เป็นคนระดับไหน… รายได้ก็อยู่ระดับนั้น“คน 3 ระดับ”
985

เป็นคนระดับไหน… รายได้ก็อยู่ระดับนั้น“คน 3 ระดับ”

“คน 3 ระดับ”

ระดับที่ 1 : ทำงานได้ตามที่สั่ง
คนทำงานกลุ่มนี้ มีมากที่สุดในทุกๆ องค์กร คนกลุ่มนี้ก็ยังต้องการการกำกับดูแลอย่างมาก จะให้เค้าทำอะไรก็ต้องบอก ต้องเจาะจง ต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติงานให้ เมื่อเค้าติดขัดอะไรเค้าก็จะมาถาม เมื่อถึงกำหนดที่จะต้องส่งงาน หลายๆ ครั้งก็ต้องลุ้นว่างานจะเสร็จมั๊ย และยังต้องลุ้นอีกต่อด้วยว่า งานที่ทำมันจะ “ใช้ได้” หรือไม่ ส่วนถ้าช่วงไหนไม่ได้มีงานอะไรที่มอบหมายเป็นพิเศษ คนทำงานกลุ่มนี้ก็จะไม่รู้ว่าควรทำอะไรดี

พนักงานกลุ่มนี้ ควรจะได้ค่าตอบแทนมากๆ รึเปล่า ?  ไม่ใช่
ความเป็นจริง คนทำงานกลุ่มนี้ ก็จะได้รับค่าตอบแทนในเรทปกติ เป็นเรทค่าเฉลี่ยๆ ที่คนส่วนใหญ่ได้กัน (นั่นก็เพราะคนกลุ่มนี้มีมากที่สุดในทุกๆ องค์กร)

ระดับที่ 2 : ทำงานได้ดีกว่าที่สั่ง
คนทำงานกลุ่มนี้ พัฒนาขึ้นกว่ากลุ่มแรกมาก แม้นายยังต้องมอบหมายงานเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ต้องเจาะจงรายละเอียดอะไรมากนักแล้ว เพราะคนกลุ่มนี้ “รู้งาน” รู้ว่าติดขัดจะต้องไปถามใคร ไปหาข้อมูลที่ไหน เป็นพวกที่สั่งงานแล้วแม้จะเงียบหาย แต่เมื่อถึงกำหนดส่ง ก็จะมีงานมาส่งตรงเวลาทุกครั้ง และคุณภาพงานก็ดี ในระดับที่นาย “ไว้วางใจ” คือแค่สั่งงานเสร็จ ก็ “อุ่นใจ” แล้ว ว่างานนี้เสร็จตรงเวลาและดีแน่ๆ

หลายๆ ครั้งคนกลุ่มนี้ยังทำงานได้ดีเกินกว่าความคาดหมาย เพราะมีการ Add Value หรือคิดรายละเอียดของงานเพิ่มให้ในบางประเด็นที่นายคิดไม่ถึง จนนายอาจต้องยิ้มเมื่อได้เห็นงานที่คนกลุ่มนี้ทำส่ง ซึ่งนั่นทำให้เมื่อมีงานสำคัญในครั้งต่อๆ ไป

ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับองค์กรด้วยว่า “ยืดหยุ่น” และดูแล “คนเก่ง” ได้ดีขนาดไหน แต่จากประสบการณ์ที่ผมเคยเป็นคนกลุ่มนี้มา

ระดับที่ 3 : ไม่จำเป็นต้องสั่ง
สั่งงแต่งานพื้นฐานต่างๆ ไม่จำเป็นต้องสั่งหรือมอบหมายคนกลุ่มนี้อีกแล้ว เพราะเค้ารู้หน้าที่ และ มีความรับผิดชอบสูง สิ่งที่คนกลุ่มนี้แตกต่างจากกลุ่มที่ 2 คือความสามารถในการ “คิดไปข้างหน้า” ว่ามีอะไรที่เป็นสิ่งที่ควรทำ (แต่ยังไม่มีใครทำ)

คนกลุ่มนี้เป็นคนที่ทันสถานการณ์ ทันสมัย เข้าใจแนวโน้มต่างๆ ตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลง ในห้องประชุม มักจะเป็นคนที่เสนอแนวความคิดใหม่ๆ เป็นคนที่อาจดูพูดมาก ช่างเสนอแนะ ดูจะชอบ “หาเรื่อง + หางานเข้าตัว” ในสายตาของคนกลุ่มอื่นๆ และมักจะเป็นต้นเหตุให้คนกลุ่มอื่นๆ ต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะดันไปสร้างงานเพิ่มให้เค้า แต่ก็เป็นคนที่ “อยู่ในสายตา” ของผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กร

สิ่งที่คนกลุ่มนี้จะได้เพิ่มขึ้นคือ “มีหน้าตา” หรือ “ตำแหน่ง” และโอกาสในการได้รับการผลักดันขึ้นเป็นผู้บริหารระดับที่สูงๆ ขึ้นไป คนกลุ่มนี้ มี “สปิริตของผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Spirit)” ทั้งๆ ที่ทำงานประจำอยู่ คือเขาคิด ทำงานเหมือนกับบริษัทเป็นของเขา ไม่ได้ต้องรอให้ใครมาบอกอะไร แต่คิดฝันถึงความก้าวหน้าต่างๆ ที่จะทำให้บริษัทอยู่เสมอ

เมื่อออกมาทำธุรกิจเองแล้ว ไม่มีใครมาสั่งงาน มามอบหมาย มาโมติเวทให้เราคิดเราทำอะไรอีกต่อไป เราเองต้องเป็นผู้ผลักดันทุกอย่างให้เกิดขึ้นเองทั้งสิ้น

ครั้งแรกนั้น ออกมาทำงานของตัวเองโดยไม่มีนายจ้างแล้ว และระหว่างทางของการพัฒนานั้น ทั้งทักษะ ทั้งประสบการณ์ และรายได้มันก็เติบโตขึ้นมามากอย่างน่าตกใจ

ค่าตอบแทนไม่เพิ่ม แต่ทักษะ ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ที่หล่อหลอมเป็นอุปนิสัยของท่าน มันจะติดตัวไปตลอด และมันมีคุณค่ายิ่งกว่ารายได้ที่เป็นตัวเงินในระยะสั้นๆ



INSURANCETHAI.NET
Line+