โปรแกรมการรักษาแบบการแพทย์ทางเลือก
460
โปรแกรมการรักษาแบบการแพทย์ทางเลือก
โปรแกรมการรักษาแบบการแพทย์ทางเลือก
หลักสำคัญของการรักษา คือ เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลล์มะเร็งจะถูกทำลาย และยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตประจำ วัน ได้แก่
1. ล้างพิษร่างกาย เพื่อลดการอักเสบ การสะสมสารพิษและสารอนุมูลอิสระในร่างกายที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดเซลล์ มะเร็ง และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย สามารถทำด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้
- ให้วิตามินทางเส้นเลือด ซึ่งประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิดที่จำเป็นต่อการขับของเสีย หรือสารพิษต่างๆออกจากร่างกาย เพื่อช่วยเร่งให้ตับสามารถขจัดสารพิษได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านการอักเสบ และยังประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ เช่น วิตามินบีรวม เกลือแร่แคลเซียม แมกนีเซียม ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าเรื้อรัง และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายซึ่งเป็นหลักสำคัญของการป้องกันและ รักษาโรคมะเร็ง
- โอโซนบำบัด เป็นการนำเลือดมาผสมกับโอโซนและออกซิเจนภายนอกร่างกาย แล้วนำกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยตับกำจัดสารพิษ ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนสำหรับการหายใจของเซลล์ ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ถือว่าเป็นการรักษาโรคมะเร็งแบบการแพทย์ทางเลือกวิธีหนึ่งที่สามารถใช้เสริม วิธีการรักษาแบบการแพทย์แผนปัจจุบัน
- การล้างพิษด้วยการให้ H2O2 (Hydrogen peroxide) ช่วยควบคุมการสร้างพลังงาน เพิ่มการไหลเวียนเลือด กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายซึ่งเป็นหลักสำคัญของการป้องกันและรักษาโรค มะเร็ง
- Far Infrared อินฟราเรดสามารถผ่านลงมายังชั้นไขมันใต้ผิวหนังได้ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการสะสมของสารพิษ จึงช่วยเร่งการขับเหงื่อและสารพิษออกจากร่างกาย ทั้งโลหะหนัก สารเคมี และสารพิษที่ละลายในไขมันให้ออกมากับเหงื่อ ช่วยให้เซลล์ต่างๆได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้นจากการไหลเวียนของเลือด ที่ดีขึ้น ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย จึงช่วยป้องกันมะเร็งได้
2. โภชนบำบัด เช่น
- รับประทานอาหารไขมันต่ำ จากศึกษาส่วนใหญ่พบว่าการรับประทานผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เส้นใยอาหารสูง และมีไขมันต่ำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้
- เลือกรับประทานอาหารที่สะอาด และทำสุกใหม่ๆ ไม่ควรรับประทานอาหารที่เก็บไว้นานโดยไม่ได้อุ่นให้เดือดใหม่ หรืออาหารแห้งที่ไม่แน่ใจว่าทำเสร็จใหม่ๆ เช่น ขนมปังตามร้านค้าที่ไม่มีวันหมดอายุ
- รับประทานผักผลไม้ให้หลากหลายชนิดให้มากขึ้น เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บร็อคโคลี่ แครอท ปวยเล้ง มะเขือเทศ แอปเปิ้ล ฝรั่ง แก้วมังกร ฯลฯ โดยควรเลือกชนิดออร์กานิค ปลอดสารพิษ หรือล้างให้สะอาด เพื่อลดการได้รับสารเคมีหรือสารพิษที่เป็นสารก่อมะเร็ง
- ลดอาหารดองเค็ม อาหารปิ้ง-ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือไนเตรท-ไนไตร์ท ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
- ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เช่น ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯ
- งดการรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ได้แก่ อาหารที่ผ่านการแปรรูป เช่น กุ้งแห้ง กุนเชียง หมูแดดเดียว อาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน อาหารที่มีสารปรุงแต่งกลิ่น สีและรส
- รับประทานอาหารเสริมที่ช่วยในการลดการอักเสบ เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิต้านทาน และช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็ง
เช่น วิตามินอี ไลโคปีน สารสกัดจากบร๊อคโคลี่ สารสกัดจากพริกไทยดำ สารสกัดจากขมิ้น สารสกัดจากพืชตระกูลกะหล่ำ วิตามินดี 3 ฯลฯ
3. ควบคุมน้ำหนักตัว ด้วยการออกกำลังกายและการลดรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาโดยไม่จำเป็น
6. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
7. นอนหลับและพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพราะการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเพิ่มการสร้าง ภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
8. อย่าเครียด อย่าทำงานหนัก และหาวิธีจัดการกับความเครียด
9. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม โดยไม่ควรหักโหม อย่างน้อยควรลุกเดินเล่นบ้างเพื่อให้ปอดขยายตัวได้เต็มที่ การออกกำลังกายจะทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
10. อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเช้าและก่อนนอน ฟอกสบู่ให้สะอาดโดยเฉพาะบริเวณที่อับชื้น เช่น รักแร้ ใต้ราวนม ขาหนีบ (ควรเลือกใช้สบู่สำหรับเด็ก) การอาบน้ำจะช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่ผิวหนัง หลังอาบน้ำควรเช็ดตัวให้แห้งแล้วใช้โลชั่นทาผิว เพื่อป้องกันผิวแห้ง โดยเลือกใช้โลชั่นที่ไม่มีกลิ่นน้ำหอม แต่ไม่แนะนำให้ใช้แป้งฝุ่น เพราะแป้งฝุ่นจะเป็นตัวนำเชื้อโรคเข้าสู่ปอดได้
11. หลีกเลี่ยงการรับสารพิษต่างๆ ทั้งจากมลพิษ ยาฆ่าแมลง สารเคมี สารโลหะหนักเข้าสู่ร่างกาย
นอกจากนี้ควรตรวจติดตามผลโรคมะเร็งผิวหนังตามแพทย์นัดอย่างเคร่งครัด และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย หากพบอาการผิดปกติอย่าเพิกเฉย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและวินิจฉัยอย่างละเอียดว่าเป็นเซลล์ มะเร็งหรือไม่ หรือมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นหรือไม่ อาการผิดปกติเหล่านี้ ได้แก่
- ระบบการขับถ่ายหรือการขับปัสสาวะผิดปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด
- เจ็บคอ เสียงแหบ ไอเรื้อรัง
- มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝตามร่างกาย เช่น ขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ หรือรูปร่างเปลี่ยนแปลง หรือแตกเป็นแผล มีเลือดออก
- มีก้อนที่ส่วนต่างๆของร่างกาย หรือก้อนโตอย่างรวดเร็ว
- มีแผลเรื้อรัง รักษาไม่หาย
- อาหารไม่ย่อย ท้องอืด คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
- ปวดหลัง บั้นเอว
INSURANCETHAI.NET