ก่อนแม่จะสิ้นใจ
357

ก่อนแม่จะสิ้นใจ

ก่อนแม่จะสิ้นใจ
บ้านพักคนชราที่ผมไปเยี่ยมเยียนมาหลังวันเกิดในเดือน ที่แล้ว
เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวไม่ใหญ่โตนัก ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของวัดเล็ก ๆ
ที่สมภารเจ้าอาวาสอดีตนักเรียน โรงเรียนเดียวกับผม !
ท่านเอาเงินที่ญาติโยมศรัทธาถวายท่านมาปลูกสร้าง เพื่อให้ผู้เฒ่าผู้ชรา
ได้มาพักอาศัยยามเมื่อขาดที่พึ่งพิง มีโยมผู้หญิงวัยกลางคนไร้ญาติ
และสิ่งเกาะเกี่ยวทางโลกมาบำเพ็ญธรรมโดย ไม่บวชชี ท่วงท่าเจรจาพาที

ดูสำรวมราบเรียบ พร้อมเด็กวัดลูกชาวบ้านแถบนั้นแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกัน
เป็นผู้ดูแลผู้ ชราทั้งหญิงชายที่ถูกทอดทิ้งรวม 13 ชีวิต ค่าจ้างคนดูแล น้ำไฟ
เสื้อผ้า ยารักษาโรค ข้าวปลาอาหาร สมภารใจดีอดีตนักเรียนช่างกล
ที่รอดตายมาจาก เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหมาจ่ายคนเดียว โดยไม่เคยพิมพ์ฏีกาเรี่ยไรใคร

พูด คุยกับท่านหลายเรื่องจนตอนจะลากลับผมควักเงิน 500 บาท ใส่ซองถวายท่านเป็นค่าใช้จ่าย
ท่านจึงนึกอะไรขึ้นมาได้ชวนผมเดินลงจาก ศาลาไปที่บ้านพักคนชราแห่งนั้น

เปิดนรกบนดินอีกขุมหนึ่งให้คน บาปอย่างผมมีดวงตาเห็นธรรม
โดยไม่ต้องฟังเทศน์เทียบชาดกบทใด ๆ หญิงชรารูปร่าง เล็กผิวสองสี
บอบบางทอดกายเหยียดตรงบนเตียงเล็ก ๆ แต่สะอาด มีผ้าห่มผืนบางๆ
ห่มปิดทรวงอกที่ยังกระเพื่อมเบา ๆ ราวเครื่องยนต์ใกล้ดับอย่างเหนื่อยหน่าย

แม่เฒ่าพยายามยกขึ้น ประนมไหว้เมื่อท่านสมภารพาผมมานั่งอยู่ข้างขอบเตียง
กังวานน้ำเสียงแห่ง พุทธบุตรผู้เมตตาเปล่ง วาจาถามไถ่อาการและให้ศีลให้พรเบาๆ
แต่เข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์หยาดน้ำตาแห่งความปิติ ท่วมท้นดวงตาสีขาวขุ่นแล้วค่อย ๆ
ซึม เซาะรินไหลไปตามร่องขอบตาที่เหี่ยวย่นบนใบหน้าเวทนาบังเกิดจนผมต้องเบือน หน้าหนี

ผู้เฒ่าอายุ 91 ปี อาวุโสสูงสุดในจำนวน 13 คนชราของที่นี่ เรื่องราวทั้งหลายในอดีต
ยังเจิดจ้าอยู่ในความทรงจำเหมือนเพิ่งเกิด เมื่อวาน.......

แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปีที่ผ่านมาครอบครัวแม่เฒ่า
จัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกิน ของจังหวัด สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
ก่อร่างสร้างตัวจากกรรมกรกินค่า แรงรายวัน โดยแม่เฒ่ารับจ้าง ทอผ้าอยู่ในโรงงงานแห่งหนึ่ง !
อดออมสะสม จนฐานะดีขึ้น สามารถสร้างหลักฐาน

จนมีที่ดินบ้านช่องสมฐานะแต่สามี ก็ยังทำงานหนักไม่ยอมพักหวังจะฟูมฟักลูก 3 คน
ให้อยู่อบอุ่น กินอิ่มโดยไม่ต้องลำบากช่วงนั้นแม่เฒ่าเลิกทอผ้าแล้ว
อยู่บ้านเลี้ยงลูก 3 คนที่อยู่ในวัยซวนไล่เรียงตามลำดับ

เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโต อายุได้ 6 ขวบสามีของแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ตื่นมาร่ำลา
หมอที่ โรงพยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแตะเหล้าซักหยด
แม่เฒ่า เปลี่ยนสภาพบ้านพักเปิด เป็นร้านค้าโชห่วยขายของสารพัดชนิด
อดทนอดออม เลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ร่ำเรียนจนจบปริญญา

ครอบครัวอบอุ่นพี่น้อง รักใคร่กันดี ไม่มีเค้าลางว่าจะแตกหัก ดั่งหนึ่งคนละสายเลือด
ลูกชายคน โต แต่งงานไปกับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาด
ในชีวิตของแม่เฒ่าไม่เคย มีความสุขครั้งไหนเหมือนวันที่ลูกชายแต่งงาน

สมบัติที่มีแม่เฒ่าจัด แบ่งเป็นสามส่วนให้ลูกชายคนโตเปิดร้านขายทองตามที่สะใภ้
ต้องการ ปีต่อมาลูกคนที่สองแต่งสาวเข้าบ้านอีกคนแม่เฒ่ายกบ้านและที่ดินที่เปิดร้าน ขายของ
สอง คูหาสามชั้นให้เป็นสมบัติของลูกด้วยความยินดีโดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่อยู่ อาศัย

สองปีถัดมาลูก สาวคนสุดท้องแต่งกับข้าราชการระดับหัวหน้ากองในจังหวัด
แม่เฒ่ายกที่ดิน และเงินสดก้อนสุดท้ายของแม่เฒ่ารับขวัญลูกเขยด้วยความปรีดา

สัตว์ โลกทั้งหลายล้วนเวียนว่ายก่อเกิดเพื่อมาชดใช้กรรมเก่า
สะใภ้คนที่สอง เริ่มจุดประกายแห่งการ แตกหักตั้งแต่แต่งเข้าบ้าน
ไม่เคยแม้แ! ต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวแม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือนซักผ้า
ทำ กับข้าวจัดสำรับคับค้อนตั้งโต๊ะคอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่ม
แม่เฒ่า จึงมีโอกาสได้กินของเหลือ ก่อนจะเก็บกวาดถ้วยชามไปล้าง
กวาดเช็ดบ้าน ช่องเรียบร้อยแล้วจึงได้พักผ่อนด้วยการเดินออกไปคุย

กับเพื่อนบ้าน ในวัยไล่เลี่ยกัน สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุกชนิดที่ซื้อ
มาทำกับ ข้าวต้องถามราคา แล้วยกไปชั่งน้ำหนักราคาสินค้ากับเงินทอนที่เหลือ
ต้อง ตรงกับเงินที่ให้ไปตลาดแต่แม่เฒ่าก็ไม่เคยเก็บ มาเป็นอารมณ์
แล้ววัน หนึ่งสะใภ้สองก็จัดระเบียบการกินใหม่หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโตเพื่อนกินกันแค่
สอง ผัวเมียแล้วสั่งให้ผัวจ่ายเงินให้แม่เฒ่าแค่วันล่ะยี่สิบบาทไปหากินเอาเอง ด้วยเหตุผลโง่ ๆ

คือ ต ้องการประหยัด แต่ลึก ๆ ในใจไม่ต้องการให้แม่ผัวเม้นส่วนเกิน แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูก ๆ
คงไม่ อยากให้แม่เหนื่อยจึงน้อมรับประกาศิตลูกสะใภ้ด้วยดุษฏี สองสามวันต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้น

เพราะความรักลูก

หลายครั้ง ที่แม่เฒ่าคิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาด
แม่เฒ่าจะเจียดเงิน ที่เก็บออม ไว้ ซื้อผลไม้ที่ลูกชอบติดมือไปด้วยแต่ทุก! ครั้งที่แม่เฒ่า
เดิน เข้าไปในบ้านสะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียด ๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ปิดประตูนอนดูโทรทัศน์
สั่งคนใช้ให้คอยสอดส่อง เดินตามแม่เฒ่า เธอกลัว แม่ผัวขโมยของในบ้าน

จะคุยกับลูกชายไอ้นั่น ก็ออกอาการไม่ว่างถามคำตอบคำเหมือนหนามตำโดน
โคนลิ้นจนอ้าปากลำบากลำบน อึดอัดแม่เกรงใจเมีย แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้นโตที่ห้อยแขวน
พระเครื่อง ราคาแพงในกรอบทองฝังเพชรพวงใหญ่ขึ้นมาส่องทีละองค์ด้วยความเลื่อมใส
และ ไม่แม้แต่ จะชายตามองแม่เฒ่าที่นั่งซึมอยู่ข้างตู้ทองอย่างเดียวดาย เก้ ๆ กัง ๆ
อยู่พักใหญ่ก็เดินออกจากบ้านลูก ชายคนโตอย่างเหงา ๆ โดยมีคนใช้ของลูกหิ้วถุงผลไม้
ตามมายัดคืนใส่มือ

ระหว่างทางก็ แวะทักทาย คนรู้จักเพื่อรักษามารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่ามันวังเวงจนจำไม่ได้ว่า
พูดคุยกับใครไปบ้างระหว่างทาง ลูกสาวคนเล็กที่แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวงนั่นแทบไม่ต้องพูดถึง
เธอยื่นคำ ขาดกับแม่เฒ่าตั้งแต้ครั้งแรกที่ ไปเยี่ยมว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหา
เพราะ บ้านเธอมีแขกที่เป็นลูกน้องของผัวและพ่อค้าวานิชเข้าพบผัวของเธอ
เพื่อ ขออำนวยความสะดวกในทางธุรกิจบ่อย ๆและผัวของหล่อน ก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่าง

ถ้าแม่เฒ่ารักลูกก็ควรจะต้องรักษา เกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย
แม่เฒ่าไม่เข้าใจว่าการรักษาหน้าตา ของลูกเขยนั้นต้องทำอย่างไร.
แม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดีลูกเขย
เป็นเจ้าคนนายคนแม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้ม ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็น
เจ้าคนนายคนจึงเหมือนกำแพงชนชั้นปิด กั้นระหว่างความเป็นแม่ลูกจนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น

ร้านสะดวกซื้อและ ห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมารายรอบร้านค้าของลูกชายคนที่สอง
กระทบ ธุรกิจของสองผัวเมียจนทรวดเซ ของขายไม่ได้มากเหมือนเก่าที่เอาอะไรมาวางก็ขาย
หมด ปัญหาและวิกฤติการเงินในบ้านส่งสัญญาณถึงขาลงสองผัวเมียเริ่มมีปากเสียงกัน บ่อยครั้ง
! และแทบทุกครั้งลูกสะใภ้ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผล

โดยที่ลูกชายก็ไม่ ออกอาการปกป้องแม่เฒ่าแต่อย่างใด...

12 มิถุนายน ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยพยับเมฆสลับกับ
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเป็นระยะ ๆ ครู่ใหญ่ ๆ ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่มฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง
ลูกชายลูก สะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังไม่กลับปล่อยแม่เฒ่าเฝ้าร้านค้าคนเดียว
แม่ เฒ่าจำได้ว่าวัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมาจอดหน้าร้านขอซื้อเบียร์ หนึ่งขวด
แม่เฒ่ารับเงินแล้วเดินเข้าไปเก็บใน ลิ้นชักโดยไม่ระแวงว่า
สอง วัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะกล่องช่วยกันแบกขึ้นรถ
ขี่ หายไปกับความมืด ก่อนสี่ทุ ่มเล็กน้อยสองผัวเมียจึงขับรถกลับเข้าถึงบ้านช่วยกันเก็บของเข้าร้าน
วาง ของทุกชิ้นเข้าที่ ๆ เคยวาง เมื่อไม่เห็นลังบุหรี่จึงหันไปตะโกนถามแม่เฒ่าที่กำลังจุดธูปไหว้รูปสามี

บน หิ้งเพียงคำตอบที่แม่เฒ่าตอบว่าไม่เห็นก่อนปักธูปลงกระถางเสียงสบถด้วยคำ หยาบ
ของลูกชายก็ดัง สวนสนั่นบ้านครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่กึกก้อง
ประสานเสียงกับสายลม นอกบ้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์

ตำรวจพาแม่เฒ่า ไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะ

ร้อยเวรแม่เฒ่าให้การไม่รู้ด้วยซื่อบริสุทธิ์ โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชายแม้แต่คำเดียว
กว่าชั่วโมงในห้องแอร์เย็นเฉียบ แต่ในอกในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟนรกแผดเผา
ที่ต้องวิงวอน สองผัวเมียให้เห็นบาป! บุญคุณโทษแต่สองผัวเมียกลับโยนภาระตอกย้ำให้ตำรวจ
อบรม แม่เฒ่า ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้านโดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่าที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้าน
ด้วย ความหนาว เหน็บ สายฝนยงสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก
ตำรวจยศนายดาบขับ รถร้อยเวรมาส่งแม่เฒ่า ที่บ้านบ้านซึ่งประตูเหล็กถูกปิดสนิท
แม่เฒ่าลง จากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้านแล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีด

กับภาพเบื้อง หน้าที่พื้นหน้าบ้าน เสื้อผ้าเก่า ๆ ยัดแน่นอยู่ในถุงถูกโยนออกมากองเรี่ยราดเหมือนขยะ
บนกองเสื้อผ้าของแม่ เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่ายของสามีแตกกระจายเกลื่อนกราด หยาดฝน
สาดซัดรูป ถ่ายขาวดำของสามีจนเปียกปอนขาดวิ่น แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอก
น้ำตา แห่งความรันทดทะลักล้นปนน้ำฝนปวดร้าวเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ

แม่ เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากสายฝนสุดชีวิต สองเท้าออกก้าวช้า ๆ
เหมือน ร่างไร้วิญญาณเข้าตลาดไปหยุดนิ่งอยู่ หน้าร้านขายทองของลูกชายคนโตเหมือนเป็นการบอกลา
แล้วลัดเลาะฝ่าความมืด และสายฝนไปยืน อยู่หน้าบ้านลูกสาวคนเล็กเก็บภาพแห่งความรักความทรงจำ
สุด ท้ายเป็นครู่ใหญ่จึงเดินจากไป

ท่ามกลางเสียงกึกก้อง! ของฟ้าร้องระงม สลับกับเสียงฟ้าผ่าแน่นหนักเป็นระยะ ดั่งเจ้ากรรมนายเวร
กำลัง เร่งรีบกรีดนิ้วกัปนาทบรรเลงเพลงกรรมในอดีตชาติติดตามมาทวงคืนให้แม่เฒ่า
ต้อง ชดใช้อย่างบอบช้ำยับเยิน

รถกระบะเก่า ๆ คันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอดสงบนิ่งอยู่หน้ากุฏิพระของสมภารเจ้าวัดตอนตีสาม
เศษ ๆ คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนนเปล่าเปลี่ยวเดียวด! ายด้วยใจเมตตา
เมื่อแม่เฒ่า ต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวชแม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวัดนี้
มานานแล้ว ตั้งแต่เจ้าอาวาส องค์เก่ายังอยู่นาทีสุดท้ายของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิต
จึงไม่มี ที่ไหนอบอุ่นให้พึ่งพิงเหมือนร่ม เงาฉัตรแก้วกงธรรมแห่งรัตนะทั้งสาม

ฟ้า เริ่มขมุกขมัวใกล้ค่ำลงทุกขณะ ผมจำเป็นต้องบอกลาท่านสมภารและแม่เฒ่า
เจ้า ของเรื่องราวน่าสลด นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จนวันนี้แม่เฒ่าไม่เคยออกไป
นอกวัด เหมือนๆ กับที่ทั้งสามคนก็ไม่เคยออกติดตามถามหาจะรู้หรือไม่ก็แล้วแต่ ว่าแม่
ซมซานมาอยู่วัดแต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่เงาของลูกทั้ง 3 ผมจากลาออกมาทั้งที่น้ำตาเปื้อน
หน้า ประโยคสุดท้ายของแม่เฒ่าที่ฝากมา. .

“แม่จำลูกได้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนโต จะทุกข์จะสุขก็คือลูกของแม่
แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จากลูกทุกคน เป็นการตอบแทน
ลูกเอ๋ย...เมื่อลูกยังเป็นทารกทุกครั้งที่แนบอกดูดดื่ม น้ำนมจากเต้า
สองมือน้อย ๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหว ๆ
วันนี้แม่สิ้น แรงแทบสิ้นใจจะมีมือของลูกคนไหน
เอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้นลม.....”



INSURANCETHAI.NET
Line+