน

รายได้เฉลี่ยเค้าเท่าไหร่ เค้าจะเครียดมั้ย

เพราะฉะนั้นที่คุณบอกว่า ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายนะ ได้ผลโดยไม่ต้องเสียตังกับอาหารเสริม ผมไม่เถียง แต่คุณต้องไปอยู่ชนบท หรือป่า

ที่อากาศบริสุทธ์ เป็นเกษตรกร ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์กินเอง เพื่อรับแต่อาหารที่สด ได้คุณค่าครบ ปราศจากสิ่งเจือปน เพียงนิด พอต่อการต้านอนุมูลอิสระ

แน่นอน แต่ถ้าคุณทำไม่ได้อาหารเสริมจำเป็น

แล้วทำไม คนที่ดูแลสุขภาพแบบคุณ แม้กระทั่งหมอก็เถอะ ยังเป็นมะเร็ง ตอบผมได้มั้ย คนที่ไม่มีอาการ แข็งแร็งตลอด อยู่ๆ เป็นมะเร็งขั้นที่สามที่สี่แล้ว

ไม่เท่าไหร่ก็ตาย มันเกิดจากสาเหตุอะไร ผมขอบอกว่านี่คือภัยเงียบที่ต้องป้องกัน แล้วมาดูที่บอกกันว่าป้องกันนะ ป้องกันจริงๆหรือเปล่า

คุณบอกว่า ถ้าไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอาหารเสริมไม่จำเป็น  งั้นต้องรอให้เป็นโรคก่อนใช่มั้ยครับถึงมาดูแลสุขภาพ หรือคุณคิดว่า

การป้องกันคือ  ทานอาหารครบ ห้าหมู่ ออกกำลัง กาย ซึ่งผมอธบายข้างบนแล้ว ว่าเดี๋ยวนี้แค่นี้มันไม่พอ  ถ้าในอดีต อาจพอ

หรือจะตรวจสุขภาพประจำปี  การตรวจร่างกายประจำ ไม่ว่า การตรวจเต้านม เมมโมแกรม การตรวจการทำงานของเลือด

และการตรวจส่วนอื่นๆ ล้วนแต่ตรวจเพื่อหมฤตยูเงียบว่า ก่อตัวขึ้นในร่างกายคุณหรือยัง แล้วจริงๆมันเป็นการป้องกันตรงไหน ?

ยิ่งตรวจพบเร็วก็ยิ่งเป็นประโยชน์กับคนไข้ก็เท่านั้น แพทย์ส่วนใหญ่ใช้เวลากับการรักษาโรค มากกว่าที่จะให้ความรู้ ความเข้าใจ

กับคนไข้ ในการมีชีวิตที่ห่างไกลจากโรคเสื่อมต่างๆ การป้องกันที่แท้จริง สำหรับมีสุขภาพที่ดีคุณต้อง

- ออกกำลังกาย  ทุกคนรู้ถึง ประโยชนน์ที่ได้รับ จากการ ออกกำลังกายที่เหมาะสม วิธีนี้เป็นทางเลือกต่อการห่างไกลโรคได้
ซึ่งเป็การพิสูจน์จากแพทย์เมื่อกว่าสามสิบปีก่อน และมีประโยชน์มากมาย (แต่คุณต้องควบคุมให้อยู่ในระดับ ที่ ร่างกายสามารถ
จัดการกับอนุมูลอสระที่เกิดขึ้นได้)

- อาหารเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์จริงๆ

แพทย์พบว่า  ผู้ป่วยที่รับประทานอาหาร ไขมันต่ำ รวมไปถึง การรับประทานผักผลไม้ 7 มื้อต้อวัน ย้ำว่า  7 มื้อ ช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์ดังนี้

น้ำหนักลด  ลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน มะเร็งแทบทุกชนิด ลดความดันเลือด  ลดคลอเรสเตอรอล เพิ่มภูมิคุ้มกัน พัฒนาการทำงานของอินซูลิน

เพิ่มกำลังและสมาธิ  แเจ็ดมื้อต่อวันทำได้มั้ยครับ ผักผลไม้เป็นเข่ง แถมอาจตายผ่อนสง จาก สารเคมีเจือปน

- อาหารเสริม

มีงานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่า การบริโภคอาหารเสริมที่มีคุณภาพสูง ทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์ที่สำคัญ  แม้ว่าคุณจะมีสุขภาพดีอยู่แล้วก็ตาม

คุณประโยชน์พื้นฐานที่ได้มีดังนี้

-เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
-เพิ่มศักยภาพให้การต่อต้านอนุมูลิสระ (antioxidant)
-ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
-ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
-ลดความเสียงต่อการเป็นโรคข้อต่ออักเสบ ความเสื้อมเฉพาะจุด ต้อกระจก
-ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรค อัลไซเมอร์ พาร์กนสัน โรคหอบหืด โรคปอด และโรคที่เกิดจากความเสื่อมเรื้อรังต่างๆ
-พัฒนาการรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมเรื่อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดั้งนั้นอาหารเสริมหรือวิตามินเสริมต่างๆ จึงช่วยป้องกันต่อสู้และควบคุมโรคเหล่านี้ได้

แต่สำหรับคนที่ป่วยแล้วถึงกิน จะเป็นประเภท ลองดูอาหารเสริมพวกนี้เถอะ ไหนๆก็ไม่มีอะไรต้องเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ทราบมั้ยครับว่า ปัจจุบันตลาดของการดูแลสุขภาพ เป็นการรักษา ไม่ใช่ป้องกัน มูลค่าของตลาดยา มหาศาล

แต่ทราบอีกมั้ยครับว่า ผู้ป่วยหนึ่งในสี่ ตายเพราะผลข้างเคียงของยา ผู้ป่วยมะเร็ง บางส่วนไม่ได้ตายเพราะมะเร็ง แต่ตายเพราะผลข้างเคียงของการรักษา

เช่น เคมีบำบัดและการใช้รังสี ยิ่งเป็นการเร่งให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระ Oxidative Sress ที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุของการทำลายล้างต่อเนื่องไปยังเซลล์ปกติ

ส่วนมูลค่าตลาดอาหารเสริมนั้น มีเพียงไม่ถึง 1% ของมูลค่า ตลาดสุขภาพทั้งหมด

ตอนนี้คือตลาดของการรักษาไม่ใช่ป้องกัน แต่ถ้า มันเปลี่ยนเป็นตลาดป้องกัน ถ้าคนหันมาดูแลสุขภาพ กันมากขึ้น บริโภคอาหารเสริมมากขึ้น

บริษัทยายักษ์ใหญ่ คงล้มครับ  เพราะฉะนั้นตอนนี้ บริษัทยา หลายบริษัทก็เริมจะมี

การวิจัย และจำหน่ายอาหารเสริม คุณไปร้านขายยา ก็จะพบจำนวนอาหารเสริมที่เพิ่มขึ้น เกือบครึ่งของผลิตภัณฑ์ในร้าน แล้วถ้าเมื่อไหร่ ที่ตลาดนี้ เพิ่มขึ้น เป็นแค่ 10%

ของตลาดสุขภาพ เม็ดเงินจะขนาดไหนครับ เพราะฉะนั้น เทรนด์กำลังจะเปลี่ยนครับ

คนส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพเมื่อเป็นโรคแล้ว แม้แต่อาหารเสริม ก็มาคิดที่จะบริโภคเมื่อเป็นโรคแล้ว จริงๆแล้วอาหารเสริมคือการป้องกันครับ

แล้วการเลือกผลิตภัณท์อาหารเสริม ก็ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายครับว่า คุณทานเพื่ออะไรหรือต้องการ ให้ช่วยเรื่องโรคอะไร ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ไหน แต่พื้นฐานทุกคนต้องต้านอนุมูลอิสระครับ

ทีนี้ก็แล้วแต่ทัศนคติครับ ว่าคุณเห็นสิ่งที่ผมพูดไปหรือไม่ มันอยู่ที่คุณ จะเห็นว่าอาหารเสริมจำเป็นหรือไม่จำเป็น จากเหตุผลที่ผมกล่าวไปทั้งหมด ซึ่งยืดยาวมากทีเดียว

จริงๆ ไม่อยากให้น้ำเยอะ แต่ด้วยต้องการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและให้เห็นภาพครับ จึงยาว และมีน้ำปนอยู่ บ้าง

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

เงินสี่ด้าน

E (Employee) – ลูกจ้าง
รับ ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร ตกงานเท่ากับล้มละลาย (ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย) อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ

S (Self-employed) – ทำธุรกิจส่วนตัว
ขาย เวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง ขาดประสบการณ์ เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ

B (Business Owner) – เจ้าของธุรกิจ
มีทุน หาคนเก่งๆ มาทำงานให้ ไม่ทำก็มีรายได้ B มีหลายประเภท
บริษัท แฟรนไซน์ การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)

I (Investor) – นักลงทุน
ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ
ผู้เขียน พ่อรวย สอนลูก (Rich Dad Poor Dad)

          งานประจำ ไม่ทำให้ร่ำรวยได้ มีแต่หนี้ ถ้าต้องการความสำเร็จ ต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ ธุรกิจมี 2 ประเภท คือ รวยแต่หยุดทำไม่ได้ กับรวยแล้วพักได้โดยรายได้ไม่หยุด

    1. กิจการใหญ่ (ซีพี , AIS)
    2. เจ้าของแฟรนไชส์ (แมคโดนัลด์ , 7-11)
    3. ธุรกิจเครือข่าย

การตลาดเครือข่าย เป็นเสมือนโรงเรียนสอนนักธุรกิจ ที่ช่วยให้คุณย้ายฝั่งได้ง่าย ได้ผล และปลอดภัยที่สุด
บริษัท เครือข่ายการตลาดที่ดีจะต้องมีระบบพัฒนาตัวคุณอย่างสมบูรณ์แบบ (โดย สอนให้คุณเป็นนักธุรกิจ เพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่สอนให้คุณเป็นเซลส์แมนหรือเพียงทำให้คุณมีรายได้ไปวันๆ บนความมั่นคงที่ไม่แน่นอน)
        คนที่รวยที่สุดในโลกล้วนแสวงหา การสร้างเครือข่าย ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังหางานทำ หากคุณมีความคิดสร้างสรรอันยิ่งใหญ่ หรือสินค้าอันดีเยี่ยมปานใดก็ตาม มีเพียงหนทางเดียวที่จะนำท่านสู่ความสำเร็จ คือ การใช้เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายการ จัดจำหน่ายสินค้า เหล่านั้นสู่มือผู้บริโภคอย่างได้ผล

อยากอยู่ฝั่งไหนเลือกเอาครับ ส่วนตัวผมไม่อยากทำงานตลอดชีวิต
และก็จะเปลี่ยนชีวิตจากด้าน E มา S เพื่อไปสู่ Bและสร้างทรัพย์สินให้กับตนเองด้วยด้าน I ครับ

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

โอ้ มีการยกเอาเรื่องอะไรก็ไม่รู้ยาวเหยียดมาสร้างความหวาดกลัว ให้คนที่ไม่รู้เรื่องได้เกิดอาการกลัว

ผมอ่านแล้วก็เหมือนเดิม ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นอะไรให้คนทั่วไปกินอาหารเสริม

ผมตอบสั้นๆละกันว่าอาหารเสริมไม่ได้ช่วยป้องกัน แต่ช่วยซ่อมแซมและก็เสริมในรายที่ขาดแคลนหรือร่างกายอ่อนเพลียเป็นบางส่วนและต้องการอาหารเสริมนั้นมาบำรุงให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นเท่านั้น เช่นคนที่ร่างกายแข็งแรงแต่รถชนขาหัก ก็ต้องกินแคลเซียมเสริม หรือคนทำงานหนักร่างกายล้าและมาตากฝนก็ทำให้เป็นหวัดก็ต้องกินซุปไก่ช่วยให้หายหวัดเร็วขึ้น (อย่าบอกนะว่าอาหารเสริมของคุณช่วยไม่ให้คนเป็นหวัดเลย)

คนที่ใช้สายตาเพ่งบ่อยๆเป็นประจำเช่นทำงานเย็บผ้าหรือ ทำงานหน้าจอคอมเป็นประจำก็ต้องกินอาหารเสริมบำรุงดวงตา คนทำงานสายตาปกติใครมันจะบ้าปัญญาอ่อนไปซื้อมากิน เปลืองเงินเปล่าๆ

ส่วนเรื่องโรคเสื่อม มันเป็นเรื่องปกติ คนเราแก่ขึ้นก็ต้องเสื่อมสิครับ เพียงแต่บางคนอาจเสื่อมเร็วเพราะใช้ชีวิตไม่ดี เช่นทำงานหนัก ดื่มแต่เหล้า กินแต่มาม่า และขาดการออกกำลังกาย อาหารเสริมของคุณแก้ได้ 108 ประการใช่ป่าว สุดยอดจริงๆ

อาหารเสริมก็คืออาหารเสริมตามชื่อของมัน ไม่ได้ช่วยป้องกันและรักษาอะไรเลย ช่วยแค่เสริมในรายที่ขาดแคลนเท่านั้น ไม่ได้ช่วยรักษาถ้ามันช่วยรักษาได้จริงๆมันจะถูกขึ้นทะเบียนเป็นยาไปแล้ว

แล้วทำไมหมอจะรู้เรื่องอาหารเสริมละ ผมเป็นไข้หวัดไปหาหมอ ใช้ประกันสุขภาพ ไม่เสียตังสักบาท  หมอจ่ายยา+ วิตามินต่างๆมาให้กินเล่นบ่อยๆ ทำไมหมอไม่จ่ายแต่ยาอย่างเดียวละ ให้อาหารเสริม วิตามินเสริมมาทำไม ก็ไหนคุณบอกว่าหมอไม่รู้จักอาหารเสริม

คนทำ MLM คงบอกว่า ถึงเค้าจะไม่มีประกันสุขภาพ แต่เค้าก็ไม่เคยเจ็บป่วยเสียเงินไปหาหมอเพราะเค้ากินอาหารเสริมเลยไม่ป่วยเลย

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

ผมก็ยังยืนยันครับว่า อาหารเสริมป้องกันโรคได้ ยกตัวอย่างเรื่องหวัด คุณบอกว่าหวัดเกิดจากการตากฝนร่างกายทำงานหนักหรือครับ  การกินซุปไก่ ช่วยให้หายหวัดเร็วขึ้นหรือ ที่คุณ บอกนะ การกินซุปไก่มีงานวิจัย ที่คุณบอกว่าคุณเชื่อถือ ชี้ให้เห็นว่าทำให้หายเร็วขึ้นมั้ยครับ แต่ร่างกายอ่อนเพลียเป็นปัจจัยที่ทำให้ ร่างกายติดเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของหวัด และมีงานวิจัยที่บอกว่าการทานวิตามินซี ในปริมาณที่พอเหมาะสามารถป้องกันได้ครับ  ปริมาณวิตามืนซี ที่ RDA กำหนด อยู่ที่ 60 มิลลิกรัมต่อวัน  แม่จะมีข้อถกเถียงว่าควรปรับเป็น สองร้อย  แต่จากบทความทางการแพทย์ ให้ความคิดเห็นที่ต่างออกไปว่า ร่างกายควนได้รับ วิตามินซีน้อยที่สุด 1000 มิลลิกรัมต่อวัน  จึงก่อให้เกิดผลดีต่อร่างกาย จะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากได้รับ 2000 มิลลิกรัมต่อวัน แล้วถ้าคุณต้องการ ป้องกัน หวัด หรือโรค คูรต้องทานอย่างน้อย วันละ 1000 มิลลิกรัม

ซึ่งก็คือ  ถ้าคุุรณต้องการวิตามินซี 1300 มิลลิกรัม

กีวี่ 17 ผล หรือ ส้ม16 ผล หรือ แอปเปิ้ลไม่ปอกเปลือก 16 ผล หรือ
น้ำส้มคันสด 10.5 ถ้วยต่อวัน หรือบลอคเคอรี่ หั่นสด 16 ถ้วย

แล้วคุณสามารถทานอย่างใดอย่างหนึ่งนี่ได้ทุกวันมั้ยครับ  แต่อีกอย่าง

วิตามินซี สลายไปกับความร้อนความเย็นและการจัดเก็บได้ง่ายมาก

การเก็บด้วยความเย็น ทำให้ วิตามินซีในส้มหายไป 50% กว่าจะถึงมือคุณ

ถ้าต้องการคุณค่าขนาดนี้ต้องกิน สองเท่าครับ ทำไ้ด้มัยจากการบริโภค

แล้วไปถามแพทย์ที่คุณรู้จักเยอะนะครับ ว่า ถ้าลูกเค้าไม่สบาย ระหว่างพารา

ซุปไก่ วิตามินซี หมอจะเลือกอะไร วิตามินซีแบบไหนด้วย

เพราะวิตามินซี มีทั้งแบบสังเคราะห์ แบบที่หมอให้คุณมากินเล่่นนะครับ

กับวิตามินซีธรรม ชาติ ซึ่งการทำละลาย ก็ต้องมี ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยในการดูดซึม

แล้ววิตามินซีสังเคราะ์ก็มีผลการทดลอง ว่าทำให้เกิดนิ่วในไต

เพิ่มเติมครับ นอกจากนี้วิตามินซี สังเคราะห์ จะอยู่ในรูปชองกรด หรือ Ascorbic acid

เพราะฉะนั้น ทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะได้ แล้ว ถ้าสังเกต เวลาอมวิตามินซี ที่หมอให้มากๆ จะรู้สึกแสบ หรือเจ็บปาก

เรื่องแคลเซียม ถ้าเอาที่หมอจ่ายให้คุณ ที่เเป็นเม็ดโยนลงน้ำฟู่ๆ นั่นนะถ้าศึกษา ให้ดีแล้ว มันทำให้เกิดการสะสม และเป็นนิ่วในไตได้ครับ เพราะละลายไม่หมด ถ้าคุณทานแคลเซียม คุณต้อง มี วิตามินดี โบรอน ซิลิกอนและแมกนีเซียมเสริมด้วย เพื่อช่วยเรื่องการดูดซึม ซึ่งโบรอนและซิลิกอนคือสารอาหารสำหรับกระดูก คุณเคยถามหมอมั้ยครับว่า มีมั้ย แล้วไปถามดูว่า ข้อมูลที่ผมบอกจริงมั้ย และการรับประทานแคลเซียมเป็นประจำก็ป้องกันโรค กระดูกเปราะ กระดูกพรุนได้ครับ จะเห็นว่า เมื่อคนสูงอายุหกล้ม กระดูกหักได้ง่ายมาก และเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุนทั้งชายและหญิงควรได้รับแคลเซียมเสริม 800-1500  มิลลิกรัมต่อวัน นี่เป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์ครับ มีงานวิจัย
แล้วมันป้องกันไม่ได้ตรงไหน คุณศึกษาให้ละเอียดเถอะครับ

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า
304

Re: MLM คือระบบ Marketing ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเปล่า

เรื่องสายตา จากบทบาทของOxidative strss ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิด ความเสื่อมในดวงตา มีสถาบันวิจัยขนาดใหญ่ หกแห่งครับ ที่ทดสอบเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูผลที่เกิดขึ้นจากการใช้อาหารเสริม กับเรื่องตาที่เกิดจากอายุ  และอาหารเสริม

ที่ช่วยเรื่องนี้ก็มีหลายตัว เริ่มขี้เกียจพิมพ์ครับ เอาเป็นว่า อาหารเสริม หนึ่งตัวไม่ได้

รักษาโรคได้ร้อยแปด แต่ สามารถป้องกัน และทำให้อาการขอโรคดีขึ้นได้ โดยต้องใช้ สารอาหารที่ต่างกันครับ ซึ่ง ที่แพทย์จ่ายให้คุณ ทานเล่น คือวิตามินสังเคราะ์ห์ อัดเม็ด ที่มีผลต่อร่างกายแน่นอน

ส่วนอาหารเสริม เรียกว่า Supplement ครับประกอบด้วยวิตามินหลายชนิด  หรือ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีกระบวนการ ในการผลิตที่ได้มาตรฐาน

ต่างประเทศ เรียกว่า

Nutracuetical หรือ Nutrapharmacuetical หรือ อาหารเสริมเกรดยาครับ

แล้วต้นเหตุของการเกิดโรคคือร่างกายไม่สมดุลครับ อาหารเสริมคือโภชนาการบำบัด ที่ไปแก้จากต้นเหตุ ไม่ใช่รักษาตามอาการที่เป็นปลายเหตุครับ

และเวลาหมอ ทำงาน เค้ามีไกด์ไลน์ครับ ในการรักษา ถ้าไปให้อาหารเสริมแทนยา
ที่มีไกด์ไลน์ในการรักษา มันก็ผิดครับ เรื่องอย่างนี้หมอได้แค่แนะนำ แต่มีหมอ

ไม่มากครับ ที่รู้เรื่องนี้ดีจริง เพราะหมอเรียนมาเพื่อการรักษาโดยใช้ยา ตามที่กล่าวแล้วข้างตน

อีกอย่างอาหารเสริมหรือสารอาหารไม่มีผลข้างเคียงหรืออันตรายครับ แต่ยาทุกตัวมีผลข้างเคียง

มีข้อมูลที่ว่า ยาที่แพทย์จ่ายเป็นสาเหตูทำให้ผู้ป่วยในอมเริกาเสียชีวิตกว่าหนึ่งแสนรายต่อปี

และอีกสองล้านคนได้ผลกระทบเชิงลบจากยา



INSURANCETHAI.NET
Line+