ถอดรหัสเซียน : มีความรู้ทางด้านการเงิน ก็สามารถมั่งคั่งร่ำรวยได้
930
ถอดรหัสเซียน : มีความรู้ทางด้านการเงิน ก็สามารถมั่งคั่งร่ำรวยได้
strategy ตัวเองง่ายๆ
เป็นหนี้แบงก์ ขายบ้านได้กำไร
อสังหา > พัฒนาขึ้นมา
สร้างธุรกิจให้มีกระเเสเงินสด เอากระเเสเงินสดรวมกับกู้แบงก์
เพื่อทำอสังหาให้ได้ประแสเงินสดที่เป็นบวก
กรแสเงินสดที่เป็นบวก เอามาลงทุนหุ้น
ธุรกิจเป็นหนี้ไม่ใช่บุคคลเป็นหนี้ คนละส่วนกัน อย่าปนกัน
ขายความคิด และดึงเงินคนอื่นมาลงทุน ไม่ใช้เงินตัวเอง ใช้น้อยสุด
เงินฝากแบงก์ไม่ทันเงินเฟ้อ
เลือกลงทุนในหุ้น ง่ายๆ
ปันผล+ส่วนต่างราคา
เวลาซื้อคนพยายามหาวิธีการคำนวณ ล่วงหน้า ประมาณการ
ถามว่าที่มองไปข้างหน้าใครเห็นบ้าง?
ใครรู้ว่าจะเกิดแบบนั้นจริงๆ
นักลงทุนที่ขาดทุน โทรหาโบรคเกอร์ ซึ่งก็บอกไปตามวิธีคำนวณเพียงแต่ว่าสิ่งสำคัญของการลงทุน คือ แผนการ
เขาบอกคุณว่าซื้อตรงนี้ คณรรู้หรือเปล่าว่าต้องออกที่ราคาเท่าไร
โบรคบอกว่าหุ้นตอนนี้ 10 บาท วันที่คุณซื้อ คุณต้องรู้ว่าคุณจะออกเมื่อไรตั้งเเต่วันที่คุณซื้อเเล้ว
การประเมินการลงทุนอย่าทำให้ยากเกินไป ถ้ายากเกินไปทำให้คุณมักง่ายไปเลย ไม่คิดเองพึ่งโบรคเกอร์
พอพึ่งโบรคเกอร์อย่างเดียว คุณมักง่ายล่ะ คุณยกหูโทรศัพท์ถาม คุนดูในรายการเอาว่ามันต้องตัวเลขเท่าไร คุณทำการบ้านน้อยเกินไป
หลักง่ายๆของผมคือ ของบัฟเฟต
1. หุ้นดี
2. ราคาเหมาะสม
3. ผู้บริหารดี มีความสามารถในการแข่งขัน
ใครๆก็รู้ ซึ่งจริงๆก็มีเท่านั้น
ในการเล่นหุ้นผมไม่ดูราคาเท่าไร ผมทำ stock watch ไว้
ผมเลือกจากหุ้นที่ผมรู้จักและเข้าใจ เช่น ปีที่แล้วน้ำท่วมบริษัทขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านน่าจะกำไร หุ็นก็น่าขึ้น
ตะแกรงข้อสอง ดูอัตราผลกำไร 4-5% ได้ไม๊
ROA = เขาใช้สินทรัพย์คุ้มไม๊ ถ้า 10% กำลังดี
ROE = กำไรต่อผู้ถือหุ้น จ่ายเราเเค่ไหน 10-15%
ได้หุ้นคุณภาพมามอง
ลงทุนที่ราคาเหมาะสม?
ดูที่ PE ถ้าเกิน 10 เท่าก็ไม่ซื้อ (ของแพง)
100 กำไร 10 บาท / ปี เอาไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า
ถ้า PE เกิน 12 แสดงว่า กำไรไม่ถึง 10% ผมไม่เอา ผมรอ
แผนการ + วินัย
ช่วงรอผมมี stock watch มีหุ้นในใจ 4-5 ตัว รอดูอยู่
เมื่อไรที่ราคาเปลี่ยนแปลงเข้าไปซื้อ
แล้วคุณรู้ได้ไงหุ้นจะลงไปเมื่อไร (ไม่รู้) อยู่ที่แผนการแต่ละคน บางคน1000 ตก 900 เก็บ 800 ทะยอยซื้อ เเต่ของผม
2008 ผมรอให้ขึ้นมาก่อน รอฝุ่นตลบ เข้าไป 450 ไม่ได้เข้าตอน 300 กำไร 3 เท่า 8-900 ก็กำไร
วิธีการเลือกซื้อหุ้น
1. stcok watch
2. ราคาในใจ
3. ดูความสามารถในการแข่งขัน ดูข่าวที่มีผลกระทบ
ผมถึงบอกว่า คนที่ลงทุนแบบมักง่าย ที่ฟังอย่างเดียว เเล้วซื้อ พวกนี้ยังไงก็เจ๊ง
ยกตัวอย่าง มีข่าวมาสักข่าว มันอาจจะเกิดผลกระทบที่เราอาจจะไปเชื่อกันเอง
ฟังกันมาเอง เชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง น่ากลัวที่สุด
คนไม่เข้าใจธุรกิจก็เพี้ยนไปเลย ฟังแต่ตัวเลขที่เป็นราคา
เลือกขาย
มีราคาในใจไว้ก่อน ขึ้น 12 13 ขาย และมอนิเตอร์ด้วย ถ้าไม่ดีรีบออก
หุ้นลง
รับมีดทำไง มันคือ กลับไปที่มูลค่า ที่วิ่งลงคือ ราคา
ราคาที่ขึ้นบนกระดานคือ การยอมรับตรงกัน
ทำการบ้านเสมอ รอจังหวะมีแผนการชัดเจน
ทำการบ้าน รอจังหวะ มีสต๊อกวอช
จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญและผู้แต่งหนังสือการเงินการลงทุนหลายเล่ม
https://www.youtube.com/v/UiRkL7V4OQg
INSURANCETHAI.NET