ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิม
903

ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิม

ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิม
...
ผมเป็นคนหนึ่งที่ลงทุนมาตั้งแต่ก่อนต้มยำกุ้งและรอดชีวิตจากยุคต้มยำกุ้งมาได้โดยสมบูรณ์...วันนี้ได้ฟังนักวิเคราะห์สองท่านพูดถึงนักลงทุนในปัจจุบันที่เปิดพอร์ตลงทุนกับ บล. ที่เขาทำงานอยู่...นักวิเคราะห์ทั้งสองท่านบอกว่า นักลงทุนที่ติดต่อกับ บล. บอกว่า เงินติดอยู่ในหุ้นไปหมดแล้ว ได้ต่อรอคอยว่ามันจะขึ้นหรือไม่ ตอนนี้ไม่ซื้ออะไรอีกแล้ว ไม่มีเงิน...แต่ยังโชคดีที่ไม่ได้ใช้มาร์จิ้นมากๆ เท่าต้มยำกุ้ง
...
ขอออกตัวนะครับ ผมไม่ใช่ว่าเก่ง แต่เป็นเพราะผมบวชเมื่อ พ.ศ.2538 อยู่ 1 พรรษา พอสึกออกมา รู้สึกว่าใจยังไม่อยากหมกมุ่นกับตลาดหุ้น เลยดูๆ ไปอย่างเดียว จนต้มยำกุ้งผ่านหน้าไปต่อหน้าต่อตา...เห็นทุกอย่าง...เข้าใจทุกอย่าง...เพราะก่อนหน้านี้เล่น หลังจากสึกก็ยังดู แต่ตั้งใจไม่เล่น...
...
ในยุคนั้นก็เหมือนตอนนี้ มีเซียนมากมาย ที่คุณอาจจะไม่คาดคิดว่าเขาคือเซียนตัวจริงในยุคนั้น เช่น คุณวีระ ธีระภัทร ที่ปัจจุบันไม่พูดเรื่องหุ้นอีกเลย เอาแต่จัดวิทยุและนำเที่ยว, คุณศิริวัฒน์ แซนด์วิช...และอีกมากมาย
...
ผมจำได้ ก่อนฟองสบู่ต้มยำกุ้งจะแตก ดัชนีก็วิ่งที่ 1300-1400 แบบนี้แหละครับ แล้วเมื่อดัชนีถูกฝรั่งถอนเงินออกไปอย่างมั่นคง ยาวนาน หลายเดือนมากๆ
...
ผมจำได้ตอนนั้น นักวิเคราะห์ ซึ่งดูไม่เก่งเท่าเดี๋ยวนี้...ก็ว่า คงไม่ต่ำกว่า 1,000 ต่อมาก็ถอยเป็น 900 และ 800 ตามลำดับ ปรากฎว่า สถานการณ์ตอนนั้นคนไทยไม่เหลือเงินอีกต่อไปเลย ที่ดัชนีต่ำกว่า 600-700 แล้วในท้ายที่สุดก็ลงไปจุดต่ำสุดที่ 280 และใช้เวลานานเกือบสิบปี ดัชนีถึงวิ่งมาถึงจุดที่คนไทยติดอยู่เยอะๆ คือ 800-900
...
เซียนล้มหายตายจากไปหมด จากต้มยำกุ้ง
...
หุ้นที่เซียนถือไว้แบบ VI เมื่อกลับมารอบใหม่หลังต้มยำกุ้ง ไม่เคยฟื้นอีกเลย เช่น ธนชาติที่เคยมีราคาเหยียบร้อยในอดีต ก็มาวิ่งที่ 30 กว่าบาทตลอดมา ไม่เคยกลับไปเท่าเดิม, กรุงไทยที่เคยมีราคาถึง 35 บาท ก็ไม่เคยกลับไปสู่จุดเดิมได้เลย เทเลคอมเอเซียของเครือซีพี ที่แปลงร่างมาเป็นทรู ก็เคยวิ่งที่ราคาร้อยกว่าบาท ก็ลงมาเหลือพีคที่สิบบาทกว่าๆ ผาแดงที่มีราคาหลายร้อยบาท ก็เหลือไม่กี่บาท แม้จะ 20 ปีผ่านไป ก็ได้เท่านี้
...
ครั้งนี้ก็มีเซียนหน้าใหม่มากมาย ที่ผมสังเกตุว่า การมาออกทีวี เริ่มลดลง ออกวิทยุเริ่มลดลง...แต่คงยังไม่หมดไป ตราบเท่าที่ดัชนียังไม่ต่ำขนาด 700-800
...
จากประวัติศาสตร์สอนให้ผมรู้ว่า เมื่อฝรั่งตั้งใจถอนการลงทุน การตัดสินใจเข้าไปรับหุ้นเร็วเกินไป จะมีอันตรายมากครับ
...
ท้ายสุด ผมอยากฝากให้ท่านดูดัชนีนิเคอิ ที่เคยสูงสุดที่ 35,000 เมื่อ 1990 และความจริงอันโหดร้ายคือ เมื่อมาถึงตอนนี้ ที่ผ่านไป 25 ปี ดัชนีญี่ปุ่นไม่เคยใกล้เคียงเดิมเลย อย่างมากก็วิ่งที่ 18,000-20,000 และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ หุ้นที่ในยุคนั้นถือว่าหุ้นคุณค่า คนที่ถือไว้ในตอนนั้น กว่าครึ่งตลาดมันด้อยค่าไปแล้ว ตัวใหม่ๆ มันขึ้นมาแทนที่ต่างหากครับ
...
จากประสพการณ์ผ่านสมรภูมิเลือดอาคารสินธร (สมัยนั้นตลาดหุ้นอยู่ที่สินธร วิทยุ ครับ)



INSURANCETHAI.NET
Line+