คปภ.ออกประกาศ สัญญาประกันภัย ห้ามรับ ประกันภัย รายใหม่

คปภ.ออกประกาศ สัญญาประกันภัย ห้ามรับ ประกันภัย รายใหม่
คปภ.แพร่ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ ห้าม บริษัทสัญญาประกันภัย รับ ประกันภัย รายใหม่ จนกว่าบริษัทจะแก้ไขฐานะเงินกองทุนฯ ครบถ้วนตามกฎหมาย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย เผยแพร่ประกาศ หรือโฆษณาการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยว่า บริษัทสัญญาประกันภัย มีสถานะต้องห้ามมิให้ขยายธุรกิจ โดยไม่สามารถรับ ประกันภัย รายใหม่ได้ จนกว่าบริษัทจะแก้ไขฐานะเงินกองทุนฯ จนสามารถดำรงเงินกองทุนครบถ้วนตามกฎหมาย ผ่านทางเว็บไซต์ของคปภ.

เนื่องจากตรวจพบว่า ณ วันที่ 30 มิ.ย.2558 บริษัทมีสินทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินจำนวน 7.38 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่า 30 ล้านบาท และมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนฯ เท่ากับ 22.92% ซึ่งตามกฎหมาย บริษัทจะต้องดำรงเงินกองทุนฯ จำนวนไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนฯ เท่ากับ 100%

กรณีดังกล่าว มีการสอบถามถึงการดำเนินการกำกับของคปภ. ที่ปล่อยให้บริษัทดังกล่าว มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนฯ ลงไปถึงระดับ 22.92% ซึ่งถือว่าต่ำมาก

เลขาธิการ คปภ. ตอบว่า มีการติดตามฐานะเงินกองทุนฯ ของบริษัท ประกันภัย อย่างใกล้ชิด แต่เนื่องจากบริษัทที่มีขนาดเล็ก จะมีความผันผวนของเงินกองทุนสูง เมื่อพบอีกครั้งก็หล่นลงไปอยู่ที่ระดับ 22.92% ทำให้ คปภ.เข้าไปดำเนินการป้องกันไม่ให้ขยายธุรกิจ

ส่วนกรณี ที่ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการผ่านสื่อมวลชน เหมือนกรณีบริษัทกมลประกันภัย ที่ถูกสั่งหยุดรับ ประกันภัย เป็นการชั่วคราว แต่ประกาศผ่านเว็บไซต์ของ คปภ. ทำให้ประชาชนไม่ได้รับทราบอย่างแพร่หลาย

ผู้ช่วยเลขาธิการสายพัฒนาและวิเคราะห์ระบบการตรวจสอบ คปภ. ตอบว่า เพราะบริษัทสัญญาประกันภัยผิดกฎเกณฑ์ของ คปภ.เพียงเรื่องเงินกองทุนฯ ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ซึ่งกฎหมายไม่ให้อำนาจ คปภ.ประกาศอย่างเปิดเผย

นอกจากนี้ บริษัทสัญญาประกันภัย ยังคงบริหารกิจการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ต่างจากบริษัทกมลประกันภัย ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ คปภ.

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่บริษัทสัญญาประกันภัย แก้ไขฐานะทางการเงิน ห้ามรับ ประกันภัย ลูกค้ารายใหม่ ห้ามรับสมัครตัวแทนใหม่ ห้ามทำการควบรวมกิจการกับบริษัท ประกันภัย อื่น ห้ามลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากแก้ไขฐานะการเงินให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด ข้อห้ามจะถูกยกเลิก

อ้างอิง : http://www.posttoday.com/economy/insurance/386010