เลือกหุ้นตัวไหน ช่วงเวลาหุ้นตก
738
เลือกหุ้นตัวไหน ช่วงเวลาหุ้นตก
ดัชนีล่วงมาเกือบ 12%
1.หาหุ้นปันผล ต้องเลือกดู ประวัติการจ่ายเงินปันผล ย้อนหลัง 5 ปี และ ต้องจ่ายต่อเนื่อง จากนั้นเอาเงินปันผล มาหารด้วยราคาที่จะซื้อ คูณด้วย 100 เพื่อทำเป็น % เช่น หุ้น A จ่ายเงินปันผลทุกปี และ คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปีนี้ 5 บาทต่อหุ้น
ราคาตลาดปัจจุบัน 80 บาท ฉะนั้นอัตราเงินปันผล = ( 5/80) X 100 = 6.25% เป็นต้น
2. ดูหุ้น Growth Stock (หุ้นเติบโต) คือ หุ้นที่มีสินทรัพย์ รายได้ กำไรสูง และขยายตัวมากกว่า หุ้นตัวอื่นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งราคาหุ้นสูง และไม่จ่ายเงินปันผล หุ้นเหล่านี้ ต้องหาจากงบการเงิน และ ข่าวสารที่ผ่านสื่อต่างๆๆ
3. ช็อป หุ้นราคาถูก หรือ P/E ต่ำ โดยหาจาก อัตราส่วนราคาหารกำไรต่อหุ้น(Price/Earnings Ratio : P/E) ที่ต่ำ เช่น หุ้น B มีกำไรต่อหุ้น 2 บาท ราคาตลาดปัจจุบัน 5 บาท ฉะนั้น P/E = 5/2 = 2.5 เท่า หุ้น X ทำธุรกิจเช่นเดียวกับ หุ้น B มีกำไร 1 บาท ราคาตลาดปัจจุบัน 5 บาท P/E =5/1 = 5 เท่า จะเห็นได้ว่าหุ้น B ถูกกว่าหุ้น X
เมื่อเข้าใจเงื่อนไขหลักที่เราจะเลือก เราล่อนหุ้นได้ ตามความต้องการดังนี้
1.หุ้นเงินปันผลมากกว่า 4.5 % ต่อปี คือ INTUCH, BTS, MODERN, TLGF, TRUEIF
2.หุ้นที่มีกำไรโตมากกว่า 15% คือ AOT, BA, BANPU ,CENTEL ,IVL ,BDMS ,CPALL, MINT, TUF, NWR, TTCL
3.หุ้นที่มี P/E น้อยกว่า 15 เท่า คือ AEONTS, AMATA, BBL, GFPT, KBANK, KCE, PTTEP, PF, SCB, STPI, SYNTEC, TASCO
4.หุ้นเงินปันผลสูงกว่า 4.5% และ P/E ต่ำกว่า 15 เท่า คือ BECL, CPNRF, AP, LPN, QH, SC, SIRI, SPALI, SPF, MC, PTTGC
5. หุ้นที่มีกำไรโตมากกว่า 15% และ หุ้นที่มี P/E น้อยกว่า 15 เท่า คือ BCP, WHA,
6.หุ้นเงินปันผลมากกว่า 4.5 % และ หุ้นที่มีกำไรโตมากกว่า 15% และหุ้นที่มี P/E น้อยกว่า 15 เท่า คือ BJCHI, SNC
INSURANCETHAI.NET