ทำไมทุกคนจึงต้องตายเมื่อชรา
415

ทำไมทุกคนจึงต้องตายเมื่อชรา

ทำไมทุกคนจึงต้องตายเมื่อชรา
???
ข้อสังเกตหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดเวลามนุษย์ใกล้จะ "ไป" คือความชรา โดยมีอาการเริ่มต้นที่ผิวหนังชั้น  epidermis ที่อยู่นอกสุดของร่างกายคือ เซลล์ผิวหนังจำนวนมากในชั้นนี้จะตาย เมื่อร่างกายสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ไม่ทัน  ผิวหนังก็จะเหี่ยวและมีรอยย่นเต็มไปหมด  ยิ่งไปกว่านั้น  เซลล์ผิวหนังใหม่ที่ร่างกายสร้างขึ้นก็ไม่ยืดหยุ่นมากเท่าเซลล์เดิม  ในขณะเดียวกันต่อมเหงื่อที่อยู่ใต้ผิวหนังก็จะเริ่มทำงานอย่างไม่สม่ำเสมอ  ซึ่งมีผลทำให้ผิวหนังแห้งและซีด เพราะขณะนี้เส้นเลือดฝอยที่นำเลือดมาหล่อเลี้ยงผิวหนังได้ลดประสิทธิภาพการทำงาน  และเมื่อไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังลดปริมาณผิวหนังก็จะมีไฝ ฝ้า  ปรากฏ  และนี่คือสัญลักษณ์แสดงความมีอายุ
กระดูกในร่างกายก็เช่นกัน  สำหรับคนในวัยหนุ่ม-สาว  ร่างกายมีเซลล์  esteoblast  ที่ทำหน้าที่สร้างกระดูกและเซลล์ osteoclast ที่ทำหน้าที่ทำลายกระดูก  ซึ่งเซลล์ทั้งสองชนิดนี้ทำงานได้ดีพอๆ กัน  แต่เวลาร่างกายมีอายุมากขึ้น  กระบวนการทำลายกระดูกจะทำงานได้ดีกว่ากระบวนการสร้างกระดูก ดังนั้น  เมื่อร่างกายไร้สมดุลร่างกายของสตรีบางคนอาจจะสูญเสียกระดูกมากถึง 30%  ส่วนกรณีผู้ชายตัวเลขการสูญเสียอาจจะถึง 15%  ยิ่งไปกว่านั้น  เวลาคนเรามีอายุมากขึ้น  กระดูกก็มีแนวโน้มจะหักง่ายขึ้น  เพราะกระดูกขาดแร่ธาตุที่จำเป็นบางชนิด  ซึ่งมีผลทำให้กระดูกเปราะมากขึ้น  การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออาจทำให้ความหนาแน่นของกระดูกคนไม่เปลี่ยแปลง  และกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น  แต่ถึงแม้คนเราจะออกกำลังกายมากเพียงใดก็ตาม  เราก็ต้องยอมรับว่า ความแข็งแรงของร่างกายคนนั้นลดตามอายุ เพราะเวลามีอายุกล้ามเนื้อในร่างกายได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ และ  mitochondria ที่ ทำหน้าที่ผลิตพลังงานในเซลล์กล้ามเนื้อก็ลดประสิทธิภาพในการทำงานลง ซึ่งมีผลทำให้ความสามารถในการเคลื่อนไหวของข้อต่างๆ ในร่างกายลดลงด้วยและถ้าคนๆ นั้นเป็นโรคไขข้ออักเสบสมรรถภาพในการเคลื่อนไหวก็ยิ่งลดลงไปอีกมาก
ความสามารถของหัวใจในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายก็ลดลงด้วยเมื่อร่างกายชรา  ทั้งนี้เพราะผนังหัวใจด้านล่างมีความหนาเพิ่มขึ้น และเมื่อผนังหลอดเลือดหนาขึ้นเพราะมีไขมันและ collagen มาพอกพูนมาก  ปริมาณเลือดที่ถูกส่งไปเลี้ยงร่างกายก็จะลด  และถ้าไขมันมีมากหลอดเลือดก็จะถูกอุดตัน
สติปัญญา
คนปกติมี IQ สูงสุดเมื่ออยู่ในวัย 18-25 ปี  แล้วหลังจากนั้น  ความเฉลียวฉลาดก็เริ่มลดและความสามารถในการจำก็เริ่มลดด้วย  จนในที่สุดเขาจะจำอะไรๆ  ไม่ได้เลย นักชีววิทยาได้พบว่า  เวลาคนเรามีอายุมากขึ้น  สมองคนจะลดทั้งขนาดและน้ำหนักในช่วงเวลาที่คนมีอายุตั้งแต่ 20 ถึง 90 ปี  สมองอาจจะลดน้ำหนักได้ตั้งแต่ 5-10% และ 10% ของเซลล์สมองที่เรามีในขณะที่เรามีอายุ 20 ปีจะตายไปเรียบร้อย เมื่อเรามีอายุ 65 ปี

นอกจากการเสื่อมสลายของผิวหนัง  กระดูก  หัวใจ และสมองแล้ว  คนสูงอายุก็มีแนวโน้มจะติดโรคหรือเป็นไข้บ่อยด้วย  โดยเฉพาะโรคหวัด  ทั้งนี้  เพราะเซลล์ชนิดที่ร่างกายมีได้ลดจำนวนลง (เซลล์ตามปรกติมีหน้าที่ต่อสู้  โมเลกุลแปลกปลอมที่รุกล้ำเข้ามาในร่างกาย การไม่เคยพบโมเลกุลแปลกปลอมมาก่อน ทำให้ร่างกายไม่ได้สร้างระบบภูมิคุ้มกันสิ่งแปลกปลอม)  ดังนั้น  เมื่อระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมสมรรถภาพ  คนชราจึงล้มป่วยบ่อย  นอกจากนั้น  ในร่างกายของคนชราบางคน  ระบบภูมิคุ้มกันแทนที่จะช่วยต่อสู้ศัตรูของร่างกายกลับแปรพักตร์ไปเป็นศัตรูของร่างกายคือ  ทำร้ายร่างกายของคนๆ  นั้นเอง  สร้างโรคอัลไซเมอร์  และโรคไขข้ออักเสบ  เป็นต้น

เหล่านี้เป็นอาการภายนอกที่เราเห็นเวลาคนเราย่างเข้าสู่วัยชรา  แต่ถ้าเราต้องการจะดูลึกลงไปถึงความเป็นไปภายในเซลล์ของร่างกายคนชรา  เราก็จะเห็นว่า ออกซิเจนและน้ำตาล  ซึ่งเป็นธาตุและสารประกอบที่ร่างกายต้องการในการดำรงชีวิตมาก  กลับเป็นตัวการที่ทำร้ายเซลล์มากที่สุด
นักชีวเคมีรู้ว่าเซลล์ในร่างกายของคนวัยหนุ่ม-สาวนั้น  ใช้ออกซิเจนในการสลายโมเลกุลอินทรีย์เช่น ไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรตเพื่อจะได้พลังงานออกมา แต่กระบวนการสร้างพลังงานนี้  มีการปลดปล่อยอนุมูลอิสระ (free radical)  ออกมาด้วย  ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เป็นอนุมูลอันตราย  เพราะเวลามันอยู่ใกล้ mitochondria  ในเซลล์มันจะทำร้าย DNA  ที่อยู่ใน mitochondria และ chromosome แต่ถ้าร่างกายคนหนุ่ม-สาวมีวิตามิน E และ C เพียงพอที่จะทำลายอนุมูลอิสระเหล่านี้ ร่างกายก็ปลอดภัยและนอกจากวิตามินทั้งสองชนิดนี้ ร่างกายก็ยังมีเอนไซม์เช่น  catalase  ซึ่งสามารถเปลี่ยนอนุมูลอิสระชนิด hydrogen peroxide ที่เป็นพิษให้เป็นน้ำธรรมดาที่ไม่เป็นพิษได้ นักชีวเคมีประมาณว่าในแต่ละวัน  เซลล์หนึ่งๆ  จะมีเหตุการณ์อนุมูลอิสระทำร้ายเซลล์ถึง 10,000 เหตุการณ์  และเมื่อใดก็ตามที่องค์ประกอบส่วนใดของเซลล์ถูกทำลาย เซลล์ของร่างกายของคนวัยหนุ่ม-สาวก็จะซ่อมแซมทันที แต่ในเซลล์ของคนวัยชรา  กระบวนการทำลายเซลล์จะเกิดอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาจนชนะกระบวนการซ่อมเสริม  ดัง นั้น เซลล์ของร่างกายในวัยชราจึงเสื่อมสลายและทำงานผิดปกติมากขึ้นทุกวัน น้ำตาลก็มีบทบาทในการทำลายเซลล์เช่นกัน เพราะเวลาโมเลกุลของน้ำตาลทำปฏิกิริยากับโปรตีน (glycosylation) นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่ากระบวนการนี้ทำให้โปรตีนเปลี่ยนเป็น cholesterol ที่ผนังเส้นเลือดและกระบวนการ glycosylation นี้เองที่นักวิจัยได้พบว่ามีบทบาทในการทำให้คนเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้
ดังนั้น  เมื่อ DNA  และโปรตีนในเซลล์ถูกอนุมูลอิสระทำร้ายมากขึ้นๆ  จนกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไม่สามารถกระทำได้ทัน  ความบกพร่องในการทำงานของเซลล์ก็จะบังเกิด  และเมื่อเซลล์ทำงานบกพร่องมากขึ้นๆ  อวัยวะร่างกายก็ทำงานบกพร่องยิ่งขึ้นและนี่ก็คือที่มาของความชรา  เท่าที่กล่าวมานี้  เป็นเพียงการบรรยายว่าเวลาคนเรามีอายุมากขึ้น  ร่างกายเป็นอย่างไร  แต่เราก็ยังไม่ได้ตอบคำถามว่า  เหตุใดคนเราจึงต้องชรา
สัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า  ตาม ปรกติมักจะไม่ตายด้วยโรคชรา เพราะสาเหตุการเสียชีวิตของสัตว์ส่วนใหญ่มาจากการถูกสัตว์อื่นฆ่า หรือเป็นโรค หรือประสบภาวะขาดอาหาร หรือถูกดินฟ้าอากาศทำร้าย ดังนั้นในการที่จะสืบทอดเผ่าพันธุ์  สัตว์จึงต้องวิวัฒนาการให้มันสามารถสืบพันธุ์ได้เร็วก่อนที่อาหารจะหมดป่าหรือก่อนที่ตัวมันเองจะถูกทำร้าย  มนุษย์เมื่อ 5 แสนปีก่อนก็เช่นกัน  การที่มนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ได้  ทำให้มนุษย์ตายเร็ว  ดังนั้นยีน (gene)  ที่เป็นอันตรายเพราะทำงานบกพร่องก็มักจะถูกกำจัดไปก่อนที่มนุษย์ในสมัยโบราณจะได้ถ่ายทอดยีนนั้นสู่ลูกหลาน  แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนมนุษย์ได้ดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นอันตรายนัก  ยีนอันตราย  เช่น ยีนที่ทำให้เกิดโรค Huntington (อาการเดินกระตุก  พูดไม่ชัด และสมองเสื่อม)  ซึ่งคนวัยกลางคนมักจะเป็นได้ถูกส่งผ่านต่อไปยังลูกหลานเรียบร้อย  และยีนอันตรายเหล่านี้นี่เองที่ทำให้คนชรา  ดังนั้น  นักชีววิทยาที่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการจึงคิดว่า  การชราเป็นเรื่องที่ชีวิตหลีกเลี่ยงไม่ได้  ด้วยเหตุนี้ความพยายามของนักวิชาการปัจจุบันคือ  ค้นหาวิธีที่จะทำให้ร่างกายทุกส่วนชราช้าลง

ในวารสาร Scientific American ฉบับเดือนธันวาคม  2542 M.R. Rose  แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่  Irvine สหรัฐอเมริกาได้รายงานว่า
ถึงแม้ว่ามนุษย์จะมีอายุค่อนข้างยืน  (แต่ก็ยังไม่ยืนเท่าต้นไม้)  มนุษย์ก็ยังมีความประสงค์จะมีอายุยืนขึ้นไปอีก  แต่วิธีการที่ไปสู่จุดนั้นไม่ง่ายเลย
ในงานวิจัยที่ผ่านมาได้มีการพูดถึงการออกกำลังกาย การกินอาหารและการฉีดฮอร์โมนเช่น growth hormone, telomeres และ antioxidants  ต่างๆ  เข้าร่างกาย  ว่าสามารถทำให้คนชราช้าลงได้  ความจริงมีอยู่ว่า  การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น  แต่ก็ยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดว่า  ร่างกายจะทำงานได้นานขึ้นและหยุดเมื่อออกกำลังกายแล้ว  ผลดีจากการออกกำลังกายนั้นจะยังคงปรากฎอยู่อีกนานหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้  การควบคุมการบริโภคอาหารในกรณีหนู  สามารถทำให้หนูมีอายุยืนขึ้นจริง  แต่การทดลองเดียวกันในกรณีของคนยังไม่มีข้อสรุป  และการฉีดฮอร์โมนต่างๆ  เข้าร่างกายนั้นอันตรายมาก
ส่วนงานวิจัยที่กล่าวถึงความสามารถของเอนไซม์ telomere  ในการชะลอความชราว่าทุกครั้งที่เซลล์แบ่งตัว  telomere  ซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ  ที่ปลายโครโมโซมจะหดสั้นเข้าๆ  จนถึงระดับหนึ่ง  เซลล์ก็จะหยุดแบ่งตัว  แล้วคนก็จะเริ่มแก่  การฉีดเอนไซม์ telomeres จะทำให้ telomeres ไม่หดตัว เซลล์จึงแบ่งตัวได้เรื่อยๆ  คนไข้จะไม่แก่  แต่การแบ่งตัวบ่อย เช่นนี้ ก็จะทำให้เซลล์นั้นมีโอกาสสูงที่จะเป็นเซลล์มะเร็ง  ส่วนการกำจัดอนุมูลอิสระนั้นก็จะสามารถทำให้สัตว์บางชนิดมีอายุยืนได้  แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่มีวิธี (ที่ปลอดภัย) สำหรับคน



INSURANCETHAI.NET
Line+