ทองคำ
86

ทองคำ

ทองคำ

นักลงทุนหนีปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปไปลงทุนในโลหะมีค่า  ถามว่าทำไม   

1. ความเสี่ยงต่ำในภาวะผันผวน
      แน่นอนว่า ทองคำจัดเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจยังผันผวน  หลังจากตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ก่อน  ราคาทองคำกลับพุ่ง 2%  จากนั้นราคาก็ค่อยๆขยับสูงขึ้นมาเรื่อยๆ

    ถ้านำราคาทองคำในอดีตมาปรับค่าตามอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น  ราคาปัจจุบันยังห่างไกลจากราคาสูงสุดในปี 1980  ตอนนั้นทำสถิติราคาสูงสุดที่ 825.50 เหรียญต่อออนซ์  ซึ่งควรจะเท่ากับราคา 2,180.27 เหรียญ เมื่อเทียบกับมูลค่าเงินดอลลาร์ในปัจจุบัน

ราคาทองคำในรอบ 1 ปีเพิ่มขึ้น 34%

2. หลักทรัพย์ที่จับต้องได้
      อาการคลั่งทองในสัปดาห์นี้  ส่วนหนึ่งมาจากการที่นักลงทุนผละออกจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นกระดาษ  โดยเงินดอลลาร์ ยูโร และเยน  ถึงแม้ว่าจะถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ  แต่ราคาในช่วงนี้กลับมีความผันผวน
    “ทองคำไม่เหมือนแผ่นกระดาษที่ถูกผลักดันราคาโดยนักการเมืองขี้โกงและรัฐบาลที่ไม่มั่นคง” นาย Phil Streble นักกลยุทธการตลาดกล่าว “ผมรู้สึกสบายใจที่มีทองคำในมือมากกว่าที่จะมีเงินยูโรอยู่ในตอนนี้”
    ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ชาวยุโรปต้องการในช่วงนี้  เมื่อนักลงทุนกังวลว่า  ปัญหาหนี้ในภูมิภาคจะยังคงดำรงต่อไป  และเป็นผลให้เงินยูโรด้อยค่าลง  ผู้เชี่ยวชาญการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์กล่าว
    “ทองคำเป็นสิ่งที่ชาวยุโรปต้องการเป็นเจ้าของ  เพราะว่า  เขากำลังถูกไฟลนก้นโดยสกุลเงินของพวกเขา  ทำให้เขามุ่งไปหาสินทรัพย์ที่มีจับต้องได้แทน”

3. กังวลเงินเฟ้อ
      “นักลงทุนกำลังซื้อทองคำด้วยวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ  แถลงการณ์ของเฟดล่าสุดมีส่วนทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อมากขึ้น  โดยมีเงินจำนวนมหาศาลถึง 1 ล้านล้านเหรียญที่ใช้กอบกู้กลุ่มประทศยุโรปเป็นแรงกระพือให้ไฟแห่งความกังวลลุกโชนขึ้น”  นาย Jeffrey Nichols นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสกล่าว
      Nichols ได้ทำนายไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า  ราคาทองจะพุ่งทำราคาสูงสุดใหม่ในกลางปี 2010  และจะยังขยับขึ้นไปถึง 1,500 เหรียญต่อออนซ์ หรือสูงกว่านั้นในสิ้นปีนี้

4. ธนาคารกลางต่างกักตุนทอง
      ธนาคารกลางประเทศต่างๆที่กำลังกักตุนทองคำ  มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นราคาทองให้พุ่งสูงขึ้น  ประเทศอย่างจีนและอินเดีย ได้ทยอยเพิ่มทองคำไว้ในเงินทุนสำรองของตน  เพื่อชดเชยการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์  ขณะที่รัสเซีย คาซัคสถาน และเวเนซูล่า ก็เป็นประเทศที่ซื้อทองคำรายใหญ่
      อย่างไรก็ตาม  สหรัฐเป็นประเทศที่มีทองคำไว้ในครอบครองมากที่สุด ประมาณ 261.4 ล้านออนซ์ในทุนสำรอง  ถึงแม้ว่าสหรัฐจะไม่ได้ซื้อทองคำเพิ่มเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว

5. ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร
      พันธบัตรเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยและมีราคาขยับสูงขึ้นเมื่อเร็วๆนี้  แต่ทองคำเปล่งประกายได้ดีกว่า  เพราะนักลงทุนรู้สึกว่า  พันธบัตรให้ผลตอบแทนต่ำราวๆ 3.5% ในพันธบัตรแบบ 10 ปีเท่านั้น
      “ทองคำอาจไม่มีการจ่ายเงินปันผลแบบพันธบัตร  แต่นักลงทุนรู้ว่า บางทีราคาของมันอาจขยับขึ้นถึง 2%ในวันที่ดีได้  พวกเขาสามารถทำเงินได้สูงกว่าในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ จากทองคำ  มากกว่าเวลา 1 ปีที่ได้จากพันธบัตร” โบร์กเกอร์คนหนึ่งกล่าว

เมื่อไรภาวะกระทิงจะสิ้นสุด
      ราคาทองพุ่งเกือบ 40% ตั้งแต่ต้นปี 2009  และยังคงสร้างสถิติใหม่อยู่เรื่อยๆ  แต่นักลงทุนจำนวนมากต่างมองการวิ่งครั้งนี้ด้วยคำถามเหมือนกัน คือ เมื่อไร ภาวะกระทิงจะสิ้นสุดลง
      ไม่ต้องสงสัยว่า  เงิน 1 ล้านล้านเหรียญที่ใช้ในการอุ้มกลุ่มประเทศยุโรป เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้ราคาทองคำทะยาน  โดยนักลงทุนเชื่อว่าเม็ดเงิน 1 ล้านล้านเหรียญจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า  และแน่นอนว่าทองคำจะถูกนำมาใช้ในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้น
      คำถามคือ  ต้องใช้เวลาเท่าไรในการอุ้มประเทศที่มีปัญหาและเงินยูโรจะไปรอดหรือไม่  บางคนถึงกับตั้งคำถามว่า ประเทศกรีกจะผิดนัดชำระหนี้หรือไม่
      ขณะที่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน  ราคาหุ้นยังคงต้องผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง  ราคาทองคำจึงสามารถขยับสูงขี้นไปอีกหลายไตรมาส
      “ยอดซื้อจำนวนมากมาจากชาวยุโรป  และเขาน่าจะเก็บมันไว้อย่างน้อย 6 เดือน แล้วค่อยขายออก  เพื่อกลับมาซื้อเงินยูโรที่มีราคาถูกคืน” นักกลยุทธคนหนึ่งกล่าว

แล้วเมื่อไรละที่ทองคำจะหยุดวิ่ง
      นายหน้าซื้อขายส่วนใหญ่เชื่อว่า  เมื่อไรที่ตลาดโดยรวมสงบลง  ราคาหุ้นเริ่มตั้งหลักได้  ตลาดพันธบัตรเริ่มทีทิศทางที่ชัดเจน  และที่สำคัญที่สุดคือเงินจำนวนมหาศาลที่ใช้แก้ปัญหาประเทศในยุโรปสามารถทำให้ประเทศเหล่านั้นยืนได้จริงๆแล้ว  เงินเฟ้อน่าจะลดลง  และตอนนั้นทองคำก็จะค่อยๆปรับลดลงมา



INSURANCETHAI.NET
Line+