ราคาหุ้นมีแนวโน้มหรือเปล่า และเราจะดูแนวโน้มยังไง ?
976

ราคาหุ้นมีแนวโน้มหรือเปล่า และเราจะดูแนวโน้มยังไง ?

Q: “ราคาหุ้นมีแนวโน้มหรือเปล่า? และถ้ามี เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้แนวโน้มเป็นอย่างไร?”

A: ราคาหุ้นมีแนวโน้ม ไม่ต่างจากตัวเลข Time series อื่น ๆ ในโลก เช่น ยอดขายแต่ละปี จำนวนประชากร จำนวนผู้ใช้บริการ (ดังนั้นเราจึงไม่ควรเสียเวลาเถียงกันในเรื่องความมีอยู่) … ซึ่งแนวโน้มแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก คือ 1) แนวโน้มขาขึ้น 2) แนวโน้มขาลง และ 3) แนวโน้มสับขาหลอก (Sideway หรือบางท่านเรียก ไม่มีแนวโน้ม หรือ รอเลือกทาง)

• การดูแนวโน้มแบบง่ายๆ ก็ให้ดูที่ “ทิศทาง” (หรืออาจเรียกว่า ความชัน) ของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา (Moving Average Line of Price) ซึ่งเป็นหลักการดูแนวโน้มของข้อมูลที่ “ใช้กันแำำพร่หลาย” ในการวิเคราะห์ธุรกิจ ไม่ใช่แค่เพียงการซื้อขายหลักทรัพย์เท่านั้น ซึ่งก็มีทั้ง Simple Moving Average ซึ่งให้ความสำคัญกับข้อมูลทุกชิ้นเท่าๆ กัน และ Exponential Moving Average ซึ่งให้ความสำคัญกับข้อมูลใหม่ๆ มากกว่า

• การสร้างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ก็เกิดจากการกำหนดกรอบเวลาที่ต้องการดูแนวโน้ม แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ยของข้อมูลภายในกรอบเวลานั้น (ศึกษาเพิ่มเติมได้เองที่นี่ http://en.wikipedia.org/wiki/Moving_average)

• ในการดูแนวโน้ม มักจะดูหลายๆ กรอบเวลาๆ (ดูหลายๆ เส้น) ทั้ง ระยะสั้น ระยะกลาง และะระยะยาว เพื่อดูความแรงของแนวโน้ม … ถ้าแนวโน้มทุกช่วงระยะเวลา ไปในทิศทางเดียวกัน ก็พอจะบอกได้ว่า ทิศทางของราคามีความชัดเจนมาก แต่ถ้าไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ก็อาจเป็นสัญญาณว่า แนวโน้มกำลังจะเปลี่ยน จากลงไปเป็นขึ้น (หรือไปเป็น Sideway) และ จากขึ้นเป็นลง (หรือไปเป็น Sideway)

• แนวโ้น้มจะเริ่มเปลี่ยนก็ต่อเมื่อ ข้อมูลชิ้นล่าสุดที่เข้ามา เกิดสูงกว่าหรือต่ำกว่า ระดับค่าเฉลี่ย (ราคาเกิดการ Cross over กับเส้นค่าเฉลี่ย)

และแนวโน้มจะเปลี่ยนอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นก็ต่อเมื่อ เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นกว่า เกิดการ Cross Over กับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวกว่า ซึ่งหลักนี้ก็คือพื้นฐานของเครื่องมือ MACD ที่ใช้กันแพร่หลายนั่นเอง

## จากข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปหลักในการดูแนวโน้ม และการเปลี่ยนแนวโน้ม แบบง่ายๆ ได้ว่า

1. การดูแนวโน้ม ให้ดูที่ทิศทางของเส้นค่าเฉลี่ย ว่าเป็นขาขึ้น ขาลง หรือสับขาหลอก
2. การดูจุดเปลี่ยนแนวโน้ม ให้ดูที่การตัดกันของ
  2.1) ข้อมูลราคาชิ้นล่าสุด กับ เส้นค่าเฉลี่ยราคา และ
2.2) เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นกว่า กับ เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวกว่า

(ซึ่งเป็นการเรียบเรียงจากการสังเกตข้อเท็จจริงโดยทั่วไป)



ยกตัวอย่างจากภาพ: SET50 Index (Weekly) ในระยะปัจจุบัน มีแนวโน้มระยะยาว และ ระยะกลาง เป็นขาขึ้น (กราฟมีความชันขึ้น) ขณะที่แนวโน้มระยะสั้น เริ่มมีการ Sideway สับขาหลอก รอเลือกทาง (กราฟค่อนข้างแบนราบ)

หมายเหตุ:

• การเลือกใช้กรอบเวลาของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งจะให้ผลคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน 100%
• หลักแนวโน้มใช้ประเมินอนาคตได้ระยะหนึ่ง ด้วยแรงส่งจากอดีต แต่ไม่อาจใช้ประเมินอนาคตระยะยาวมากๆ ได้



INSURANCETHAI.NET
Line+