เดอะเบสต์
954
เดอะเบสต์
ถ้ามีคำถามว่ารถยนต์ที่คุณคิดว่าเป็นเดอะเบสต์สำหรับคุณ คือยี่ห้ออะไร ?
ผมว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์นะ เลือกตอบ "เมอร์เซเดส-เบนซ์"
และคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะมันคือ "ความจริง"
วันก่อนค่าย "เบนซ์" นำทัพโดย คุณไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร จับมือ คุณมาร์ติน ชูลซ์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับ "บิสซิเนสเพอร์ฟอร์แมนซ์" เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย
น่าตกใจครับ !!!
ไม่คิดว่ายอดขายรถเบนซ์ ที่เมื่อก่อนดูต้วมเตี้ยม วันนี้จะพุ่งทะยานได้แรงขนาดนี้
ทั้ง ๆ ที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในภาวะอึมครึม
ปี 2555 เบนซ์ขายรถทั้งปีได้แค่ 6 พันคันเศษ ๆ พอขยับมาปี 2556 ขายเพิ่มเป็น 9,824 คัน ถัดมาอีกปีขายเพิ่มเป็นหมื่นกว่าคัน
โดยปีที่แล้ว 11 เดือนจบตัวเลขที่ 12,671 คัน ยังไม่รวมเดือนสุดท้ายที่ฟาดมาอีก 2,700 กว่าคัน
เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก ๆ
ผมว่าตัวเลขนี้ "คู่แข่ง" เห็นคงหนาว
ประธานเบนซ์อธิบายให้ฟังว่า เหตุผลของความสำเร็จมันต้องมาพร้อม ๆ กัน และความพร้อมที่ว่าก็คือ เทคโนโลยี-โปรดักต์-บริการหลังการขาย-ดีลเลอร์เน็ตเวิร์ก
และที่ขาดไม่ได้ คือ สินเชื่อพร้อมข้อเสนอที่ลูกค้าไม่กล้าปฏิเสธ
ซึ่งทุกองค์ประกอบเบนซ์ตอบทุกโจทย์ได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
ผมลองไปไล่เรียงดู เออ...จริงอ่ะ
เรื่องแรก เทคโนโลยี
ใครก็รู้ว่า รถเบนซ์เป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีทุกออปชั่นที่ปรากฏในรถยนต์ทุกวันนี้
ทั้งเอบีเอสที่ป้องกันล้อล็อกตายเวลาเบรกกะทันหัน
อีบีดีระบบที่ช่วยกระจายแรงเบรก
อีพีเอสระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
ครุยส์คอนโทรลตัวตั้งความเร็วอัตโนมัติ
สปีดลิมิตหรืออื่นๆ โดยเฉพาะระบบความปลอดภัย ก็เกิดจากยี่ห้อเบนซ์มาก่อนแล้วทั้งนั้น
ล่าสุดนี้ ท่านประธานเบนซ์ยังฟันธงว่า สุดยอดเทคโนโลยีตอนนี้ คงไม่น่าจะมีอะไรเกิน "บลูเทค-ไฮบริด"
ดังนั้น นโยบายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ปีนี้ ก็ยังคงเน้นสร้างความต่อเนื่องด้วยสิ่งที่ดีที่สุด
ซึ่งคนเบนซ์เรียกกลยุทธ์นี้ว่า "เดอะเบสต์" ที่จะมอบให้กับลูกค้าทุกคน
และเดอะเบสต์ที่ว่านั่นก็คือ เทคโนโลยี "ปลั๊กอินไฮบริด"
เรื่องที่สอง โปรดักต์
หัวข้อนี้ผมก็ตกใจอีกแล้วครับ !
เพราะว่าเบนซ์มีรถหลากหลายเซ็กเมนต์ให้ลูกค้าเลือกจริง ๆ
แบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน เริ่มจากกลุ่มคอนเทมโพรารี่ลักเซอรี่คาร์ ตระกูลซี-คลาส, อี-คลาส, เอส-คลาส, เอ็ม-คลาส และจีแอล-คลาส
กลุ่มนิวเจเนอเรชั่นคอนเซ็ปต์คาร์ (เอ็นจีซีซี) ไล่เรียงตั้งแต่เอ-คลาส บี-คลาส, ซีแอลเอ จีแอลเอ
และกลุ่มดรีมคาร์ อาทิ เอสแอลเค ซีแอลเอส อีคูป ซีคูป
ปีที่แล้วเบนซ์เปิดตัวรถใหม่ไป 21 รุ่น และประกาศชัดเจนว่าปี 2559 นี้จะเปิดอีก 20 รุ่น
จัดว่า "เยอะจริง"
เรื่องที่สาม เซอร์วิส สิ่งนี้คุณไมเคิลบอกห้ามมองข้ามเด็ดขาด
ทีมการตลาดขายรถคันแรก แต่ทีมเซอร์วิสขายรถคันที่สอง-สาม-สี่-ห้า
เพราะฉะนั้นหลายปีที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นแพ็กเกจ บริการหลังการขายจากเบนซ์เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่แบบรีไซเคิล ที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า"GenuineRemanufactured Parts"
หรืออะไหล่แท้ที่ผ่านกระบวนการปรับสภาพ และมีคุณภาพดีเทียบเท่ากับอะไหล่ใหม่ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดมลพิษ
มีเลานจ์บริการลูกค้า มีบริการรถสำรองฉุกเฉิน มีโปรแกรมผ่านสมาร์ทโฟนเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้า จะให้ไปรับรถมาเซอร์วิสหรือซ่อมเสร็จจะให้ไปส่งที่บ้านเลือกได้ทุกรูปแบบ
เรื่องที่สี่ ความเข้มแข็งของดีลเลอร์
ที่ผ่านมาเราได้เห็นโชว์รูมเบนซ์รูปแบบใหม่เปิดขึ้นเป็นดอกเห็ด รวมถึงมีคลื่นลูกใหม่เข้ามาเสริมทัพ
ทั้งสตาร์แฟลกของกลุ่มคุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช หรือ เมโทรของกลุ่มบุญวิสุทธิ์
แต่เท่านั้นยังไม่พอ เบนซ์กำลังเซตอัพ "ลุก" ใหม่เพื่อทำให้โชว์รูมไม่น่าเบื่อ ซึ่งมีดีลเลอร์จำนวนมากยอมเดินตาม
โดยปี 2559 เบนซ์มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 31 แห่ง และประกาศชัดเจนว่า
ปี 2560 จะมีให้มากถึง 37 แห่ง
เป็นแรงผลักดันสำคัญในการขายรถ
ส่วนเรื่องล่าสุด แพ็กเกจทางด้านการเงิน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ผลิตแพ็กเกจออกเยอะแยะมากมาย เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ มีโอกาสเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเช่น มายสตาร์ (myStar) แพ็กเกจที่ให้ลูกค้าเลือกผ่อนแค่ 1% ของราคารถ ทำให้ลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาสัมผัสรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายขึ้น
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาแล้วนี่เอง
ที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ กลายเป็น "เดอะเบสต์" ในทุก ๆ ด้านของคนค้ารถยนต์
INSURANCETHAI.NET