ธาตุทั้ง 5 สัมพันธ์กับสุขภาพภายใน
548
ธาตุทั้ง 5 สัมพันธ์กับสุขภาพภายใน
ธาตุทั้ง 5 สัมพันธ์กับสุขภาพภายใน
http://www.morsengproduct.com/ass/5element.gif">
ธาตุทั้ง 5 ของร่างกาย คือ 'ดิน' หมายถึง กล้ามเนื้อ อวัยวะ กระดูก และเส้นเอ็น 'น้ำ' คือ เลือดและของเหลวในร่างกาย 'ลม' หมายถึง อากาศ ช่องว่างในร่างกาย และ 'ไฟ' คือ อุณหภูมิของร่างกาย รวมถึง 'ปราณ' ซึ่งหมายถึง พลังธรรมชาติ หรือคลื่นแม่เหล็ก
จาค็อบ บอกว่า การกินอาหารผิด การใช้ชีวิตผิด ทำให้ธาตุต่างๆ ในร่างกายไม่สมดุล เป็นเหตุของความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน มะเร็ง ความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ เป็นต้น
ศิลปะในการใช้ชีวิตแบบธรรมชาติบำบัด คือ การปรับสมดุลของธาตุทั้ง ๕ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ การกิน และแม้กระทั่งการหายใจ คนทั่วไปหายใจโดยใช้ปอดแค่ ๒๐% ของความสามารถทั้งหมดของปอด ดังนั้น สุขภาพของคนๆ นั้นก็ดีได้แค่ ๒๐% หากสามารถปรับการหายใจให้ได้อย่างน้อย ๗๐% ก็จะดียิ่งขึ้น กระนั้นอากาศที่หายใจเข้าไปก็มีคุณภาพแย่
"การหายใจไม่เต็มที่สามารถ สร้างความอ่อนแอให้กับอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นปอด หัวใจ ระบบการย่อยอาหาร เมื่อเส้นเลือดไม่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ทุกอย่างก็พลอยมีปัญหา เพราะเลือดนำออกซิเจนและอาหารไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย เมื่อระบบรวนก็นำมาทั้งหวัด ภูมิแพ้ หอบหืด" จาค็อบ บอกถึงวิธีเยียวยารักษาตัวเองที่เริ่มต้นได้ง่ายที่สุด คือ การหายใจให้เป็น
จา ค็อบ ชี้ว่า วิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสังคมเมืองมักถูกเร้าให้เลือกสิ่งผิดๆ จะเห็นได้จากการคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยดื่มน้ำสะอาด แต่เลือกดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม แทนการดื่มน้ำจริงๆ อาหารที่รับประทานเข้าไปก็มักเป็นอาหารเชิงลบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทอด แป้งขัดขาวในขนมอบต่างๆ และโดยเฉพาะน้ำตาลฟอกขาว ที่นอกจากจะไม่ได้ให้สารอาหารที่สำคัญกับร่างกายแล้ว ยังดูดแคลเซียม ฟอสฟอรัส และไวตามินบี ไปจากร่างกายของเราด้วย
ปัจจุบันคนคุ้นเคยกับรสของน้ำตาล หวานๆ ไม่สามารถรับรสธรรมชาติของผัก ผลไม้ ได้อย่างแท้จริง ทำให้แทนที่เมื่อทานอาหารเข้าไปแล้วร่างกายจะได้ดูดซึม เพื่อเอาไปรักษาระบบเผาผลาญอาหารให้เหมาะสม เมื่อกินอาหารไม่ดีเข้าไป ร่างกายก็ต้องสูญเสียพลังงานต่อการย่อยและกำจัดสิ่งเหล่านั้นไป
"คนส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่เพื่อกิน"
เป็นงานหนักที่สุดแล้วที่พวกเขาทำ หรือไม่ก็นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ มีแต่นิ้วมือ ปาก และอวัยวะเพศเท่านั้นที่คนสมัยใหม่ใช้ แม้กระทั่งเวลาทำความสะอาดเท้าเขายังไม่ก้มตัวลงไปขัดเลย ไม่ออกกำลังกาย ไม่มีใครอยากเดิน ทุกคนพยายามจัดหาให้มีรถจากบ้านไปที่ทำงาน" จาค็อบพูดถึงวิถีชีวิตของคนสมัยใหม่ที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุล และเป็นต้นเหตุของโรคคนเมืองนานาชนิด และสิ่งที่เหมาะสมกับคนเราที่สุดต้องไม่ห่างจากความเป็นธรรมชาติ
การดำรงชีวิตของมนุษย์นับแต่โบราณ
พวกเขามีความเกื้อกูลและใกล้ชิดอยู่กับธรรมชาติ ยามเจ็บไข้ไม่สบายหนทางในการรักษาเขาใช้วิธีแบบธรรมชาติเป็นหลักผสมผสานกับ วิทยาการการรักษาโรคแบบดั้งเดิมที่ถือเป็นศาสตร์ทรงพลังอันเร้นลับ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงนำศาสตร์การรักษาแบบนี้มาใช้ควบคู่กันอยู่กับการแพทย์ แผนโบราณ
ศาสตร์แห่งพลังในการ “แมะ”เพื่อตรวจโรค
เป็นวิชาที่กำเนิดจากประเทศจีนมานับพันๆ ปี หมอจีนแผนโบราณที่เชี่ยวชาญการรักษาโรคจะใช้เวลาในการสัมผัสชีพจรคนไข้เพียง ไม่กี่วินาทีก็จะรู้ได้ในทันทีว่า คนไข้ผู้นั้นเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร ซึ่งเป็นการทำนายโรคได้ถูกต้องและแม่นยำ
ว่ากันว่า “วิชาแมะ”นี้เป็นศาสตร์แห่งการใช้พลังจิตอีกแขนงหนึ่ง
เพราะเหตุที่ต้องใช้ “สมาธิ”ระหว่างการสัมผัส เพราะฉะนั้น “หมอแมะ”จะ ต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงพอจึงจะเป็นคนสัมผัสไวหรือมีความรู้สึกไวต่อการ สัมผัสชีพจรคนไข้ ขณะอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่งหมอแมะจะรับรู้สภาพความเป็นไปของผู้ป่วยทาง “จิต”
ในเมืองไทยเรามีหมอแมะพลังจิตที่รับรักษาและตรวจโรคด้วยวิธีแบบจีนผสานกับการ ใช้สมุนไพรธรรมชาติหลายคน
แต่มีอยู่คนหนึ่งที่รับรักษาด้วยวิธีการนี้มากกว่า 40 ปี และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคนหลายๆ วงการ จนได้รับการขนานนามว่า “หมอเส็ง...หมอเทวดา”
“หมอเส็ง”หรือคุณฉัตร แสงสุริยะฉัตร เดิมเป็นคนแปดริ้วแต่มาเติบโตตั้งรกรากอยู่ในกรุงเทพฯ ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 8 คน “หมอเส็ง”เป็นเพียงคนเดียวที่สืบทอดศาสตร์ในการรักษาโรคโดยแพทย์แผนโบราณมา จากคุณพ่อ
“คุณ พ่อผมมาจากเมืองจีน มณฑลกวางตุ้ง ตระกูลของคุณพ่อผมเป็นตระกูลแผนโบราณสืบทอดกันมานับร้อยๆ ปีก็ว่าได้สมัยพ่อผมท่านก็เปิดร้านขายยาสมุนไพรไทยมากขึ้น ผมเองก็เรียนรู้ด้วยการคลุกคลีกับท่านมาตั้งแต่เด็ก คอยเป็นลูกมือคุณพ่อ เขาใช้ให้ทำอะไรก็ทำ จะผสมยา หั่นยา กวาดยา หรือเก็บยายังไงก็ต้องทำ แล้วยาแต่ละตัวออกฤทธิ์ยังไง รสฝาดหรือขม อันนี้ก็ต้องรู้”
“หมอเส็ง”เริ่ม ต้นการเป็นแพทย์แผนโบราณเมื่ออายุ 18 ปี กระทั่งปัจจุบันผ่านมาถึง 45 ปีแล้ว หมอเส็งได้เล่าถึงประสบการณ์ในการรักษาคนไข้ในสมัยแรกเริ่มว่า
“สมัย แรกที่เริ่มปรึกษาผมก็รักษาโรคพื้นๆ ก่อนพวกปวดหัวตัวร้อน ปวดข้อ ปวดกระดูก ใจสั่น เป็นลม คนสมัยก่อนไม่ค่อยเป็นอะไรเพราะเขากินธรรมชาติ กินยาสมุนไพร และสมัยที่ผมอายุ 20 ย้อนหลังไป 40 กว่าปี คนสมัยนั้นไม่มีนะที่จะเป็นอะไรเพราะเขากินธรรมชาติ กินยาสมุนไพร และสมัยที่ผมอายุ 20 ย้อนหลังไป 40 กว่าปี คนสมัยนั้นไม่มีนะที่จะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็งสมัยก่อนก็ไม่ค่อยเห็น ตามร้านขายยาสมุนไพรสมัยนั้นมียาอยู่กี่ตัวกันมีแค่ยาเขียว ยาหมอ ยาแก้ไข้ ยามหาจักร ยากุมารอ้วนพี มีขายยาไม่กี่สิบตัว และสมุนไพรก็ใช้ที่เก็บจากป่า เดี๋ยวนี้ป่าหมดไปเยอะทำให้สมุนไพรไทยหายไป แต่ก่อนป่ามีทั่วไปในเมืองไทย มีป่าที่ไหนมีสมุนไพรที่นั่น ตามท้องนาใกล้บ้านก็มีสมุนไพรอยู่ สมัยก่อนคนที่ขายสมุนไพร เขาจะมีเรื่อไปเก็บสมุนไพรทางภาคเหนือและภาคใต้หรือมีเรือไปรับซื้อ บางครั้งก็มีชาวบ้านเอาลงเรือ ลงรถไฟมาขายให้ก็มี และวิธีรักษาของผมในยุคนั้นก็ใช้แพทย์แผนไทยผสมจีน มีการแมะ จับชีพจร”
“การแมะ” หรือการตรวจจับชีพจรเป็นอย่างไร หมอเส็งได้อธิบายให้ฟังว่า
“การแมะนั้นจะเกี่ยวข้องกับการมี สมาธิ คนตรวจจะต้องมีสมาธิพอสมควร ถ้าคนที่แมะเก่งๆ หากตรวจหัวใจคนไข้บางทีต้องควบคุมการเต้นของหัวใจตัวเองกับคนไข้ว่ามีจังหวะ เดียวกันมั้ย เพราะฉะนั้นการฝึกสมาธิต้องมีบ้าง มาถึงจะไปจับส่งเดชไม่ได้นะครับ แล้วการจับชีพจรนี่ก็จับตรวจโรคได้บางอย่าง บางอย่างก็ตรวจไม่พบ ไม่ใช่ว่าจับชีพจรแล้วจะตรวจพบหมดนะครับ การตรวจจากชีพจรเนี่ยมันบอกถึงการเต้นของหัวใจ การไหลเวียนของเลือด ความร้อนความเย็นในร่างกายมันจะบอกได้จากชีพจรทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นรหัสการเต้นของชีพจรก็คือรหัสของโรค เราต้องอ่านรหัสแปลเป็นโรค วิธีการจับก็อยู่ในบริเวณข้อมือซึ่งจะมีชีพจรอยู่ ซึ่งถ้าชำนาญจับเดี๋ยวเดียวก็รู้”
ความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนโบราณทั้งไทยและจีนของหมอเส็งเป็นที่ รู้จักกันมานาน หลายๆ คนเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายแต่พอมาหาหมอเส็งโรคนั้นกลับหายสนิทจนเป็น ที่มาขอการขนานนามหมอเส็งว่า “หมอเทวดา”
“(หัวเราะ) อย่าไปพูดอย่างนั้นเลยคือผมเป็นคนที่ถือหลักธรรมชาติเป็นหลักในชีวิต กับที่มาของชื่อนี้ก็คือเมื่อสมัยก่อนผมไปรักษาพระผู้ใหญ่องค์หนึ่ง พอดีท่านป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ ลูกศิษย์ท่านก็เชิญผมไปรักษาที่วัดป่าบ้านตาด ผมก็ตรวจและจัดยาถวายท่านจนหาย และท่านก็เรียกผมว่า...โยมหมอเทวดา”(หลวงพ่อที่หมอเส็งกล่าวถึงนั้นก็คือ หลวงตามหาบัวนั่นเอง)
ระยะเวลาในการรักษาแต่ละโรคนานมั้ยคะ
“ส่วน มากที่นี่เราจะรับประกันได้ว่าจ่ายยาปุ๊บต้องได้ผล ผมจะจ่ายยาให้คนไข้ครั้งละ 10 วันถ้า 10 วันไปแล้วไม่ดีขึ้นคุณกลับมาเราจะเปลี่ยนยาให้โดยไม่เสียเงินเลยและถ้า เปลี่ยนแล้วยังไม่ได้ผลคุณเอาเงินคืนไปผมไม่รักษาต่อ คือการเป็นหมอเนี่ยเราจะรักษาโรคทุกอย่างไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามาแล้วเราจะรับรักษาหมดเราต้องรู้ว่าความสามารถเราอยู่ตรงไหน อย่างผมถนัดทางโรคหัวใจ ปอด ตับ ไต สมอง โรคภูมิแพ้ในเด็ก โรคของผู้หญิงเกี่ยวกับมดลูกอันนี้รับประกันว่าได้ผลแน่นอนเรารักษาได้ อย่างโรคหัวใจเรารับรักษาโดยใช้สมุนไพรหลายตัว ถ้าใครพูดว่ารักษาโรคหัวใจได้โดยใช้สมุนไพรตัวนั้นตัวนี้เพียงตัวเดียวรักษา ไม่ได้ผลหรอก สมุนไพรแต่ละตัวมีฤทธิ์จริงแต่ก็ต้องอาศัยสมุนไพรตัวนั้นตัวนี้เพียงตัว เดียวรักษาไม่ได้ผลหรอก สมุนไพรรักษาหัวใจก็มีพวกจันทน์ขาว จันทน์หอม เทียนทั้ง 5 ว่านน้ำฯลฯ มีเป็นตำรับเอามาต้มหรือบดเป็นผงกินก็ได้ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีใช้ไม่เหมือน กันเราต้องดูคนไข้ด้วย”
เคยใช้ “พลังจิต” มารักษาควบคู่กับสมุนไพรธรรมชาติมั้ยคะ ?
“ถาม ว่าเคยมั้ย เอาเป็นว่าถ้าใครที่มีพลังจิตอ่อนแอผมรักษาได้ ในเมื่อจิตเป็นพลังงาน เราก็เริ่มพลังงานให้เขาจนจิตแข็งแรง แล้วเขาก็จะต่อสู้เอง เขาจะเลิกกลัว เลิกวิตกกังวล คนเราชอบคิดว่าพลังจิตเป็นของพิสดาร ความจริงไม่ใช่ของพิสดารหรอกทุกคนก็มีจิตเป็นต้นกำเนิดของกำลังงานถ้าจิต เสียคือตื่นเต้นง่าย เครียด ห่อเหี่ยว ขี้กลัว ไม่มั่นใจในตัวเองก็จะทำให้กำลังเราลดลงไปทันทีเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย หรือถ้าจิตอ่อนเวลาไปงานศพกลับมาก็มักจะไม่สบาย ตรงนี้มันสื่อถึงกันได้รับสิ่งไม่ดีกลับมาได้ง่าย”
สมัยนี้มีโรคแปลกๆ เกิดขึ้นมาเยอะจะมีวิธีอะไรที่จะป้องกันโรคได้คะ?
“มัน ยาก ทำยาก เพราะปัจจุบันนี้ทุกอย่างมันก้าวหน้าเกิดไป สารเคมีเยอะไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ผลไม้ ใช้เคมีตลอด ข้าวก็มีเคมีหรือแม้แต่สัตว์อย่างไก่ สมัยก่อนต้องเลี้ยงถึง 6 เดือน ถึงจะได้กินแต่เดี๋ยวนี้เลี้ยง 45 วันก็ได้กินแล้ว โรคแปลกๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้หลายโรคแพทย์แผนปัจจุบันยังหาวิธีรักษาไม่ได้เป็นเพราะ สิ่งแปลกปลอมในบรรยากาศคือมลพิษทางอากาศ สารเคมีจากพืช ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ มีอยู่ทางเดียวที่จะป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นโรคก็คือคุณต้องรักษาร่างกายของ คุณให้สะอาด อย่าให้มีสารพิษคั่งค้างในตัว ซึ่งที่สถานพยาบาลของผมก็มียาที่กินเพื่อไม่ให้สารพิษคั่งค้างในตัว ยาตัวนี้มันจะดูดซึมสารพิษและระบายออกมานิดหน่อย”
ท้ายสุดหมอเส็งได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ยาสมุนไพรไว้ว่า
“สมุนไพร ไทยเนี่ยยอดเยี่ยมมาก อย่างว่านชักมดลูกเนี่ยก็คือสมุนไพรตัวหนึ่งเชื่อมั้ยว่าสามารถสร้างผู้หญิง ที่ไม่มีหน้าอกให้มีหน้าอกได้ หรือคนที่เสื่อมสภาพทางเพศพอกินตัวนี้อารมณ์ก็จะปรกติ มีข้อดีหลายอย่าง เพียงแต่ว่าต้องผสมให้ถูกหลัก และขอบอกอย่างหนึ่งว่า การใช้ตัวยาสมุนไพรเนี่ยเช่นฟ้าทะลายโจรที่แก้ร้อนใน แก้ไข้หวัด เราจะอาศัยฟ้าทะลายโจรตัวเดียวรักษาทุกโรคไม่ได้มันต้องมียาตัวอื่นแทรกเข้า ไปด้วยจึงจะออกฤทธิ์ได้ดี และใครบอกว่ายาสมุนไพรหายช้ายาแผนปัจจุบันหายเร็ว...ไม่จริงหรอก
ยาที่ถูกโรค เท่านั้นที่จะทำให้หายเร็ว เพราะฉะนั้นชีวิตผู้เจ็บป่วยทุกคนมีหวังนะครับ”
INSURANCETHAI.NET