รายย่อยควรทำอย่างไร เมื่อหุ้นขึ้นยาว (และลงยาว)
975

รายย่อยควรทำอย่างไร เมื่อหุ้นขึ้นยาว (และลงยาว)

ดัชนีวิ่งแรง เลยลองหาความสัมพันธ์ระหว่าง SET Index กับปริมาณการซื้อขายสุทธิของ ฝรั่ง และ ย่อยไทย ตั้งแต่ต้นวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ จนถึงปัจจุบัน (ณ ปี 2012)
.
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงตามกราฟชี้ว่า ยอดซื้อขายสุทธิของฝรั่ง เป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางตลาด ทั้งขึ้นและลง ยิ่งซื้อขายสุทธิมากเท่าไร ทิศทางของตลาดยิ่งแรงตามกัน

.
ดังนั้น สำหรับนักลงทุนย่อยไทยอย่างเรา ๆ การซื้อ/ถือ/ขาย ตามทิศทางตลาด จะช่วยให้ได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยในแนวโน้มขาขึ้น และจะช่วยลดการขาดทุนในแนวโน้มขาลง



ในขาขึ้น หุ้นที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนนี้ เมื่อเดือนก่อนนี้ ก็มักจะมีราคาเพื่มขึ้นเรื่อย ๆ การทนถือหุ้นไว้หรือซื้อหุ้นเพิ่ม ในแนวโน้มขาขึ้น ก็จะทำให้ได้กำไรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากของเก่าที่ซื้อนานแล้ว และของใหม่ที่เพิ่งซื้อ … ส่วนการขายหุ้นในขาขึ้น ทนรวยไม่ได้ ก็จะมีหุ้นน้อยลงไปทุกที กำไรที่ควรจะได้ก็หดหายไปเรื่อย ๆ มีแต่เงินสดมากขึ้น ซึ่งแทบจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไร
.
ในทางกลับกัน ในช่วงขาลง หุ้นที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนนี้ เมื่อเดือนก่อนนี้ ก็มักจะมีราคาลดลงเรื่อย ๆ การทยอยขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ ก็จะช่วยให้ขาดทุนน้อยกว่าการทนถือไปเรื่อย ๆ … ส่วนการถัวซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นตลอดทางขาลง ประมาณว่า เห็นของถูกเป็นไม่ได้ ก็จะมีจำนวนหุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในราคาที่ต่ำลงเรื่อยๆ ก็เท่ากับขาดทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ … ของเก่า ๆ ที่ต้นทุนสูง ๆ จะเป็นพวกที่ขาดทุนเยินสุด ส่วนของที่เพิ่งซื้อมา ก็จะทยอยขาดทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
.
สรุปได้ว่า … ในขาขึ้น ยิ่งถือยิ่งกำไรมากขึ้น (แล้วจะขายทำไม) … ในขาลง ยิ่งถือยิ่งขาดทุนหนักขึ้น (แล้วจะถือไว้ทำไม) … ซึ่งการจะซื้อถือขายให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ก็จะต้อง (1) ต้องดูแนวโน้มขาขึ้นขาลงให้เป็น (อ่านได้จากบทความแนะนำด้านบน) และ (2)  ซึ่งสำคัญกว่าการรู้แนวโน้มเสียอีก นั่นคือ ต้องกล้าทำในสิ่งที่ต้องทำ ในเวลาที่ต้องทำ ถ้าต้องขาย ก็ขาย ถ้าควรถือ ก็ต้องถือ ถ้าต้องซื้อเพิ่ม ก็ซื้อ คืออย่าใช้มโนลงทุน



INSURANCETHAI.NET
Line+