วิธีทำใจจากการอกหัก
473

วิธีทำใจจากการอกหัก

วิธีทำใจจากการอกหัก

การจีบ ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้คนสองคนหันมารักกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันยังมีปัจจัยอีกหลายๆอย่างที่ทำให้คนสองคนเข้ากันได้ ลักษณะนิสัย ความสนใจ โอกาสที่ได้อยู่ชิดใกล้ และที่สำคัญที่สุดก็คือ การถูกใจ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นนามธรรมที่สุด ดังนั้น "การจีบ" ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม ช่วยอะไรคุณไม่ได้

ผลที่ได้ก็คือ การอกหัก T_T

อกหัก เป็นเรื่องธรรมชาติ ในโลกนี้มีคน 6,000 กว่าล้านคน แต่คุณเองก็ยังเคยชอบสาวมาแค่ไม่กี่สิบคน คิดเป็น <0.0000000000016%
ดังนั้น  ที่ผู้หญิงคนนั้นจะมาชอบคุณมันก็คงไม่ต่างอะไรกันเท่าไหร่หรอก
ส่วนคนที่คบกันเป็นแฟนแล้วเลิกรา ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ที่จะเจอคู่แท้ อยู่กันจนฟ้าดินสลาย (ว่าไปนู่น)
ดังนั้นอกหักจึงเป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ ถึงมากที่สุด และก็เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่คนธรรมดาๆ อย่างเราๆ จะต้องพบเจอเสมอๆ มันจึงไม่น่ามีอะไรจะมาต้องเสียใจกับมัน ผ่านเเล้วก็ให้มันผ่านไป
เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาอย่างที่สุด

แต่มันก็เสียใจ นี่นา ...

งั้นมาหาวิธีแก้อาการอกหักกัน
อย่างแรกที่ต้องทำก็คือ ถามตัวเองก่อนว่า คุณอยากจะเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปไหม

ถ้าตอบ ไม่ ให้ไปที่ข้อ 1
ถ้าตอบ ใช่ ให้ไปที่ข้อ 2

1. ไม่: วิธีนี้จะทำให้คุณตัดใจจากเธอได้สนิท และไม่กลับมาคิดถึงมันอีก แต่ว่าคุณอาจจะต้องเสียเพื่อนดีๆสักคนหนึ่งไป และเธอเองก็อาจจะเสียใจไม่น้อยไปกว่าคุณ ซึ่งถ้าคุณรักเธอจริง..คุณอยากจะให้เธอเสียใจหรือเปล่า แต่หากการพบหน้ากันทำให้คุณทนไม่ไหว จะต้องกลับไปอาการหนักใหม่ การตัดใจก็จะเป็นการช่วยเหลือได้ในระยะยาว
ข้อจำกัด: สำหรับคนที่จำเป็นต้องเจอกันทุกวัน เช่น เรียนหรือทำงานอยู่ด้วยกัน แต่สำหรับคนที่อยู่ห่างไกลกันมันก็จะง่ายมาก

1.1 หลีกเลี่ยงการพบเจอ
- พยายามหลีกเลี่ยงการพบเจอให้ได้มากที่สุด เช่น เคยไปไหนมาไหนด้วยกันตอนกลางวันก็ไม่ต้องไป
- delete และ block ออกจาก msn จะได้ไม่เห็นแม้แต่ชื่อของเธอที่เป็นตัวหนังสือ และเผลอคุย
- ลบเบอร์ของเธอออกไปจากโทรศัพท์ ไม่ก็เปลี่ยนเป็นชื่อคนอื่นซะ แล้วก็ไม่ต้องโทร
- เลิกเขียน blog หรือ diary ถึงเธอซะที การพร่ำพรรณนาว่าเสียใจ ไม่ได้แปลว่าจะทำให้คุณเสียใจน้อยลง
- บอกเพื่อนว่า "ไม่ต้องถาม" ถึงเรื่องที่ผ่านมา เพราะคุณไม่ต้องการจะพูดถึงมันอีก เว้นแต่เพื่อนคนนั้นจะบอกคุณถึงความโชคดีของคุณที่สามารถหลุดออกมาจากห้วง ของผู้หญิง/ผู้ชาย คนนั้นได้ซะที ซึ่งก็จะทำให้คุณยิ้มได้ :D

1.2 พบปะคนอื่น หรือทำกิจกรรมอื่นที่จะดึงดูดความสนใจของคุณไป
- ให้เวลากับเพื่อนๆ และพ่อแม่มากขึ้นกว่าเดิม
- กลับมาสนใจการเรียนบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้ตกต่ำมานาน
- ถ้ายังว่างอยู่ ให้หางานพิเศษหรืองานอดิเรกทำ เช่น เล่นกีฬา อ่านหนังสือ แต่ห้ามทำอะไรที่คุณนึกถึงเธอ เช่น ร้องเพลงหรือเล่นดนตรีที่ทำให้คุณ emotional มากเกินไป
- หาเหยื่อรายต่อไปแทน จริงๆแล้ววิธีนี้เป็นวิธีที่เวิร์คมาก เพราะเมื่อเหยื่อรายใหม่เข้ามา (ซึ่งไม่ได้แปลว่าคุณจะไปตกหลุมรักรายนั้น ต่อ แต่ก็แค่ไปปิ๊งๆ หรือคลั่งเล็กน้อย) ก็จะทำให้คุณลืมเค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจจะวิธีคลั่งดารานักร้องอะไรแบบนั้นก็ได้ ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและหัวใจดี

2.ใช่: ซึ่งก็คือการที่คุณพยายามจะทำตัวเหมือนเดิม เพื่อรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนไว้อยู่ วิธีนี้ไม่ง่าย แต่ถ้าทำได้คุณก็จะเก่งมาก วิธีทำก็คล้ายๆกับข้อ 1.2 ข้างบนนั่นแหละ ก็คือในขณะที่คุณก็ยังเป็นเพื่อนกับเค้าอยู่ คุณก็อาจจะให้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนคนอื่นมากขึ้น ซึ่งถ้าผู้หญิงเค้าไม่ได้สนิทกับคุณมากนัก มันก็โอเค แต่บางทีถ้าเกิดว่าเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆ แล้วคุณห่างเหินออกไป เค้าอาจจะรู้สึกเสียใจมากๆ และมันก็จะไม่ดีกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้คุณต้องระลึกเอาไว้ว่า ผู้หญิงนั้นต่างจากผู้ชาย ตรงที่เธอสามารถเป็นเพื่อนกับคนที่เคยมารักเธอ คนที่เธอหักอก หรือแม้แต่คนมาหักอกเธอได้เสมอ ก็ ให้คุณชั่งน้ำหนักดูว่า การใกล้ชิดให้ได้มากที่สุดระดับไหนที่จะไม่ทำให้คุณกลับมาคลุ้มคลั่งเรื่อง เดิมต่อ แต่ก็อาจจะใช้วิธีแก้ปัญหาอื่นๆได้เช่น
- ในการสนทนาก็อย่าหลุดบทหวานออกมาให้เห็น เน้นบรรยากาศแบบเพื่อนคุยกับเพื่อน
- อย่าไปหลุดพูดเรื่องเก่าๆที่ผ่านมาแล้วอีก
- มองเรื่องในอดีตที่ช้ำๆให้กลายเป็นเรื่องฮาๆ และมองเรื่องนั้นในมุมมองของคนนอกแทน คืออย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องของเรา ให้คิดว่า เพื่อนเราคนนี้(เธอ)เคยคบกับใครสักคน..
- กิจกรรม จากที่ไปทำอะไรแบบที่คนรักกันเค้าทำกัน ก็เปลี่ยนเป็นกิจกรรมมันๆเน้นฮาๆ อะไรแบบนั้น หรือการไปกับคนหมู่มาก
- อย่าหึงเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และแสดงความยินดีกับหนุ่มคนใหม่ของเธอ มองหนุ่มคนนั้นในแง่ดี และดีใจกับเธอที่มีคนดีๆมาดูแล
ฯลฯ
ซึ่งสิ่งนี้มันก็ต้องอาศัยระยะเวลา คุณอาจจะพบว่าระยะแรกๆนั้นคุณจะทำใจยากมาก แต่หลังๆก็อาจจะชินเอง เพราะเธอซึ่งอยากเป็นเพื่อนกับคุณอยู่ ก็จะพยายามช่วยคุณในเรื่องนี้ด้วย
ที่สำคัญจำเอาไว้ว่า:...หากคุณทำใจกับเธอได้แล้ว และเริ่มแคร์เธอน้อยลง (พูดง่ายๆคือ เลิกจีบแล้ว) จงปฏิบัติตนกับเธอเหมือนเดิม  เคยไปกินข้าวกันก็ทำแบบนั้น เคยไปเที่ยวกันก็ทำแบบนั้น เพราะฉะนั้นคุณอาจจะสูญเสียเพื่อนที่ดีคนหนึ่งไปจริงๆ

วิธีทำใจจากการอกหัก ตอน เลือกสาวให้เหมาะกับตัวเอง

เมื่อมีคนเสนอ เราก็ต้องสนอง
วิธีทำใจจากการอกหักมาแล้ว ผู้ request มาคือนาย อ. เจ้าเก่า แต่บอกมาว่า ขอ request เผื่อเพื่อนๆ หลายๆคน เอ๊ะ...นี่ยังไง ฤดูกาลอกหักมาเยือนเหรอไง....

ตอนแรกที่นาย อ. ขอมา ผู้เขียนก็ตอบกลับไปว่า "เคยเขียนแล้วนี่นา" แต่ผู้ขอก็ตอบมาว่า "มีแค่ตอนเดียวเองอ่า จะเอาเพิ่ม" ...แต่ผู้เขียนก็ยืนยันว่า "วิธีทำใจอกหักเนี่ยมันไม่ง่ายนักหรอกที่จะเขียนออกมาเป็นขั้นตอน 1-2-3-4... ต่างคนก็ใช้วิธีแตกต่างกัน จะเขียนต่อมันก็หมดมุขแล้ว โฮะ โฮะ..." ผู้ขอก็ยังยืนยันอยากได้คอลัมน์นี้ตามเดิม พร้อมกับแนะนำมาว่า "งั้นให้เขียนการเลือกสาวคนใหม่ที่เหมาะกับตัวเองละกัน!" อืม...

อา... ไอเดียนี้ฟังดูเหมือนแนะนำให้หนุ่มๆ หูดำยังไงก็ไม่รู้ เพิ่งอกหักยังไม่ทันไร ก็แนะให้ไปหม้อต่อซะละ  อิอิ แต่ก็ไม่เลวแฮะ เพราะการทำใจจากการอกหักที่ง่ายที่สุดคือ การหาสาวใหม่ ..แหะๆ...แล้วแถม สาเหตุอันดับหนึ่งของการอกหัก(หรือแห้ว) ก็คือ...สาวที่จีบ ไม่เหมาะกับคุณเล้ย...!!

คำว่า "เหมาะ" เป็นความสัมพันธ์สองด้าน คือ คุณต้องชอบคนแบบเค้า และเค้าต้องชอบคนแบบคุณ แถมคนแบบคุณและคนแบบเค้าต้องอยู่ด้วยกันได้แบบไม่กัดกันตายไปข้างหนึ่งด้วย

อย่างแรก ลองมาดูกรณีของ "ความไม่เหมาะสม" หากคุณเป็นหนุ่มชนิดใดชนิดหนึ่งต่อในนี้ ที่ไปจีบสาวประเภทต่อไปนี้ ก็จงเตรียมตัวแห้วได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ตัวอย่าง

1. สาวเปรี้ยวจี๊ด ถูกจีบโดย หนุ่มเนิร์ดโลกทัศน์แคบ
2. สาวเด็กแนว ถูกจีบโดย กับหนุ่มเงียบ ไร้ความคิดเห็น
3. สาวธัมมะธัมโม ถูกจีบโดย หนุ่มขี้เหล้า เที่ยวหญิง ติดยา
4. สาวไฮโซหรูหราฟู่ฟ่า ถูกจีบโดย หนุ่มยาจก
5. สาวโคตรปกติ ถูกจีบโดย หนุ่มโคตรทำตัวแปลกแยก 555....

ที่พูดมานี่อย่าเพิ่งแย้งเด็ดขาด เพราะไม่ได้บอกว่าทุกกรณีจะต้องล้มเหลว แต่หมายถึงให้ดูภาพรวมๆว่า ถ้าคุณเป็นแบบนี้....ผลลัพธ์อาจไม่เวิร์คสูง เพราะอะไร?

เพราะ "ความแตกต่าง" ใช่มั้ย? ---> ไม่ใช่ครับ
แต่เป็นเพราะ "ความแตกต่างที่ไม่ลงตัว" ต่างหาก

อย่างงี้คู่รักควรจะ "คล้าย" กันมากกว่า "ต่าง" ใช่มั้ยล่ะ?

ก็ไม่ใช่อีกล่ะครับ....

เพราะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่า คู่รักที่ดีจะต้อง "เหมือนกันที่สุด" หรือ "ตรงข้ามกันที่สุด" อย่างไร แต่ผลการวิจัย โดย น.ส.วาวไพลิน จาก King's College London เจ้าเก่า...ระบุว่า
คู่รักที่ลงตัวนั้น จะต้อง  "คล้ายกัน" ในสิ่งดีๆ
และ "ต่างกัน" ในสิ่งแย่ๆ ที่จะมาค้ำจุนกันได้พอดี

1. สิ่งที่ควรคล้ายกัน เช่น...

- อุดมการณ์ ความคิด: อันนี้สำคัญมาก เราไม่ได้พูดถึงอุดมการณ์เล็กๆน้อยๆ เช่น ความคิดทางการเมือง คนนึงชอบทักษิณ คนนึงกรี๊ดอภิสิทธิ์ อะไรแบบนี้นะเฟ้ย (แม้จะมีส่วนอยู่..) แต่เป็น ทัศนคติในภาพกว้างเกี่ยวกับอะไรหลายๆอย่างรวมทั้งการใช้ชีวิตด้วย เพราะถ้าความคิดต่างกันมากๆแล้ว ยังไงๆก็ไปได้ไม่รอด เช่น ตอนเรียนหนังสือ หากฝ่ายหญิงเป็นเด็กเรียนมองว่าการเรียนสำคัญยังไงก็ทิ้งไม่ได้ ในขณะที่ชายเป็นเด็กเที่ยวมองว่า โดดเรียนไปเดทกันดีกว่า แบบนี้มันจะจีบกันได้ยังไงในเมื่อทัศนคติแรกเริ่มก็ต่างกันแล้ว อย่าว่าแต่การใช้ชีวิตเลย พอวัยโตขึ้นมาหน่อยชายอาจจะมองว่าการงานและเงินทองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคู่  ในขณะที่หญิงอาจมองความรักเป็นสิ่งเทิดทูนสูงสุด  อันส่งผลไปถึงการตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างในชีวิต เช่น การย้ายไปทำงานหรือเรียนต่อต่างประเทศ ..พอถึงตอนแต่งงานไป มุมมองการเลี้ยงลูกก็ต่างกัน...โอ้ว ไม่ต้องรอให้ถึงปานนั้นก็เลิกกันไปนานแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ การใช้เงิน นี่ก็สำคัญนะ หากคนนึงมองว่าจะต้องกินข้าวหรูๆ ส่วนอีกคนมัธยัธถ์ แรกๆก็อาจจะพอเลี้ยงได้ หลังๆไปกินข้าวถูกลงเพราะจน เลิกขับรถมารับเพราะน้ำมันแพง หญิงก็อาจจะหาว่า "นี่ เลิกชอบชั้นแล้วใช่มั้ย" ตามฟอร์ม -_-'' (เศร้าแทน)

- ระดับความสัมพันธ์: ถ้านิยามของการ "เป็นแฟน" มันต่างกันแล้ว ก็อาจจะไปรอดยาก ตัวแปรสำคัญคือ "ระยะห่าง" ของคุณกับเค้าว่าจะมีระดับไหน จะต้องเทคแคร์เท่าไหร่ เพราะคำว่า "มากไป" หรือ "น้อยไป" มันขึ้นกับบุคคล  บางคู่ต้องจู๋จี๋กันตลอดเวลา เจอหน้ากันทุกวัน ไม่งั้นจะลงแดงตาย แต่เค้าก็อยู่รอด บางคู่แทบจะไม่ได้เจอกันเลย 2-3 วันโทรไปหาที แต่เค้าก็อยู่รอด  แต่ถ้าเกิดคนนึงต้องการให้คุยกันทุกวัน sms หาทุก 10 นาที  skype วันละ 24 ชั่วโมง (คุ้นๆ..) ในขณะที่อีกคนนึงชอบรักษาระยะห่างเอาไว้ อาทิตย์นึงเจอกันหนนึงก็พอ ขอเวลาเป็นอิสระส่วนตัว กินเหล้า เที่ยวเตรี่กับเพื่อน ทำตัวคล้ายหนุ่มโสด (อี๋..หมั่นไส้) ...อันนี้มันก็อาจจะไปกันไม่ไหว ระดับการให้ความสำคัญกับงาน และครอบครัว(พ่อแม่) ก็สำคัญ เช่น หนุ่มบ้างาน vs สาวบ้ารัก หรือในกรณีสาวติดบ้าน กลับบ้านดึกไม่ได้เลย ต้องกลับบ้าน 6 โมงเย็น เลยทำให้ไม่มีเวลาเจอกัน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังรวมถึง มุมมองของความสัมพันธ์ การให้เกียรติกัน ผู้หญิงบางคนมองว่าผู้ชายจะต้องเลี้ยง ในขณะที่ผู้ชายมองว่าควรแชร์ มันก็เข้ากันไม่ได้  ในทางตรงกันข้าม หากผู้หญิงมองว่าต้องแชร์ แต่ผู้ชายอยากเลี้ยง..อันนี้มันก็อาจต้องมีทะเลาะกัน

และที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่อง....sex ต้องจูนเข้ากันให้ได้ว่าจะเอาระดับไหน :P

- ความสนใจโดยภาพกว้าง: เช่น ศิลปะ หรือกีฬา ใช่ว่าจะต้องสนใจเหมือนกันเด๊ะๆ แต่ความสนใจที่เหมือนกันทำให้คนสองคนสามารถพูดคุยกันได้ ตัวอย่างเช่นคู่หนึ่งผู้ชายบ้าคอมพิวเตอร์มากๆ ส่วนผู้หญิงไม่เป็นเลย วันๆสนใจแต่ละครน้ำเน่า  ผู้ชายก็ต้องไปคุยกับเพื่อนของตัวเอง เพราะคุยอะไรเธอก็เหวอตลอด ไม่รู้เรื่องอะไรเล้ยจริงๆ แค่บ่นว่าอยากได้ iPod nano เธอก็ทำหน้าโมโหและบ่นว่า "เลิกพูดเรื่องคอมกับชั้นซะที" ในขณะที่ผู้หญิงเองก็อาจอยากเม้าท์ AF โอ๊ย..คันปาก แต่หนุ่มเนิร์ดก็ดันไม่ดู ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เลยต้องโทรไปเม้าท์กับคนอื่นใน msn แทน อาจจะเป็นหนุ่มคนอื่นที่ดู AF เหมือนกัน  นานๆเข้ามันก็.....เอ่อ...  อา..เริ่มห่างเหินหนุ่มเนิร์ดไปเรื่อยๆ และใกล้ชิดกับหนุ่มติด AF คนนั้นแทน

นอกจากนี้ความสนใจนี่ก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถไปเที่ยวหรือมีกิจกรรมทำด้วยกันได้ เช่น ถ้าสนใจดนตรีแนวเดียวกัน ชอบดูหนังเหมือนกัน ชอบเล่นเกมเหมือนกัน อยู่ภาคไฟเหมือนกัน :D เป็นต้น  ...ถ้าเกิดสาวสนใจดนตรีร็อค แต่คุณกลับไปยืนเอ๋ออยู่ในคอนเสิร์ตเนี่ย แห้วแน่นอน ขอบอก...(แต่ยืนเอ๋อก็ยังดีกว่าไปยืนรอรับอยู่หน้า concert hall นะจ้ะ แหะ..แหะ..) :P

2. สิ่งที่ควรต่าง เช่น

- นิสัยขี้งอน: ก็แหมมมมมม ถ้าสาวขี้งอน มาปะทะกับหนุ่มขี้งอนจะเกิดไรขึ้นคะ ระเบิดตูม งอนไปงอนมา เน่าพอดี  ในขณะที่คนธรรมดา หากเจอสาวหรือหนุ่มที่ขี้งอนมากๆนี่มันก็จะทนไม่ไหว อาจเบื่อไปเลยก็ได้ ดังนั้นสาวขี้งอนจึงควรคู่กับหนุ่มชอบง้อ ง้อได้ไม่เบื่อ งอนปุ๊บก็ง้อปั๊บ ทันใจ  ..ส่วนหนุ่มขี้งอนก็ไปคู่กับสาวชอบง้อก็ละกันนะฮะ หุหุ...

- นิสัยขี้บ่น: ถ้ามันพูดมากทั้งคู่นี่ก็ยังพอให้อภัย ไปกันได้ เม้าท์กันแหลก  แต่หากกลายเป็นนิสัย "ขี้บ่น" แล้วล่ะก็ บ่นไปบ่นมามันก็ทะเลาะกันอ่ะดิ คนธรรมดาก็มักจะทนคนขี้บ่นไม่ไหว หากคุณเป็นหนุ่มขี้บ่นล่ะก็...คุณจะต้อง....หาสาวผู้สามารถรับฟังคุณได้โดยเงียบ และไม่รู้สึกสะทกสะท้อน happy กับการฟังคุณบ่น หรือไม่ก็สาวผู้สามารถต่อกรกับคุณได้จนคุณเลิกบ่นไปเลย

- นิสัยเครียดเกินเหตุ: พวกหนุ่มๆที่ชอบเครียดเนี่ย ขอบอกค่ะ สาวๆเค้าทนได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้นแหละค่ะ ถ้าเครียดมากๆเนี่ยนะค้า เค้าก็ไม่ไหวอ่ะ เค้าประสาทตายพอดี เอะอะนิดหน่อยก็ทำซีเรียส ทนไม่ได้ฮ่ะ  แล้วยิ่งถ้ามีนิสัยเครียดด้วยกันทั้งคู่เนี่ย ไปด้วยกันลำบาก เพราะความเครียดที่สะสมเนี่ยมันก็จะรวมตัวกัน...เอิ๊กส์ ระเบิดตายกันพอดี  ดังนั้นแนะนำว่า..หากคุณเป็นหนุ่มเครียด ถ้าไม่หาสาวอารมณ์ดีที่ฟังเรื่องเครียดๆของคุณ แล้วทำให้คุณหัวเราะหรือยิ้มได้ (ในกรณีที่ความเครียดของคุณอยู่ใน level a) ก็จะต้องเป็นแม่สาวผู้สามารถรับฟัง เป็นที่รองรับอารมณ์ของคุณได้ มีความอดทนสูงส่งมากๆ ไม่ว่าคุณจะโมโห อารมณ์ร้าย สักแค่ไหน คุณเธอก็ทนไหว..นั่นแหละค่ะ (ในกรณีที่ความเครียดของคุณอยู่ใน level b) หากสาวที่คุณหา..ไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ล่ะก็...แห้วมาเยือนแน่  หากสาวที่คุณจีบเป็นคนซีเครียดประมาณนี้..คุณก็ต้องเป็นหนุ่มนิสัยอย่างที่บอกอ่ะแหละค่ะ

- นิสัยเผด็จการ: นิสัยนี้หากเกิดกับผู้หญิงก็จะเรียกว่า "เอาแต่ใจ" แต่หากเป็นผู้ชายก็จะเรียก "เผด็จการ" นั่นคือ "แกต้องยอมชั้น" ลูกเดียว ไม่มีการยอมความในชั้นศาล ถ้าผมถูกก็คือถูก คุณต้องขอโทษ และผมจะไม่ขอโทษคุณ อะไรประมาณนี้ ฟังดูน่ากลัวพิลึก  เผด็จการมาเจอกับเผด็จการ ก็เหมือนกับจับเอาฮิตเลอร์มาเจอกับนโปเลียน คงฆ่ากันตายไปข้างเพราะไม่มีใครยอมใคร เช่น สังอาหารก็ทะเลาะกันว่าจะกินร้านไหน นั่งตรงหน้าต่างมั้ย สั่งอะไร... ดูหนังก็ทะเลาะกันว่าจะดูเรื่องอะไร ที่ไหน เก้าอี้เบอร์เท่าไหร่ ...ดูเสร็จก็ทะเลาะกันอีกว่าหนังสนุกหรือไม่ - -'' อืม หากคุณเป็นหนุ่มประเภทนี้ล่ะก็แนะนำให้เอาสาวที่ มีความเห็น แต่ "อะไรก็ได้" ...คือยอมคุณได้นั่นเอง (ในโลกนี้คงมีไม่กี่คน)  ...หากคุณเจอสาวเอาแต่ใจล่ะก็...คุณควรจะต้องยอมเธอได้ หากคุณเป็นคนชอบแสดงความเห็น และไม่ค่อยยอมใคร คิดเสมอว่าตัวเองถูกล่ะก็ คุณคงจะอยู่กับเธอไม่ได้นานแน่

3. กฎเหล็กข้อสุดท้าย: "ความต้องการ" ของทั้งสองฝ่าย

จริงๆแล้วข้อสามนี่สำคัญสุด เพราะ 1+2 ก็เป็นแค่ไกด์ไลน์คร่าวๆ ไม่ได้แปลว่า คนแบบนี้จะต้องการคนแบบนี้เสมอไปเสียเมื่อไหร่  เพราะจริงๆแล้ว สาวเรียบร้อยบางคนอาจจะชอบหนุ่มที่เข้ามาเติมสีสันให้กับชีวิตของเธอ หรือสาวห้าวก็อาจจะต้องการหนุ่มขี้อ้อนเข้ามาอ้อนเธอก็ได้  และสาวเด็กเรียนก็ไม่จำเป็นจะต้องชอบหนุ่มเด็กเรียนเสมอไป ดังนั้น...หากคุณโดนปฏิเสธ(แห้ว)กลับมาล่ะก็.. อย่าไปมองว่าการแห้วนั้นเกิดจาก...

- รูปร่างหน้าตา
- เงินในกระเป๋า
- ภาพลักษณ์ของคุณ
- การเอาใจใส่เขา

เพียงอย่างเดียว...

ปัจจัยเหล่านี้อาจสำคัญ (อย่างที่ได้บอกไปแล้ว ใน "วิธีการจีบสาวขั้นศูนย์") แต่จงระลึกเอาไว้ว่า  "นิสัยของคุณนั้นยังห่างไกลความต้องการของเขาอยู่มาก" และนี่เป็นปัจจัยสำคัญมากๆที่คุณมองข้ามไม่ได้

เพราะไมใช่่ว่าคุณไม่ดี แต่คุณ "ไม่ใช่" ไม่ว่าจะไปเสริมหล่อขนาดไหน รวยเท่าไหร่ ดูดีขนาดไหน เอาใจปรับไปส่งเขาทุกวัน...แต่ "นิสัย" ของคุณ ไม่ใช่แบบที่เธอต้องการล่ะก็...เธอก็คงจะไม่หันมาตกหลุมรักคุณได้หรอก หรืออย่างน้อยๆ เธอก็อาจจะเผลอชั่ววูบและหันกลับไปไม่ชอบเหมือนเดิม หรือไม่ก็จะเกิดกรณี...คบกันแล้วเลิก เพราะเธอ "ไม่ใช่"!!

ดังนั้นเนี่ย พ่อหนุ่มทั้งหลายที่แห้วมานะจ้ะ  อย่าไปคิดว่าตัวเองไม่มีดี  คุณอาจจะดี แต่ไม่ใช่ในแบบที่เขาต้องการก็ได้  ดังนั้นไม่ต้องมานั่งเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย หรือบ่น "เหงา", "เหงาer", "เหงาest" หรอกนะจ้ะ อิอิ .. และเมื่อจะจีบสาวคนใหม่เนี่ย ก็เลือกให้เหมาะกับตัวเอง จะได้ไม่แห้วอีกไงจ้ะ ...ขอให้โชคดี



INSURANCETHAI.NET
Line+